หน้าหลัก / รักโบราณ / หงส์เหนือพันธการ / บทที่ ๓/๓ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

แชร์

บทที่ ๓/๓ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

ผู้เขียน: KUNNUK
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-20 12:03:59

อวี่เทียนเหมยรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย ไม่ว่าสำหรับใครทั้งสิ้น กราบทูลที่บิดากล่าวนั้นหมายถึง การไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย อวี่เทียนเหมยเชื่อว่า ต่อให้เป็นท่านพ่อที่เป็นพระสหาย ผ่านเป็นร่วมตายกับฝ่าบาทมามากเพียงใดก็ตาม หากฝ่าบาททรงทราบถึงข้อความนี้ ไม่พ้นต้องทรงกริ้ว อวี่เทียนเหมยไม่อยากให้ฝ่าบาทและท่านพ่อต้องมาผิดใจกัน เพราะเรื่องของบุตร นางจึงต้องพึงระวังรักษาทั้งท่าทาง และคำพูดของตนเองเอาไว้ให้มาก

อวี่เสียนพูดไม่ออก เห็นอวี่เทียนเหมยแล้วก็สงสารบุตรสาวจับใจ รู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ชวนให้กระอักกระอ่วนเหลือเกิน เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งได้ฟังมา คำขู่เข็ญที่เพิ่งได้รับ ไม่ทำไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ดำเนินต่อไป บุตรสาวจะไม่มีความสุขมากกว่ามีความสุข

อวี่ฮูหยินถอนหายใจ สามียึกยักไม่ได้ใจความเหมือนยามสอนลูกศิษย์ ทั้งพ่อและลูกล้วนสงวนท่าที โชคดีที่เหมยเหมยเข้าใจง่าย พูดสองสามคำก็เข้าใจถึงเจตนา อวี่ฮูหยินบอกบุตรสาวว่า “ฝ่าบาทเสด็จมา”

อวี่เทียนเหมยตกใจอยู่บ้างเมื่อได้ยิน เหลือบตาไปมองซูผิง สาวใช้กลับส่ายหน้าว่าไม่รู้ ตกใจทว่าไม่ได้แปลกใจมากเ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๕ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    เดินต่อไปนับได้ประมาณอีกห้าก้าว ดาบไม่รู้ที่มาก็จ่ออยู่ที่ลำคอแล้ว อวี่เทียนเหมยตัวแข็งทื่อ องครักษ์เงาสวมใส่ชุดสีดำสนิทปกปิดทั้งตัว ไม่เปิดเผยใบหน้ากำลังยืนจ้องตากับนาง ดาบในมือพาดผ่านคองามระหง สมคำร่ำลือ อันตรายกว่าทุกที่ในวังหลวงเห็นจะเป็นตำหนักบูรพานี่เอง บึงพยัคฆ์ ถ้ำมังกรโดยแท้ นางเข้าออกวังหลวงนับร้อยพันครั้งไม่เคยได้รับการต้อนรับที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นเช่นนี้มาก่อน บรรยากาศโดยรอบอย่าว่าแต่เสียงนกกระจอก ยุงสักตัวก็คงไม่กล้าบินผ่าน อวี่เทียนเหมยค่อย ๆ ก้าวเท้าถอยหลัง กลัวว่าเลือดเนื้อจะปลิวสะบัดร่างกายแหลกเหลว โล่งใจที่ชายชุดดำไม่ตามมา ถอยแล้วก็ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับกันอยู่นาน เจียถิงตั้งสติได้ก่อนใคร รีบดึงแขนเจ้านายไปด้านหลัง ตนเองออกมายืนบังหน้า ซูผิงเห็นดังนั้นก็รีบทำตาม “บังอาจ” สาวใช้เสียงสั่นเล็กน้อย ด้วยว่าความกลัวไม่ด้อยน้อยกว่ากันสักเท่าไหร่ ทว่ากลัวเพียงใดก็ไม่ยอมถอยหนี เจียถิงดวงตาแข็งกร้าว บอกไปว่า “รู้หรือไม่ตรงหน้าเจ้าคือใคร ผู้ใดส่งมา” อวี่เทียนเหมยใจวูบหล่นหาย เกรงว่าทั้งเจียถิงและซูผิงจะเป็นอันตราย นางเป็นนายของสาวใช้ทั้งสอง จะให้

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๔ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    ‘แผนการดอกท้อ’[1] อาการป่วยดีขึ้นแล้ว จึงรีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮามาเมื่อเช้านี้ตามรับสั่ง พอถูกถามไถ่ความเป็นไประหว่างที่หายหน้าจนเสร็จสิ้นแล้ว หยางลู่ไทเฮาไม่รอช้า ตรัสเข้าประเด็นทันที อวี่เทียนเหมยได้รับรู้ชื่อแผนการในครั้งนี้ แผนการที่มีทุกฝ่ายร่วมมือสอดประสานขานรับ โดยมีเป้าหมายหลักอยู่เพียงเป้าหมายเดียวคือ หวังว่าทั้งนางและไท่จื่อ จะได้ร่วมกันกราบไหว้ฟ้าดิน ผูกผมเคียงคู่ ส่งอวี่เทียนเหมยบุตรีราชครู ขึ้นสู่ตำแหน่งไท่จื่อเฟย พอได้ฟังแล้ว อวี่เทียนเหมยหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก ปฏิเสธไม่ทัน ได้แต่ก้มหน้าจำยอมรับการเป็นตัวเอกของแผนการ ด้วยใจที่เกรงว่าจากแผนการดอกท้อจะกลายเป็น ‘บุปผามีใจแต่สายน้ำไม่พึงประสงค์’[2] ไปเสียมากกว่า! ตัวของนางเองนั้น เพื่อให้เพียบพร้อมทุกด้าน จึงต้องทำตัวเป็นสตรีประเภทที่เรียกว่า เข้าห้องโถงก็ได้ ลงครัวก็เป็น[3] เข้าห้องโถงร่วมงานเลี้ยงนั้นทำเป็นประจำ แต่ลงครัวนั้นทำพอเป็นพิธี คุณหนูในห้องหอ ต่อให้ลงครัวก็มีสาวใช้ตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้รอท่า เข้ามาแล้วก็ออกไป นับได้ว่าอวี่เทียนเหมยผู้นี้ ใช้ชีวิตโดยที่ สิบนิ้วไม่เคยต้อง

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๒ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    ซูผิงรู้ว่าตนถูกแกล้งก็หัวเราะร่วมไปด้วย ไม่ได้โกรธเคือง ยื่นโสมที่ถูกผ้าห่อเอาไว้มิดชิดเรียบร้อยแล้วส่งให้เจียถิง รีบเดินไปหยิบเก้าอี้มาสองตัว ตั้งหนึ่งตัวไว้ให้เจียถิงอีกฝั่ง ส่วนเก้าอี้อีกตัวนำมานั่งเอง อวี่เทียนเหมยเห็นท่าทีสาวใช้ รู้ได้ทันทีว่ามีหลากหลายเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง พอได้ฟังความซึ่งนำมาเล่าโดยซูผิง อวี่เทียนเหมยใบหน้าแห้งเหี่ยว ไม่รู้จะชื่นชมหรือตำหนิซูผิงดี การหาข่าวของสาวใช้นั้น ละเอียดเหมือนนั่งอยู่กลางจวนของผู้ถูกกล่าวถึงทั้งหลาย ใกล้ไกลเขาคิดเห็นเช่นไร รู้ไปหมดทุกเรื่อง! ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ชวนให้หัวใจอยู่ไม่สงบทั้งสิ้น…. ฟ้าฝนกำลังจะลาจาก ส่งท้ายฤดูกาลด้วยสายลมหนาว เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมกับเหมันต์ฤดู อวี่เทียนเหมยสวมเสื้อคลุมอยู่แล้วยังคิดว่าหนาวอยู่ดี ต่อมาเมื่อเจียถิงเอาผ้าอีกผืนมาคลุมเพิ่มให้ จึงรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง คนงามเหลียวมองรอบห้องหาสาวใช้อีกคน แน่นอนว่าไม่มีเสียงพูดเจื้อยแจ้วเข้าหู แสดงว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในบริเวณนี้ “ซูผิงเล่า” “นางไปเอายามาให้คุณหนูเจ้าค่ะ” เจียถิงตอบกลับมา รู้ว่าเจ้านายมองหาอะไร อวี่เทียนเหมยพยักห

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๓ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    อวี่เทียนเหมยรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย ไม่ว่าสำหรับใครทั้งสิ้น กราบทูลที่บิดากล่าวนั้นหมายถึง การไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย อวี่เทียนเหมยเชื่อว่า ต่อให้เป็นท่านพ่อที่เป็นพระสหาย ผ่านเป็นร่วมตายกับฝ่าบาทมามากเพียงใดก็ตาม หากฝ่าบาททรงทราบถึงข้อความนี้ ไม่พ้นต้องทรงกริ้ว อวี่เทียนเหมยไม่อยากให้ฝ่าบาทและท่านพ่อต้องมาผิดใจกัน เพราะเรื่องของบุตร นางจึงต้องพึงระวังรักษาทั้งท่าทาง และคำพูดของตนเองเอาไว้ให้มาก อวี่เสียนพูดไม่ออก เห็นอวี่เทียนเหมยแล้วก็สงสารบุตรสาวจับใจ รู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ชวนให้กระอักกระอ่วนเหลือเกิน เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งได้ฟังมา คำขู่เข็ญที่เพิ่งได้รับ ไม่ทำไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ดำเนินต่อไป บุตรสาวจะไม่มีความสุขมากกว่ามีความสุข อวี่ฮูหยินถอนหายใจ สามียึกยักไม่ได้ใจความเหมือนยามสอนลูกศิษย์ ทั้งพ่อและลูกล้วนสงวนท่าที โชคดีที่เหมยเหมยเข้าใจง่าย พูดสองสามคำก็เข้าใจถึงเจตนา อวี่ฮูหยินบอกบุตรสาวว่า “ฝ่าบาทเสด็จมา” อวี่เทียนเหมยตกใจอยู่บ้างเมื่อได้ยิน เหลือบตาไปมองซูผิง สาวใช้กลับส่ายหน้าว่าไม่รู้ ตกใจทว่าไม่ได้แปลกใจมากเ

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๑ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    อวี่เทียนเหมยนอนหงายอยู่บนเตียง เงยหน้ามองเพดาน สีหน้าบางครั้งซีดเซียวกว่าคนป่วยไข้ปกติธรรมดา บางคราก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้เหตุผล ผ้าห่มหลายผืนถูกคลุมไว้บนร่างกายซ้อนทับกันไว้ให้ความอบอุ่น คนงามปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวเพราะพิษไข้ นับได้เจ็ดวันหลังจากวันนั้น นางไม่รอให้ฝนซารีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตำหนักฉือหนิง ฐานที่มั่นอันคุ้นเคยหนึ่งเดียวของอวี่เทียนเหมยในวังหลวง ไทเฮามีพระเมตตามากล้น พระราชทานเสื้อผ้าชุดใหม่ไหมล้ำค่าปลอบประโลมใจ คนงามมีใบหน้ายิ้มแย้มกลับจวน กลัวคนในครอบครัวเป็นกังวล ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามอาการทรุด ล้มป่วยจนได้ บิดามารดา เห็นสีหน้านางไม่ถามไถ่ อวี่เทียนเหมยไม่กล้าคาดเดา และไม่ได้บอกเล่าออกไปว่าเรื่องราวในวันนั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบโกหก หากถูกถามขึ้นมาไม่พ้นต้องบอกตามจริง ยิ่งคิดยิ่งอาย อยากย้อนเวลากลับไปได้ รู้สึกว่าตนเองขาดการไตร่ตรองไม่น้อย หากกลับจวน วันหน้าค่อยไปพบ บางทีคงดีกว่า ‘โง่เขลายิ่งนัก’ มีเพียงคำก่นด่า สมน้ำหน้าตนเอง เอาเถิด…หากไม่ทำก็ไม่หายข้องใจ อย่างไรก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้! ถอนหายใจอีกครั้ง หลับตาลงตั้งใจว่า

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๔ ไร้ประโยชน์

    อวี่เทียนเหมยน้ำตาไหลพราก ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองตกต่ำมากถึงเพียงนี้ เขากล่าวว่านางไร้ประโยชน์! สามคำนี้เด่นชัดในหู สลักลึกยิ่งกว่าคำว่าไร้ศักดิ์ศรี! ไม่รู้ว่าเพราะตากฝนนาน หรือเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน สูญสิ้นทุกความรับรู้ ชาไปทั่วทั้งตัวครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ โกรธมากทีเดียว...แต่สู้อับอายไม่ได้ สมเพชตนเองอีกไม่น้อย ขอบคุณฝนที่ตกกระหน่ำในวันนี้ น้ำตาของนางจึงไม่โดดเด่นมากนัก ร่มของเขาที่ทิ้งไว้ยังวางอยู่ข้างตัว อวี่เทียนเหมยไม่คิดว่าเป็นเพราะความรักที่ทำให้นางร้องไห้ นางแน่ใจอย่างยิ่งในข้อนี้ เพียงแต่ความเสียใจเด่นชัด จนไม่อาจปฏิเสธ ระยะเวลาสิบปีกว่าปียาวนานชั่วกระพริบตาเดียว เวลาทั้งหมดที่ผ่านมา นางล้วนใช้ชีวิตโดยมีบุรุษผู้หนึ่งเป็นเป้าหมาย เรื่องราวมากมายของเขาถูกเล่าขาน...ล้วนดีมากกว่าร้าย ให้นางไร้ความรู้สึกกับเขาย่อมเป็นไปไม่ได้ กับไท่จื่อ...อย่างน้อย คำกล่าวที่ว่าหลงใหลได้ปลื้ม น่าจะไม่ผิดนัก เขาคือชายในฝัน ไม่ใช่แค่สำหรับนาง ใต้หล้านี้...เขาคือที่หนึ่ง สตรีใดบุตรสาวจวนไหนตระกูลน้อยใหญ่เพียงใดไม่ชื่นชมเขาบ้าง แล้วกับนางซึ่งถูกประกาศว่า ภายภาคหน้าได้

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๓ ไร้ประโยชน์

    เขาอยากรู้ว่านางจะอดทนได้ถึงขั้นใดกัน พญามัจจุราชแววตาลุ่มลึกดำดิ่ง นึกสนุกจนอยากยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี คิดชั่วอะไรในหัว ผู้ใดจะรู้ดีเท่าตัวเขา ยามสายฝนต้องตกกระทบสัมผัสนาง หาได้ต่างจากยามดอกไห่ถังต้องละอองฝน กลีบดอกไม้บอบบางสีแดงร้อนแรง วันนี้ถูกกลบด้วยอาภรณ์สีขาว ดูบริสุทธ์ดื้อรั้นเสียจนอยาก...ดอมดมให้ช้ำตรม เมื่อเห็นคนงามแซ่อวี่เดินเข้ามาใกล้ องครักษ์ทั้งสองของพญามัจจุราช มีนามว่าเจี้ยนฉางกับถางจี้ รู้หน้าที่ รีบเดินถอยห่างออกไปในทันที สายตาพวกเขาก้มต่ำ ผู้ใดจะกล้ามอง อย่างไรเสียก็ได้ชื่อว่าเป็นพระคู่หมั้น สายฝนเย็นจนแสบผิว สายตาเขากลับเย็นยิ่งกว่า อวี่เทียนเหมยรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ในหัวเริ่มมึนงง อึดอัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่สิ่งใดก็ไม่ทำให้ทรมานได้มากเท่ากับวาจาของเขา ที่กล่าวมากระแทกใจให้รู้สติ “ลืมสิ้นแล้วหรือศักดิ์ศรี” เสียงฝนตกดังไม่น้อย กระนั้นยังได้ยินวาจาของเขาชัดทุกถ้อย อวี่เทียนเหมยเกิดคำถามกับตนเอง นางบ้าดีเดือด หรือไร้ศักดิ์ศรีดังที่เขาว่า จำเป็นต้องยอมมากถึงเพียงนี้เพราะเหตุผลใด หากมีคนรู้เข้าต้องอับอายยิ่งกว่าถูกถอนหมั้น บิดามารดาจะเอาหน

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๒ ไร้ประโยชน์

    พี่ชายของนาง อวี่เหวิน พี่ใหญ่เขาแต่งเข้าวังหลวงเป็นราชบุตรเขย นับแต่วันแต่งงานของเขา ทุกคนในจวนตระกูลอวี่ กระทำสิ่งใดก็ตาม ห้าในสิบส่วน ต้องไว้หน้าเขา พี่ใหญ่เปลี่ยนไปตามที่อยู่อาศัย จวนตระกูลอวี่เลี้ยงเขามา แต่ห้ามทำให้เขาอับอาย พี่ใหญ่ไม่ใช่คนตระกูลอวี่แต่แรก เป็นลูกบุญธรรมของท่านพ่อท่านแม่ เลี้ยงตัวได้แต่เลี้ยงใจไม่ได้ อวี่เหวินผู้ควรจะเป็นที่พึ่งให้น้อง ๆ ไม่มีแล้ว วันหน้าบิดาลาจาก ใครจะเป็นที่พึ่งให้ทุกคน หากไม่ใช่นาง...ตำแหน่งไท่จื่อเฟยจะช่วยให้จวนตระกูลอวี่ดำรงคงอยู่ได้ อวี่เทียนเหมยนึกถึงหน้าบิดามารดายามนางเดินตามพญามัจจุราช นางเหนื่อยหอบ หายใจรัวเร็ว รู้สึกร้อนทั้งที่ฝนยังตกลงมาไม่ขาดสาย เป้าหมายของนางยิ่งนางเดินช้า เขายิ่งเดินห่าง เขาเดินก้าวเดียวเทียบเท่านางเดินสามก้าว ใครเห็นเข้าคงได้หัวร่อ ขบขันว่านางวิ่งตามบุรุษไม่อายฟ้าดิน! ทางเดินทอดยาวออกไปไกลเหมือนไร้จุดสิ้นสุด ไท่จื่อนั้นราวกับว่าเขาเหาะได้ แม้มองจากที่ไกล ๆ อวี่เทียนเหมยยังต้องนึกชื่นชมในใจ เขาดูสง่างาม เขาสวมใส่อาภรณ์สีดำสนิททั่วทั้งตัว ดูจากเสื้อผ้าก็บ่งบอกแล้วว่าเขาเป็นนรกหรือสวรรค์ นางและเขา

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๑ ไร้ประโยชน์

    อวี่คือแซ่ อักษรเหมยท้ายชื่อมาจากวันที่นางเกิดนั้นมีดอกเหมยบานสะพรั่งทั่วแผ่นดิน อักษรตัวสำคัญคือคำว่าเทียน ไหนเลยจะมาจากผู้อื่น เป็นเขาผู้นั้น องค์รัชทายาทโม่เทียนอวี่ อักษรเทียนนี้ ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่นาง พร้อมพระราชโองการระบุสัญญาหมั้นหมายที่มาเยือนถึงหน้าจวนตระกูลอวี่ สัญญาหมั้นหมายแตกต่างอย่างไรกับการผูกมัด ใคร ๆ ก็ว่าเป็นเรื่องมงคลยิ่ง มงคลอย่างไรกัน...แตกต่างจากพันธการอย่างไรหรือ อักษรเทียนกลางชื่อของอวี่เทียนเหมย ก็เป็นดังรับสั่งจากสวรรค์ ให้นางยึดเขาเป็นศูนย์กลางของชีวิต โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ ‘ชีวิตของหม่อมฉันไม่เคยได้ใช้เพื่อตนเอง ล้วนแต่เพื่อพระองค์ทั้งสิ้น’ ไม่ชอบไม่ว่า ไม่เคยปรารถนาให้รัก...แต่มาหยามเกียรตินางต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ละอายใจบ้างหรือ ตัวเป็นบุรุษกลับรังแกสตรีด้วยวาจา เขาอายุนับปีนี้ได้ยี่สิบสองปี มากกว่านางถึงห้าปี เด็กน้อยอายุห้าปี...อ่านตำรารู้ภาษาคนแล้ว ตรงข้ามกับนางซึ่งยังเป็นทารกน้อยนอนอยู่ในห่อผ้า หากไม่ยินดี เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธด้วยตนเองตั้งแต่ยามนั้น ปล่อยเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนถอยหลังกลับไม่ได้เพื่อสิ่งใด! องค์รัชทายาทโม่เทียนอวี่

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status