บทที่ 20
มือเล็กเริ่มสั่นสะท้านขณะถือถาดใบใหญ่เดินเข้าไปแล้วรอให้เด็กที่อยู่ในห้องหยิบออกจากถาดวางไว้บนจานเลื่อนหมุนได้ตรงกลาง แล้วเธอจึงถูกดึงไปยังมุมห้องจากพนักงานด้วยกันอีกคน
“พี่บัวมาทำอะไร!”
“พี่แค่อยากมาดูหน้าบอส”
พนักงานคนดังกล่างนิ่วหน้า
“ไม่ต้องกลัว พี่จะยืนอยู่เฉย ๆ”
บุษยาย้ำอีกครั้งเพิ่มความมั่นใจแล้วถือถาดห้อยไว้ด้านหน้า ยืนประสานมือกันยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงด้านผนังห้อง
ดวงตาคมรีจ้องนิ่งไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะ รูปร่างของพสุธาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งเป็นเด็กหนุ่มเขามีรูปร่างผอมเกร็งแต่บัดนี้กล้ามเนื้อหนาแน่นเป็นลูกตามหัวไหล่ ท่อนแขน
ผมดำหยักศกของเขามัดรวบไว้ด้านหลังเหมือนเมื่อกลางวัน ผิวคล้ำแต่ไม่เท่าแต่ก่อน คิ้วเข้มหนาดกพาดเฉียงตวัดลงปลาย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนา
เธอไล่สายตาไปยังกรามแกร่งที่เห็นชัดสู่ลำคอหนาตวัดลงไปที่มือใหญ่กำแก้วเหล้าไว้ยกดื่ม พสุธาเผยอริมฝีปากจิบเหล้าผสมน้ำลงสู่ลำคอ เธอมองลูกกระเดือกที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสมัยเด็ก แล้วพลันเหลือบขึ้นจนสบสายตาสีฟ้าจัดที่จ้องมองมาที่เธอเช่นเดียวกัน
บุษยาเห็นเขายืดกายขึ้นตรงจากนั้นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ด้านหลังก็เดินเข้ามาหา แล้วชายร่างยักษ์ก็เดินตรงมาทางเธอ
“มานี่!!”
ร่างเล็กถูกหิ้วปีกออกมาจากห้องวีไอพีทันทีด้วยแรงมหาศาลของชายร่างโต บุษบาไม่ขัดขืนแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เธอบรรลุเป้าหมายแล้ว ชายหนุ่มที่เธอเห็นเมื่อกลางวันคือคนเดียวกับที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคืนนี้ คือพี่แทน
ทัดทองผลักร่างเล็กไปยังโถงทางเดินเงียบด้านข้างแล้วดึงป้ายชื่ออออกมาจากหน้าอก ไม่มีแม้แต่เสียงอ่านป้ายชื่อ ชายร่างโตเพียงแค่มอง
“ถอดหน้ากากออก”
บุษยายกมือขึ้นถอดหน้ากากอนามัยออกจากใบหน้า เธอไม่หลบตาเขา ส่งสายตาคมรีเรียบเฉย และไม่พูดสิ่งใด
“ไปทำงานที่อื่น ไม่ต้องเข้าไปอีก”
เสียงเข้มต่ำจนเกือบตะวาดเอ่ยขึ้น บุษยาพยักหน้ารับแล้วหันกายเดินจากไป แต่พอพ้นสายตาคนร่างยักษ์เท่านั้น ร่างบอบบางของเธอพลันทรุดลงนั่งยองทันทีอย่างหมดแรง
เป็นเขาจริง ๆ! พี่แทน แต่ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น
หน้าเล็กซบลงบนเข่า ภาพใบหน้าแกร่งเรียบเฉยจนเกือบเย็นชา โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าไร้ความอ่อนโยน มีร่องรอยกร้าวกระด้างและแข็งแกร่งจนเธอเกือบไม่คิดว่าเป็นพสุธา
พ่อของเธอทำให้เขาหายไป เธอรู้ดีมาตลอด แต่เธอเองก็กลัวเกินกว่าจะถามนายหัวบัญชร กลัวว่าพ่อของเธอจะตอบว่าเขาได้ทำอะไรไปกับพสุธา
ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ บุษยา เป็นเพราะเธอทุกคนถึงได้เป็นแบบนี้ ถ้าเธอไม่รักพี่แทน ไม่ไปสนิทสนมจนคนในบ้านรู้กันทั่ว พี่แทนคงไม่ต้องโดนทำร้าย ป้าพรพิศเองจะได้อยู่กับลูกชายของเขาเหมือนเดิม และบางทีพวกเขาแม่ลูกอาจย้ายออกเพื่อไปมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่บ้านหลังนี้
เธอต้องบอกป้าพรพิศว่าพสุธากลับมาแล้ว!
เมื่อคิดได้ดังนั้นบุษยาจึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับลงไปด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกจากโรงแรมตรงกลับบ้านทันที
พสุธาวางแก้วมือสั่นเล็กน้อย หญิงสาวร่างผอมบางคนนั้นยืนนิ่งมองตรงมายังเขา ดวงตาคมรีของเธอช่างเหมือนกับบุษยาเหลือเกิน
แต่รูปร่างของเธอกลับผอมบางมากเกินไป ถ้าเป็นบุษยาคงอวบอิ่มมากกว่านี้ โดยเฉพาะทรวงอก
“แทนคะ เป็นอะไรคะ”
เขาเอี้ยวหน้ามองหญิงสาวที่เขาพามาด้วยจากอเมริกา หวังว่าช่วยผ่อนคลายยามความต้องการพุ่งทะยาน ซึ่งตอนนี้เขากำลังเป็นอยู่ เพียงแค่มองหญิงสาวสวมชุดไทยประยุกต์ในชุดพนักงานเสิร์ฟ เจ้าแก่นกายก็แข็งโด่จนเขาต้องขยับตัวอย่างอึดอัด
“เปล่าไม่เป็นไร เซรีน่าจะขึ้นไปก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ รอขึ้นพร้อมแทนดีกว่า”
แล้วเธอก็กลับไปสนใจโทรศัพท์มือถือต่อ ข้อดีของเธอก็คือเขาไม่จำเป็นต้องพะเน้าพะนอเอาใจ และเธอพร้อมเสมอตลอดเวลา
ดวงตาสีฟ้าจัดเหลือบตาขึ้นมองทัดทองเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นหญิงสาวเดินตามมาด้วย ทัดทองเพียงวางป้ายชื่อบนโต๊ะตรงหน้าเขา แล้วขยับออกไปด้านหลังเหมือนเดิม
ปานขวัญ!
เขาคงเข้าใจอะไรผิดไปเอง ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่มักมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน
“อ้อ ผมอยากจะถามอะไรคุณพสุธาหน่อยครับ ทำไมคุณถึงพูดไทยได้คล่อง”
พสุธาเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยรังสรรที่นั่งตรงกันข้าม เสี่ยอ้วนผิวขาววันนี้มาคนเดียว จริงสิ ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นบุษยาไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอแต่งงานไปกับเสี่ยรังสรรแล้ว
“แม่ผมเป็นคนไทยครับ”
“แบบนี้นี่เอง แหมทุกคนก็ได้แต่สงสัย คุณแทบไม่มีเค้าคนไทยเลยนะครับ”
“ครับ ใคร ๆ ก็พูดแบบนั้น”
แล้วความเงียบก็เข้าครอบคลุมภายในห้องจนน่าอึดอัด พสุธามองกวาดตาไปรอบโต๊ะ คงเป็นเขาที่เป็นส่วนเกินของเมืองนี้
“แล้วเสี่ยรังสรรมาคนเดียว ไม่พาภรรยามาล่ะครับ”
“ไม่ล่ะครับ ให้เธอเลี้ยงลูกไปเถอะครับ ส่วนผมว่าจะแวะอาบอบนาบ เอ้ย ไม่ใช่ อาบอบนวดสักหน่อย ผ่อนคลายดีน่ะครับ ไปด้วยกันไหมครับ”
พสุธาหัวเราะหยันแล้วส่ายหน้า น่าสงสารบุษยาที่เลือกแต่งงานกับคนแบบนี้
ลูก! อย่างนั้นเหรอ เธอมีลูกแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอารมณ์เสียขึ้นมา อารมณ์คุกรุ่นทั้งหึงหวงทั้งสมน้ำหน้าด้วยความเกลียดชังผสมปนเปจนเขาสับสน
“พวกคุณคงทราบว่าผมเคยเป็นเด็กของนายหัวบัญชร”
ความเงียบหนักกว่าเดิมเมื่อพสุธาเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเขากำลังพูดต่อ เสี่ยรังสรรกลับพูดแทรกเข้ามา
“แล้วยังไงครับ คุณพูดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร”
“ก็คุณควรเกรงใจภรรยาบ้าง อย่างน้อยผมก็เป็นคนรู้จักกับภรรยาของคุณ”
เสี่ยรังสรรทำหน้าสงสัยหนัก แล้วสักพักจึงหัวเราะขบขันเสียงดัง
“คุณพสุธา คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมไม่ได้แต่งงานกับเธอนะครับ ลูกนายหัวบัญชรที่ชื่อบัวใช่ไหม ถ้าผมจำไม่ผิด”
“แต่ผมไปงานหมั้น..”
“โอ้ย! ผมถอนหมั้นไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ ..”
“ผมว่าดึกแล้ว ขอตัวก่อน”
พสุธาพูดแทรกลุกขึ้นยืนทันทีไม่มีปี่มีขลุ่ยจนคนในโต๊ะหน้าเหวอ ลุกขึ้นเดินไปส่งหน้าประตูห้องวีไอพี ก่อนกลับมาซุบซิบนินทาเรื่องเก่าของพสุธา
ถอนหมั้น!!
ในใจเขายิ่งกว่าสับสน พยักหน้าให้ทัดทองมาใกล้ ๆ
“เธอคนนั้นอยู่ไหน”
“ไม่ทราบครับ แต่นายมีชื่อของเธอแล้ว”
“คิดว่าไม่ใช่ชื่อของเธอ บ้าจริง ทำไมทำงานได้ห่วยขนาดนี้”
ทัดทองยืนนิ่งก่อนเดินตามนายใหญ่ที่เดินอารมณ์เสียไป โดยมีนางแบบสาวตามติดไม่ห่าง เขาชินเสียแล้วกับอารมณ์แปรปรวนของพสุธานับตั้งแต่เหยียบแผ่นดินบ้านเกิดเมืองหอยใหญ่แห่งนี้
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง