หลังจากถูกเพทายปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แพรไหมกลับมาที่โรงงานด้วยความรู้สึกท้อแท้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของพ่อแม่ ความมุ่งมั่นในใจก็กลับมาลุกโชนอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอต้องหาทางโน้มน้าวเพทายให้ได้
วันรุ่งขึ้น แพรไหมตัดสินใจไปรอพบเพทายที่หน้าบริษัท MJ ตั้งแต่เช้าตรู่ เธอถือแฟ้มเอกสารและตัวอย่างผ้าไหมติดมือมาด้วย หวังว่าสักวันเขาจะใจอ่อนยอมเปิดโอกาสให้เธอได้นำเสนอผลงานอย่างจริงจัง "คุณครับ ที่นี่ที่ส่วนบุคคลนะครับ เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดังขึ้นเมื่อเห็นแพรไหมยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า "ดิฉันมาพบคุณเพทายค่ะ" แพรไหมตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่หนักแน่น "คุณมีนัดหมายไว้หรือเปล่าครับ" "ไม่มีค่ะ แต่ดิฉันมีความจำเป็นต้องพบท่านจริงๆ" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองแพรไหมด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่สามารถอนุญาตให้เธอเข้าไปข้างในได้ แพรไหมจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ด้านนอก ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มร้อนระอุ หลายชั่วโมงผ่านไป แพรไหมยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องไปยังประตูทางเข้าบริษัท หวังว่าเพทายจะออกมาหรือมีใครสักคนสังเกตเห็นความตั้งใจของเธอ ในที่สุด รถหรูคันคุ้นตาของเพทายก็แล่นเข้ามาจอด แพรไหมรีบเดินเข้าไปขวางหน้าด้วยความหวัง "คุณเพทายคะ!" เพทายลดกระจกลง มองแพรไหมด้วยแววตาเย็นชา "คุณมายืนทำอะไรตรงนี้?" "ดิฉันแค่อยากจะขอโอกาสอีกครั้งค่ะ ได้โปรดพิจารณาผ้าไหมของเราด้วยนะคะ มันจะช่วยกอบกู้โรงงานของครอบครัวดิฉันได้จริงๆ" แพรไหมยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา เพทายมองแฟ้มนั้นด้วยสายตาเฉยเมย "ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมไม่สนใจ" "แต่คุณยังไม่ได้ดูมันเลยนะคะ!" แพรไหมเริ่มรู้สึกร้อนใจ "ได้โปรดให้โอกาสดิฉันสักครั้งเถอะค่ะ" เพทายถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย "คุณนี่มันน่ารำคาญจริงๆ" "ถ้าความอยู่รอดของครอบครัวคุณแขวนอยู่บนเส้นด้าย คุณจะไม่ทำทุกวิถีทางเหรอคะ?" แพรไหมโต้กลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพทายจ้องมองแพรไหมด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเลศนัย "ถ้าอย่างนั้น...ผมมีข้อเสนออื่นให้คุณ" หัวใจของแพรไหมเต้นแรงด้วยความหวัง "ข้อเสนออะไรคะ?" "ผมจะพิจารณาเรื่องผ้าไหมของคุณ" เพทายเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าของแพรไหม "แต่แลกกับการที่คุณต้องมาเป็น...นางบำเรอของผม" คำพูดของเพทายราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ แพรไหมยืนตัวแข็งทื่อ ความตกใจ ความโกรธ และความรู้สึกถูกเหยียดหยามถาโถมเข้ามาพร้อมกัน "คุณ..." แพรไหมกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "คุณมัน..." "ผมให้เวลาคุณคิด" เพทายพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม นี่คือทางเดียว" พูดจบ เพทายก็เลื่อนกระจกขึ้นและสั่งให้คนขับรถออกไป ปล่อยให้แพรไหมยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวและสับสนหลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิงฟ้ากับคิณณ์ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง อิงฟ้าได้เห็นคิณณ์ในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เขามักจะสังเกตเห็นเมื่อเธอเหนื่อยล้า และหาทางมาทำให้เธอผ่อนคลายอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟแก้วโปรดมาให้ หรือแค่เดินผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจเธอสั่นไหวส่วนคิณณ์เองก็ตกหลุมรักอิงฟ้ามากขึ้นทุกวัน เขารู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็ง ความอดทน และความสดใสที่เธอมี แม้จะเผชิญกับปัญหามากมายเพียงใด เธอก็ยังคงยิ้มและเดินหน้าต่อไปได้เสมอ เขามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่ความลับในที่ทำงานอีกต่อไป แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของคิณณ์ที่แสดงออกถึงความใส่ใจต่ออิงฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ก็ทำให้เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปไกลกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง"พี่อิงฟ้าคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะเนี่ย ท่านประธานดูรักพี่อิงฟ้าจะแย่แล้วนะ" น้องเมย์แซวพลางยิ้มกว้
กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์"แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?""หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ"พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก""ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นเมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เ
กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง?เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล"เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่"เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู"จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเส
มือของคิณณ์ที่จับมือของอิงฟ้าไว้แน่นยังคงอุ่นซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย คำสารภาพที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" และการที่เขาเอากุญแจบ้านมาคืน มันทำให้โลกทั้งใบของอิงฟ้าหมุนคว้าง เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น กับความรู้สึกประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ"ท่านประธาน... พูดอะไรคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงแข็งทื่อคิณณ์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดซ่อน"ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเชื่อ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "แต่ผมพูดความจริงทุกอย่าง" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ผมขอเริ่มต้นอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ"อิงฟ้าเงียบไป เธอสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ในตอนนี้ เธอแค่พยักหน้ารับช้าๆ คิณณ์จึงค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา พลางผายมือเชิญให้อิงฟ้าไปนั่งที่เก้าอี้รับรองฝั่งตรงข้าม"ผมเข้าใจว่าคุณคงรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวผมมาก" คิณณ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจ
คำสารภาพของ คิณณ์ ที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งโกรธที่ถูกหลอก เจ็บปวดที่โดนปิดบัง และประหลาดใจกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา สถานการณ์นี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริงๆอิงฟ้ามองหน้าคิณณ์ ใบหน้าของเขาจริงจัง แต่แววตากลับฉายแววปรารถนาและอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"ท่านประธานกำลังพูดเรื่องอะไรคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ท่านประธานเป็นเจ้าหนี้ของดิฉัน! ท่านประธานหลอกให้ดิฉันจำนองบ้านกับบริษัทของท่านประธานเอง! แล้วท่านประธานจะมาพูดว่าต้องการดิฉันได้ยังไงคะ!" อิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนโดนเล่นตลกกับชีวิตคิณณ์ยื่นมือออกไปราวกับจะแตะใบหน้าของเธอ แต่อิงฟ้าก็สะบัดหน้าหนีอย่างรวดเร็ว"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย""ไม่ทำร้ายเหรอคะ! การที่ดิฉันต้องมานั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลเรื่องบ้านแทบตาย โดยที่ท่านปร
คำสารภาพของคิณณ์ที่ว่า "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ ยิ่งเขาบอกว่า "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน"ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรคิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในตอนนี้หรอกครับ แค่รู้ไว้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบคุณ" เขาพูด พลางลดมือลงจากไหล่ของเธอ "และที่สำคัญ ผมหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะทำให้คุณมองผมในแง่ดีขึ้นบ้าง"อิงฟ้ายังคงยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในเกมที่เธอไม่รู้จักกฎ คิณณ์เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ราวกับว่าบทสนทนาอันแสนประหลาดเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติทั่วไป"เอาล่ะ... กลับไปทำงานได้แล้ว" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออกอิงฟ้าเด