เธอส่งเสียงเหมือนพูดกับตัวเองทั้งไม่กล้าขยับตัวราวกลัวว่าจะทำให้นิโคลัสตื่น เธอกำลังแคร์เขามากขึ้นทุกที ไม่ได้อยากมีความรู้สึกแบบนี้ ความหวงแหนที่ไม่ควรมีให้กับผู้ชายที่มองเธอเป็นแค่ทางผ่าน จริงซีนะ...เธอเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วด้วยการเอาตัวเข้าแลกกับเศษเงินของเขา ภิณไลย์ญาได้แต่นึกอย่างสิ้นหวังเพราะทุกอย่างที่ฝันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ผิดหวังมาแล้วครั้งหนึ่งกับน้องชายของเขา นับว่าเจ็บปวดที่สุด แต่เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคริสต์ แล้วกับพี่ชายของเขาเธอจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอย่างไร หรือแค่ความฉาบฉวยที่วันหนึ่งมันจะผ่านพ้นไป กลิ่นวอดก้าที่อวลอจากลมหายใจของนิโคลัสตอกย้ำว่าเขาเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเผลอไผลของเขาหาใช่ความตั้งใจ หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองก่อนผล็อยหลับไป เป็นเวลาที่นิโคลัสค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอ เขากอดร่างน้อยไว้แน่นขณะที่ไม่สามารถตกตะกอนความคิดได้เลยว่าตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับภิณไลย์ญากันแน่
บทที่ 12 Upclosed and personnel ผูกพันชั่วคราว
ภิณไลย์ญาตื่นแต่เช้าและเดินลงไปที่ริมหาดอันเงียบเหงา ได้ยินก็แต่เสียงคลื่นล้อเข้าหาฝั่งบางเบากับลมทะเลพัดหวีดหวิว เก้าอี้และโต๊ะซึ่งเป็นที่จัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ สำหรับวันเกิดของหนูน้อยเมื่อคืนยังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน หญิงสาวเดินไปหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่และหันกลับไปมองบ้านพักตากอากาศหลังออกจากห้องของนิโคลัสมาอย่างเงียบๆ ตอนเช้าตรู่ เธอกลับไปที่ห้อง อาบน้ำและสวมชุดที่มีในตู้เสื้อผ้าด้วยความคิดหลายอย่างล่องลอยในสมองอันสับสน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังวุ่นวนในสมองของเธอตลอดเวลา เธอรู้ตัวดีว่าไม่ได้เมา เพราะไม่ได้ดื่มแต่นิโคลัสอยู่ในอาการก้ำกึ่งระหว่างความมีสติกับหลงลืมตัว แต่...เธอไม่โทษเขาสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ควรต้องโทษตัวเองมากกว่าที่เผลอไผลและยินยอมให้อารมณ์พาไปทั้งที่มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย
เธอยอมอยู่ใต้ร่างของเขา ยอมให้นิโคลัสครอบครองตัวเธออย่างสมบูรณ์แม้เป็นครั้งแรกหากแต่มันคือทั้งหมดสำหรับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้สูญเสียสิ่งสำคัญให้เขาแล้วและไม่มีวันเรียกร้องให้ความสูญเสียนั้นกลับคืนมาได้ หญิงสาวทอดถอนใจและนึกอับอายความใจง่ายของตัวเอง เธอคบกับคริสต์มานานเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยไว้วางใจให้เขาครอบครองร่างกายเหมือนที่ยินยอมพี่ชายของเขา
ตอนนี้นิโคลัสคงยิ่งสมน้ำหน้าและสะใจยิ่งกว่าที่กำราบเธอได้ด้วยอำนาจของเขา อำนาจครอบงำความรู้สึกและจิตวิญญาณของเธอที่มันสูญสิ้นไปจนหมดจากความพลั้งเผลอเพียงชั่วข้ามคืน เธอเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันเป็นของเล่นพวกเศรษฐี ทว่าตอนนี้เธอกลายเป็นดอกไม้ที่แค่ถูกเด็ดไปชื่นชมก่อนถูกขว้างทิ้งจากแจกัน หญิงสาวคิดอย่างเศร้าใจ มีบางอย่างวาบลึกอยู่ใต้บึ้งของความรู้สึก มันเป็นบางสิ่งที่กำลังหยั่งรากฝังลึกอยู่ในหัวใจดวงนั้น เธอยังนึกถึงคำพูดเมื่อคืนนี้
“ถ้าคุณหลับแล้วฉันจะรอฟังคำตอบของคุณพรุ่งนี้นะคะ”
ใช่...เธออยากรู้ว่าเขาจะปล่อยเธอกลับเมื่อไหร่ ทั้งที่อยากรู้ในเวลาเดียวกันหัวใจบอบบางก็เริ่มรวดร้าวโดยไม่มีเหตุผล แต่แล้วหญิงสาวกลับถูกดึงออกจากความคิดที่ล่องลอยเมื่อรู้สึกว่ามือของเธอถูกกระตุกเบาๆ ภิณไลย์ญาหันกลับไปมองก็ต้องประหลาดใจที่เห็นโซอี้จับมือเธอไว้และยิ้มกว้าง
“โอ...ราชินีเมร่า วันนี้ตื่นเช้ามากเลยนะคะ”
“หนูตื่นเช้าทุกวันค่ะ...เนเน่มาทำอะไรตรงนี้”
“น้ามายืนมองทะเลค่ะ ทะเลตอนเช้าสวยมาก...แล้วเลลานีไปไหนล่ะคะ”
“เลลานีก็เตรียมซีเรียลกับนมไว้ให้หนูไงล่ะ เนเน่หิวหรือยัง?”
ภิณไลย์ญายิ้มละไมและย่อตัวลงนั่งคุกเข่าคุยกับหนูน้อยในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ จ้องมองเข้าไปในประกายวาวใสของดวงตากลมโตที่จ้องมองหญิงสาวผิดไปจากวันแรกที่เจอ โซอี้ดูไว้วางใจมากขึ้นแต่เธอก็ยังสังเกตเห็นความหม่นเศร้าในแววตาน่ารักน่าเอ็นดูคู่นั้น หญิงสาวยิ้มและตอบเสียงแผ่ว
“ยังไม่หิวเลยค่ะ”
“สงสัยเนเน่จะอิ่มตั้งแต่เมื่อคืน...ใช่มะคะ”
“ค่ะ”
“เมื่อคืนสนุกม๊าก มากค่ะ เนเน่กลับไปนอนตอนไหน” เด็กน้อยถามโดยไม่รู้เลยว่าจี้เข้าที่ความรู้สึกของคนฟังให้ปวดแปลบขึ้นมา หากแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่สามารถคิดกับหนูน้อยเป็นอย่างอื่นได้มากกว่าความไม่เดียงสา บางครั้งเธอก็โทษตัวเองว่าถ้าหากไม่...พานิโคลัสกลับไปที่ห้องก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างคงเป็นเหมือนเดิมและเธอคงมองหน้าเขาได้สนิทใจมากกว่านี้ แต่แล้วเธอก็ได้ยินหนูน้อยเอ่ยขึ้นว่า
“เนเน่รู้ม๊ายว่า วันเป่าเค้กแดดี๊ไม่ได้อยู่กับหนูแบบนี้เลย”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั