หยางเทียนเดินตามหลังลูกชายไปด้วยความอดทนและอดกลั้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองจะควบคุมสติไม่ได้แล้ว ตั้งแต่เขาเกิดมาจนอายุเท่านี้ เขาเพิ่งจะเคยจับเงินมากมายขนาดนี้ เขานำเงินจากบ้านมา 16 ตำลึง เพื่อซื้อวัวและเกวียน เขาไม่เคยคิดไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง 250 ตำลึง จำนวนเงินมากมายขนาดนี้ หากใช้จ่ายอย่างประหยัด พวกเขาสามารถอยู่ไปได้อีกหลายสิบปีเลยทีเดียว
“ท่านพ่อ เร่งฝีเท้าหน่อยขอรับ เอ๋ ท่านพ่อ ท่านเป็นอันใดไปอีกแล้ว เหตุใดหน้าถึงซีดขนาดนี้เล่า แถมเหงื่อยังออกมากอีกด้วย”
“ไม่มีอะไร พ่อไม่เป็นไร รีบไปกันเถอะ” หยางเทียนพยายามเป็นอย่างมากที่จะประคับประคองสติให้คงที่เดินตามลูกชายไปยังตลาดค้าสัตว์
การที่พวกเขาซื้อเกวียนกลับไปวันนี้ ย่อมหมายความว่าความเป็นอยู่ของพวกเขาอยู่ดีกินดี แน่นอนว่าพวกผู้ใหญ่บ้านก็พร้อมที่จะเล่นงานพวกเขาเช่นเดียวกัน
"ไม่ว่าพวกผู้ใหญ่บ้านจะเล่นงานพวกเขาหรือไม่ สิ่งที่หยางเสี้ยวแน่ใจคือผู้ใหญ่บ้านไม่โง่พอที่จะออกมาหาเรื่องพวกเขาในที่โจ่งแจ้ง หยางเสี้ยวเองก็จะไม่ยอมให้พวกผู้ใหญ่บ้านมาข่มเหงรังแกพวกเขาชาวบ้านได้
เด็กชายแน่ใจว่าวันนี้จะต้องมีชาวบ้านรวมตัวกันเสี่ยงขึ้นเขาอู๋หลงเพื่อหาของป่าเป็นแน่ ในป่าเขตในของภูเขาอู๋หลงไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่บ้านทำอะไรและซ่อนอะไรไว้ สักวันหยางเสี้ยวจะต้องกระชากหน้ากากของคนพวกนี้ออกมาให้ได้
หรือว่าเขาจะส่งท่านพ่อไปเรียนหนังสือดี จะได้ชิงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย ชาวบ้านจะได้ลืมตาอ้าปากได้เสียที ส่วนเขาก็จะเป็นชาวนาผู้ร่ำรวย นั่งนับเงินสบายใจไปเลย
หยางเทียนไม่ได้รับรู้เลยว่าลูกชายของเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ ถ้าหากเขาล่วงรู้ถึงความคิดและแผนการของลูกชายแล้ว เชื่อได้ว่าเขาจะต้องตกใจจนหมดสติไปจริง ๆ แน่ครั้งนี้
“เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกตัดสินใจแล้วหรือยังจะซื้อวัวกี่ตัว”
“ทำไมหรือขอรับ ท่านพ่ออยากซื้อกี่ตัวหรือ”
“พ่อว่าซื้อตัวเดียวก่อน ตอนนี้เรารอดูท่าทีของพวกผู้ใหญ่บ้านก่อนดีหรือไม่ พ่อว่าเราควรหาทางรับมือกับคนพวกนี้นะ”
“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าคิดว่าพวกเขาไม่กล้าลงมือกับชาวบ้าน อย่างมากข้าคิดว่าพวกเขาคงออกมาเตือนชาวบ้านไม่ให้ขึ้นเขาอู๋หลงอีก นอกจากพวกเขาจะอ้างเรื่องความปลอดภัยแล้วก็ไม่มีอะไรอีก ข้ามั่นใจว่าเขาไม่กล้าลงมือกับชาวบ้านเป็นแน่ แต่ถ้ากล้าลงมือกับบ้านเรา ข้าเองก็คงต้องหาทางตอบโต้ ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าตอนนี้บ้านเราทำการค้าอยู่กับโรงเตี๊ยมเยี่ยนไหลหรือขอรับ พวกเราสามารถขอความช่วยเหลือได้ โรงเตี๊ยมใหญ่ขนาดนี้ข้ามั่นใจว่าเบื้องหลังของพวกเขาคงไม่ธรรมดา”
“ถึงตอนนั้นพ่อจะลองขอความช่วยเหลือดู”
“ท่านพ่อ ท่านเคยคิดอยากเรียนหนังสือหรือไม่ขอรับ”
“ทำไมถึงได้ถามแบบนั้นล่ะ พ่ออายุขนาดนี้แล้ว เรียนไม่ไหวแล้ว พ่อเห็นสมควรว่าลูกกับพวกพี่ชายสมควรไปเข้าเรียนจะดีกว่า”
“ท่านพ่อ ไม่มีผู้ใดแก่เกินเรียนหรอกนะขอรับ เอาไว้ท่านไปเรียนให้พออ่านออกเขียนได้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด อีกหน่อยบ้านเราทำการค้า ย่อมต้องมีการลงนามในสัญญา หากพวกเราไม่รู้หนังสือเลยจะทำเช่นใดขอรับ มิถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบหรอกหรือ”
“ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล เอาไว้พวกเจ้าไปเรียนแล้วค่อยกลับมาสอนพ่อกับลุงของเจ้าดีหรือไม่”
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เราไปเลือกวัวกันก่อนขอรับ”
สองพ่อลูกเดินเข้ามาในตลาดค้าสัตว์ หยางเทียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝันอันหอมหวาน เขากำลังจะมีวัวเทียมเกวียนเป็นของตัวเอง หยางเสี้ยวเดินดูวัวแต่ละคอกแต่เด็กชายยังไม่มีตัวไหนที่ถูกใจ จนกระทั่งเดินมาถึงคอกสุดท้ายที่อยู่ติดกับคอกม้า วัวตัวผู้สีน้ำตาลอายุสองปี ร่างกายแข็งแรงแววตาสดใส หยางเสี้ยวรู้สึกชอบวัวตัวนี้มาก หยางเทียนเองก็เช่นเดียวกัน
“ท่านพ่อ ข้าคิดว่าวัวตัวนี้เหมาะมากเลย ข้าชอบมันมากขอรับ”
“พ่อเองก็รู้สึกว่าเจ้านี่เป็นวัวที่ดีมาก เช่นนั้นก็เอาตัวนี้ล่ะ”
“ท่านลุงขอรับ วัวตัวนี้ราคาเท่าไหร่หรือขอรับ”
“โอ้เจ้าหนู ตาแหลมไม่เบาเลยนี่ วัวตัวนี้ 12 ตำลึง”
“ท่านลุงลดลงหน่อยจะได้หรือไม่ ข้ายังต้องซื้อเทียมเกวียนอีกนะขอรับ”
“เพ้ย เจ้าเด็กคนนี้นี่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันวันนี้ข้าอารมณ์ดี เพราะการค้าราบรื่น ข้าจะแถมเทียมเกวียนให้เจ้าตกลงไหม ไม่ต้องมาต่อราคาแล้ว”
“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ”
“น้องชาย เจ้าเลี้ยงลูกชายได้ดีทีเดียว”
“ขอบคุณพี่ชายที่กล่าวชมขอรับ”
“เอาล่ะ หลังจากจ่ายเงินแล้วเจ้าสองคนนั่งรอสักครู่ ข้าจะให้คนจัดการเรื่องเทียมเกวียนให้”
“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ รับรองว่าวันหลังข้าจะกลับมาอุดหนุนท่านลุงอีกแน่นอน”
“เจ้าเด็กนี่อยู่เป็นจริง ๆ”
หลังจากเจ้าของคอกวัวเดินห่างออกไปแล้ว คอกม้าที่อยู่ด้านข้างกลับเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น มีม้าป่าที่จับมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ไม่สามารถขายออกไปได้ มีคนมากมายหลายคนที่ให้ความสนใจม้าตัวนี้ แต่ด้วยมันพยศไม่มีใครสามารถปราบพยศมันได้ คนงานที่ทำหน้าที่ให้อาหารและน้ำยังถูกมันเตะเอาตั้งหลายครั้ง ต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
เจ้าของคอกม้ารู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองทำการค้าขาดทุนแน่แล้ว เขาซื้อม้าป่าตัวนี้มาในราคา 30 ตำลึง แม้เขาจะขายออกไป 40 ตำลึงยังไม่มีผู้ใดต้องการซื้อ
นอกจากมันจะทำร้ายคนงานแล้ว มันยังทำร้ายม้าที่อยู่ในคอกเดียวกันอีกด้วย มันทั้งกัด ทั้งเตะ สารพัด ตอนนี้จากม้าดี ๆ ก็กลายเป็นม้าป่วยไปเสียแล้ว
และตอนนี้มันกำลังก่อปัญหาอีกแล้ว มันกัดคนงานที่เข้าไปให้อาหารและน้ำ จากนั้นมันก็วิ่งออกจากคอกมาผ่านม้าตัวไหนมันก็กัดม้าตัวนั้น ทำให้วุ่นวายกันไปหมด
ในช่วงเวลาที่โกลาหลนั้นเจ้าม้าได้วิ่งหนีการจับกุมของคนงานของคอกม้า วิ่งมาทางคอกวัว หยางเสี้ยวเองไม่ได้สนใจว่าคอกม้าจะเกิดหรือไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เด็กชายยังคงนั่งรอวัวเทียมเกวียนอย่างใจจดจ่อ
เพราะความอึกทึกครึกโครมและเสียงดังมาจากทางคอกม้า หยางเสี้ยวหันไปมองก็เห็นว่ามีม้าวิ่งมาทางเขาและท่านพ่อนั่งอยู่ หยางเทียนตกใจมาก เขาผุดลุกขึ้นดึงลูกชายถอยออกไปด้านข้าง
แต่แล้วอยู่ ๆ เจ้าม้าตัวนั้นกลับวิ่งเข้ามาหาหยางเสี้ยวที่ยืนหลบอยู่ด้านข้างคอกวัว เจ้าม้าส่งลิ้นยาว ๆ ของมันเลียหน้าเด็กชายจนใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยน้ำลาย
เมื่อมันเห็นคนงานที่วิ่งไล่ตามหลังมันมา มันก็ทั้งดีด ทั้งเตะ ทั้งกัดคนเหล่านั้น จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มันอีก เจ้าม้าเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาใกล้แล้ว มันก็เดินเข้าไปเลียหน้าหยางเสี้ยวต่อ หยางเสี้ยวทั้งตกใจ ทั้งทำตัวไม่ถูก อยู่ ๆ ก็โดนม้าเลียหน้าเสียอย่างนั้น แล้วมันจะดีดเขาหรือไม่ หยางเทียนเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะตอนนี้เจ้าม้าจอมอันธพาลตัวนี้ กำลังเกาะติดลูกชายเขาอยู่
“เพ้ย! ให้ตายเถอะ เจ้าม้านี่ สร้างเรื่องได้ทุกวัน พวกเจ้ามัวทำอันใดอยู่ รีบไปจับมันกลับเข้าคอกสิ ข้าจะส่งมันไปโรงเชือด มันกัดม้าดี ๆ ของข้าบาดเจ็บไปตั้งหลายตัว นอกจากจะซื้อมันมาแพงแล้วยังขายไม่ออกอีก แต่ละวันสร้างความวุ่นวายไม่ได้หยุดหย่อน” หลงจู๊คอกม้าที่พาร่างอ้วนกลมวิ่งมาถึงพร้อมกับก่นด่าไปในที
“หลงจู๊ขอรับ พวกเราไม่กล้าเข้าไปจับมันแล้ว ท่านดูสภาพของพวกเราตอนนี้เอาเถอะขอรับ” หนึ่งในคนงานอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้
“เห็นทีว่าข้าคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากทางการแล้ว ให้เจ้าหน้าที่มาจัดการ ม้าตัวนี้ดุร้ายอันตรายมาก” หลงจู๊อดพูดออกมาไม่ได้ การขอความช่วยเหลือจากทางการคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ตอนนี้เจ้าม้าอันตรายที่ทุกคนเอ่ยถึงกำลังหลับอยู่ข้างหลังเด็กชาย อีกทั้งท่าทีที่มันออดอ้อนเด็กชายนั้น ห่างไกลคำว่าดุร้ายเป็นอย่างมาก หยางเสี้ยวที่หายตกใจแล้ว ทำได้เพียงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าเท่านั้น
ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุที่ก่อความวุ่นวายให้คนงานหลายสิบคน ตอนนี้กลับทำตัวเป็นม้าเชื่อง ๆ ประหนึ่งว่าคนพวกนี้กล่าววาจาใส่ร้ายป้ายสีมันเสียอย่างนั้น หลงจู๊คอกม้าที่เห็นการกระทำของมัน เขาถึงกับคิ้วกระตุก สีหน้ามืดครึ้มอย่างถึงที่สุด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาโมโหขนาดไหน มีม้าบาดเจ็บมากกว่า 10 ตัว จากการกระทำของเจ้าม้าจอมอันธพาลตัวนี้ คนงานล้วนแล้วแต่บาดเจ็บกันถ้วนหน้า
“นี่เจ้าหนู ข้ายกเจ้าม้านี่ให้เจ้าเอากลับบ้านไป เจ้าจะรับไว้หรือไม่”
“เอ่อ ท่านลุง ข้าไม่มีเงินหรอกขอรับ วันนี้ข้ากับท่านพ่อมาซื้อวัวเทียมเกวียน พวกเราเอาเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวมาจ่าย ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินแล้วขอรับ ท่านพามันกลับเถอะ” หยางเสี้ยวยิ้มแหย
“เพ้ย ข้ายกให้เจ้า เท่ากับว่าเจ้าไม่ต้องจ่ายเงิน ในเมื่อข้าไม่อยากพามันกลับไปสร้างความวุ่นวายให้ข้าแล้ว ก็ยกให้เจ้าจะเป็นไรไปเล่า ข้าเห็นอยู่ว่ามันชอบเจ้าเสียขนาดนั้น เจ้าก็พามันกลับไปด้วยเถอะ”
“มะ.. มันจะดีหรือขอรับ” หยางเสี้ยวถามออกไปด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ แต่ความจริงแล้วเขาแทบจะกระโดดโลดเต้นเสียตรงนี้ นี่มันม้าเชียวนะ ได้ม้ามาเปล่า ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินนับว่าเหนือความคาดหมาย หลังจากกล่าวขอบคุณหลงจู๊แล้วสองพ่อลูกก็กลับบ้านทันที
ด้วยเหตุนี้หยางเทียนบังคับเกวียนวัวกลับบ้าน ส่วนลูกชายหยางเสี้ยวนั่งอยู่บนหลังม้า หยางเสี้ยวตั้งชื่อให้เจ้าม้าว่า ต้าเฮย เพราะมีสีดำสนิท ส่วนวัวนั้นชื่อต้าจิน
“เฮ้อ วันนี้เกิดเรื่องมากมายเสียจริง ว่าแต่ลูกแน่ใจนะว่าต้าเฮยจะไม่เตะคนอื่น”
“ท่านพ่อวางใจได้ ต้าเฮยไม่มีทางทำอันตรายกับคนในบ้านเราขอรับ”
“ลูกจะแน่ใจได้อย่างไร พ่อเห็นมันกัดคนอื่นไปเสียทุกคน”
“เพราะคนอื่นพยายามบังคับให้มันทำในสิ่งที่มันไม่ชอบนี่ขอรับ แถมยังจำกัดอิสรภาพของมันด้วย ใช่หรือไม่ต้าเฮย”
“ฮี๊” หันไปยิ้มให้หยางเทียน
“เพ้ย! ม้าผี ข้าตกใจหมด ไม่ต้องมายิงฟันใส่ข้า อัปลักษณ์จริง ๆ”
“ถ้าลูกแน่ใจว่าจะเลี้ยงมันพ่อก็ไม่ว่าอันใด ไหน ๆ ก็ไม่ได้เสียเงินสักอิแปะ”
“ท่านพ่อ ท่านไม่สบายหรือขอรับ เหตุใดถึงไม่ให้หมอในเมืองดูเล่าขอรับ ดูสิหน้าซีดไปหมดแล้ว ท่านไหวหรือไม่”
“ไหว ๆ พ่อไม่ได้เป็นอันใด เพียงแต่พ่อตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ”