ไศลาเดินเร็วมาถึงปากทางเข้า ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวปนน้อยใจสูงสุด ก่อนจะหยุดหันซ้ายหันขวา ใคร่กระทืบเท้าทีนึง เมื่อเพิ่งจะนึกออก ว่าแท้จริง..งอนไปก็ทำอะไรเขาไม่ได้
เพราะท้ายที่สุดคนที่เป็นเบี้ยล่างมันคือเธออยู่ดี
ใช่ นี่มันถิ่นเขา!
" ไศลา เดี๋ยวไศลา หยุดก่อน "
เธอหันไปมอง น้ำเสียงที่เจือปนหอบแหบ ราวกับกำลังบอกว่าเขาเหนื่อย
เวเดนเดินเร็วตามเธอมาทันจนได้ หญิงสาวยิ่งขัดใจหนัก หันไปมองแว้บนึง จึงจะหันกลับมานิ่วหน้า ซ่อนน้ำตาไว้ ลับหลังที่เขานั้นไม่เห็น
" ฟังฉันอธิบายก่อน "
เธอสูดลมหายใจเขาปอดสุดลึก ก่อนจะพ่นมันออก ยอมจำนนต่อเหตุการณ์จนตรอกที่เธอเจอะเจอ
และยอมรับ วินาทีนี้ เธอเองก็สับสนเช่นเดียวกัน
สรุป..กับเขา ความรู้สึกของเธอคิดยังไงกันแน่
" ฉันอยากกลับบ้านค่ะ"
" ไม่ ไศลา มันไม่ใช่ตอนนี้"
" พาฉันกลับบ้านที.."
" ไม่ได้ ฟังฉันอธิบาย...."
" ฮึ้ก...จะอธิบายอะไรเล่า! ฉันไม่ได้อยากจะรู้อะไรทั้งนั้น! พวกคุณเห็นฉันเป็นตัวตลก.."
" เพราะไม่ได้เห็นเป็นตัวตลก เลยตามมาอธิบายนี่ไง โอเค๊?! "
" ....."
" ขอแค่เธอมีเวลา ได้โปรด...ฉันขออธิบาย"
ถกเถียงกันอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนน้ำเสียงใส่อารมณ์ของเขาจะทำเธอเงียบ ตัดสินใจโพล่งเสียงสั่น
" งั้นก็รีบพูดมาสิ "
พลางหลับตาปี๋ เมื่อได้ยินชื่อนี้ พร้อมอยู่ดีๆ มีภาพหนึ่งลอยเข้ามา
" เรื่องทาน่า ..."
" คุณคงรักเขามาก..."
" ....."
" ใช่ไหมคะ?! "
เธอแทรก หมุนตัวกลับมาพร้อมน้ำตาอาบแก้ม คิดถี่ถ้วนดีแล้ว เผชิญหน้าดีที่สุด
เวเดนหลุบตาต่ำ ก้มหน้านิ่ง บ่งบอกถึงความหนักใจต่อคำตอบ ที่ต้องเลือกจะตอบแต่ความจริง นั่นคือการพยักหน้ารับ
" อืม..."
หญิงสาวเขาแทบทรุด
" นี่คุณ..."
" แต่นั่นมันเป็นแค่อดีต "
ก่อนจะข่มใจไว้ รอประโยคถัดไป หลังเห็นเขากำลังอ้าปากจะพูดต่อ
" อดีต? "
" ใช่ ทาน่าตายไปแล้ว..."
ตายไปแล้ว??
ไฉนยังฝังใจกันอยู่...
ไศลามีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นในหัวสมอง ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวนาทีเท่านั้น เธอยอมรับกับคำว่าใจหญิงที่ต้องการจะเป็นที่หนึ่ง อยู่ดีๆผุดขึ้นมากะทันหัน ราวกับเป็นปมซ่อนงำ หลังถูกสะกิด
ทว่า กลับเลือกที่จะนิ่งชะงันไว้ มองแค่หน้าหล่อเหลานั้น ด้วยแววตาที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จนกระทั่งความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุม ไศลาถอนหายใจ เป็นฝ่ายเริ่มเอื้อนเอ่ย
" โอเค... " เสียงแผ่วเบา เสมือนเหนื่อยโพล่งขึ้น พลางเตรียมหมุนตัวเดินต่อ
แต่แล้ว...
กลับถูกท่อนแขนใหญ่ยื้อเอาไว้ รวบร่างบางเข้าไปกอด หญิงสาวจะไม่ตกใจเลย ถ้าเขาไม่ยื่นปลายคางมาเกยหัวไหล่ด้วย
"...!!! "
กับความใกล้ชิด บวกน้ำหอมอ่อนๆในแบบผู้ชายโชยกระทบจมูก
" จะให้ฉันพิสูจน์ไหม ว่าคิดอะไรกับเธออยู่ เพราะว่า...ตอนนี้ความรู้สึกที่มีให้ ฉันเองก็สับสนเหมือนกัน"
และกลืนน้ำลายลงคอสมทบ รู้สึกเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองนับแต่นั้น
" เธอจะว่ายังไง ถ้าฉันจะขอให้เธอเข้าใจ "
"....."
" กับสิ่งที่ฉันเป็น "
มิหนำซ้ำยังทำให้ใจสาวเจ้าไหวหวั่น เพราะประโยคเหล่านี้ ที่ถูกพ่นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน น้ำเสียงนุ่มลื่นอ่อนโยนปนแหบ ทำใจเธอแทบละลายเลยทีเดียว
ไศลาถึงกับไปไม่ถูก แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบให้อะไรค้างคา จึงจำต้องถาม
" คุณโครทิส แท้จริงแล้ว..คุณเป็นคนเจ้าชู้ใช่ไหมคะ "
ที่ทำชายหนุ่มถึงกับเผลอคลายมือหลวม หญิงสาวหรี่มองเพียงหางตา ก่อนจะหลุบต่ำ เมื่อรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้ ทว่าเลือกที่จะนิ่งไว้ เก็บความประหม่าของตัวเอง กลัวคำตอบของเขา
แต่อีกใจมันก็ดี หากสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้นเป็นความจริง
" ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ถึงไม่เจ้าชู้ ก็น้อยคนที่จะผ่านผู้หญิงมาแค่คนเดียว เอ่อ...ฉันหมายถึง คนที่อยู่แวดวงเฮงซวยแบบฉัน .."
แต่แล้ว...
เธอกลับโพล่งแทรก อยู่ดีๆก็ไม่อยากฟังมันต่อ
" แล้วหยุดมันได้ไหมคะ? ...นับแต่นี้ "
" หืม..."
" ถ้าฉันขอให้ทำ "
พลางหมุนตัวกลับมา เธอแหงนหน้าขึ้น เพ่งมองเขา อย่างคนเอาจริง และจริงจัง
" นี่คือสิ่งที่ฉันอยากจะได้ หากคุณจะขอให้ฉันเข้าใจ "
เวเดนเงียบไปอึดใจหนึ่ง ท่ามกลางการลุ้นของไศลา ก่อนจะเริ่มคลี่ยิ้ม หลังได้คำตอบที่พึงพอใจ
" ได้สิ..." เขาพยักหน้า
หัวใจไศลาเต้นผิดจังหวะหลังได้ยินคำนั้น มันเป็นสิ่งตอบรับที่กระตุ้นความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับเธอเป็นอย่างดี ที่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว และไม่ต้องเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ แต่หวังให้เป็นครั้งที่เนิ่นนานที่สุดก็พอ
เธอคลี่ยิ้มริมฝีปากรูปกระจับออก เผยฟันเรียงสวยขาวสะอาดให้เขาเห็น
เวเดนถึงกับมองตาไม่กระพริบ ราวกับตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
เขาเคยเห็นรอยยิ้มจากผู้หญิงมามากมายก็จริง ทว่าแววตาแบบนี้...นาทีนี้ ตรงนี้ และที่นี่เป็นครั้งแรก
" คุณรับฉันปากแล้วนะ "
ไศลาย้ำ ช้อนตามอง รอคอยคำตอบ ก่อนจะเอนตัวเชื่องช้าไปโอบกอดเขา หลังเขาพยักหน้าให้
แก้มมนสวยแนบเบาๆตรงแผงอกแกร่ง บ่งบอกให้รู้ถึงมวลกล้ามเนื้อที่ผ่านการขยับถี่จนนับไม่ถ้วน จับเกาะกันเป็นก้อนให้ดูน่าสัมผัส ในขณะแขนเรียวเกาะรอบเอวสอบนั้น ทำร่างสูงเผลอยิ้มออกมา และไม่รีรอที่จะกอดเธอตอบเช่นเดียวกัน
พลางเอ่ยเสียงอบอุ่น
" อยู่กับฉันที่นี่นะ "
"......"
" อยู่ด้วยกัน"
ซึ่งนั่น เขาจะไม่รู้เลยว่าประโยคนี้แหละ ทำไศลาหัวใจพองโต เธอหลับตาพริ้ม ไม่ได้พยักหน้ายินดีหรือตอบรับแต่อย่างใด ทว่ากลับเลือกที่กระชับวงแขนตัวเองมากยิ่งขึ้น ให้เขารับรู้แทน
จนกระทั่งทั้งคู่ค่อยๆผละออกห่าง ยิ่งทวีคูณความเขิน เมื่อชายหนุ่มจุมพิตหนักแน่นลงกลางหน้าผาก
ท่ามกลางการถูกลอบมองที่พวกเขายังไม่รู้ ว่าระยะความไกลประมาณสิบเมตร มีใครคนนึงยืนอยู่
คนๆนั้น กำมือเข้าหากันแน่นจนขึ้นสันปูด พร้อมนัยย์ตาเปี่ยมเลศนัย ไร้การคาดเดาออก
เขาไม่ได้แอบ หรือใช้พุ่มไม้ใดๆเป็นที่กำบัง ทว่า ยืนตระหง่านอยู่กลางลานให้เรกาโดและแมททริก ซึ่งยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองได้เห็น กันจะๆ และเริ่มจะตึงเครียดจริงจัง
" ฟู่วววว หนักสงครามเลือด ก็สงครามนี้นี่ล่ะ ที่น่ากลัว "
" หึ .."
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน