“ผมขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป..”
“อ้าวเร็วๆ สิคะทั้งสองคนจัดท่าตามในรูปได้เลยค่ะ ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”
รูปที่พี่แมวยื่นให้ทั้งสองคนดูคือภาพที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจ้าสาวร่างเล็กนั่งอยู่บนตักของเขาพร้อมกับสองแขนที่โอบลำคอหนาของชายหนุ่มไว้มือข้างหนึ่งของเจ้าบ่าววางลงบนขาเรียวของเจ้าสาวส่วนอีกมือโอบประคองบั้นท้ายของเธอเอาไว้ราวกับว่าอยากจะกอดจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียให้หมดทุกสัดส่วน..แล้วค่อยๆ โน้นใบหน้าเข้าแนบชิดประกบริมฝีปากจูบซับความหวานถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่วเบาผ่านสัมอันแสนอ่อนโยนให้แก่กันและกัน..
อรฤดีหันไปมองหน้าพี่แมวอีกครั้งด้วยความลังเลทั้งที่ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว พี่แมวพยักหน้าหงึกๆ ให้เธอเป็นสัญญาณว่าให้เธอจูบกับเจ้าบ่าวได้แล้ว
“เชื่อใจผมนะ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกมา แต่ทั้งน้ำเสียงและแววตาบวกกับอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอกภัยนั้นทำให้อรฤดีคลายความกังวลใจลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงมนต์สะกดของเขาอย่างง่ายดาย
มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของกันและกันเท่านั้นที่บอกได้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอย่างไรแม้จะเป็นเพียงจูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งแต่ก็แทบทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของอรฤดีเกือบหยุดเต้นเมื่อคนมากประสบการณ์รับรู้ได้ถึงความเกร็งของคนในอ้อมกอดเขาก็ลูบหลังของเธอเบาๆ เป็นการปลอยโยน
นี่แหละความรักที่แท้จริง . ..
พี่แมวยิ้มด้วยความซาบซึ้งออกมาเป็นนาทีเดียวกับที่ช่างภาพก็รัวกดชัตเตอร์รีบบันทึกภาพเอาไว้ในทันที
สัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากของเขาประกบจูบทาบทับไว้เนิ่นนานก่อนที่พี่แมวจะตบมือให้สัญญาณว่าทุกอย่างจบลงผ่านไปได้ด้วยดี
อรฤดีก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอายก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลงจากตักของชายหนุ่มซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรเพราะเข้าใจว่านี่คือครั้งแรกของเธอคงจะประหม่าและตั้งตัวยากอยู่ไม่น้อยเลยที่ต้องเสียจูบแรกให้กับชายที่เธอไม่ได้รัก
“ไปเปลี่ยนชุดได้เลยค่ะทั้งสองคนทำได้ดีมากรูปออกมาสวยมากเลยค่ะ”
คำพูดของพี่แมวเป็นเหมือนเส้นชัยที่ทั้งสองคนรู้สึกภูมิใจเหลือเกินที่ในที่สุดก็จบลงเสียที…
.
.
.
“ไม่สบายหรือเปล่าคุณหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกรีบกินข้าวเถอะฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
“อ้าวสวัสดีครับบังเอิญจังเลย…”
เสียงของบุคคลที่สามเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจจากจอมทัพและอรฤดีที่กำลังทานข้าวให้ต้องหันไปมองในทันที
ซึ่งผู้มาใหม่คนนั้นก็คือคนที่เดินชนและให้นามบัตรอรฤดีไว้ครั้งก่อนนั่นเอง
“เปรม../ จอมทัพไม่ใช่ว่าตอนนี้แก่ควรอยู่กับน้องสาวฉันหรอกเหรอทำไมถึงมานั่งกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นได้”
เปรมเสียงแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามของผู้หญิงที่เขาหมายตานั่นคือคนรักของน้องสาวเขานั่นเอง
“เรื่องมันยาว”
คำตอบของจอมทัพยิ่งทำให้เปรมพี่ชายของลูกปัดแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนเพราะเขาไม่แม้แต่จะปฏิเสธงั้นก็แสดงว่าสิ่งที่เขาเห็นและคิดนั้นคือเรื่องจริง…
“ไอ้จอม..ขอโทษนะครับคุณคนสวยที่ผมต้องเสียมารยาทแต่ผู้ชายคนนี้คือคนรักของน้องสาวผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจที่ผมเสียมารยาทกับคุณ”
ตอนนี้ทั้งสามคนเริ่มเป็นจุดสนใจของคนในร้านเข้าเสียแล้วอรฤดีหันมองซ้ายมองขวาตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกมองด้วยสายตาแบบนี้จากคนรอบข้างมาก่อนมันรู้สึกแย่จนเธอไม่อยากจะทนอยู่ที่นี่ต่อแม้สักวินาทีเดียว
จอมทัพกวาดสายตามองรอบๆ แล้วก็รู้สึกได้ทันทีว่าอรฤดีจะต้องรู้สึกอย่างไร
“ชั้นขอตัวนะคะ”
เธอพูดออกมาเมื่อความอดทนหมดลงแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป
“เดี๋ยวสิคุณ”
จอมทัพรีบลุกวิ่งตามว่าที่เจ้าสาวของเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงวันนี้เธอต้องเสียจูบแรกไปในเชิงถูกบังคับแถมยังต้องมาอับอายกับสายตาคนอื่นเพราะเขาอีก..
“จิ้..บ้าจริง!”
เขาสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะวิ่งไปรั้งแขนของเธอไว้
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ชั้นกลับเองได้ คุณควรกลับไปแก้ปัญหาของตัวเองดีกว่า”
“เรื่องของผมเดี๋ยวผมจัดการเองแต่ถ้าผมปล่อยให้คุณกลับบ้านไปเองคนเดียวคุณลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“แต่..”
ปึ้งงง !
เธอหรือจะสู้แรงเขาได้ต่อให้เหตุผลดีแค่ไหนแล้วยังไงเขาก็จับเธอยัดเข้าไปนั่งในรถได้อยู่ดี …
ตลอดทางกลับบ้านมีแต่ความเงียบงันและความอึดอัดจากทั้งเขาและเธอ ..เธอไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาจะมีแฟนหรืออะไรยังไงกับใครก็ตามนั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และเธอกับเขาก็ไม่ได้รักกัน..
แต่ไม่รู้ทำในในหัวใจมันถึงรู้สึกเจ็บจี้ด แน่นอยู่ในอกแปลกๆ … มันคืออะไรกันแน่
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นจูบแรกของเธอ .. จูบแรกที่แสนสำคัญของเธอแต่กลับดูไร้ความหมายกับเขาเหลือเกิน ก็แน่ละสิเขามีคนรักอยู่แล้วนี่นา
อรฤดีเอียงหัวพิงกับกระจกรถมองไปทางอื่นตลอดเวลาพร้อมกับคิดเรื่องราวต่างๆ มากมายในหัว
ตืดดดดด ตืดดดดดด ตืดดดดด
เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้นหลายครั้งแต่เขาก็ไม่รับแต่เลือกที่จะเหยียบคันเร่งให้รถแล่นเร็วกว่าเดิม …
“ปึงง.. อรขึ้นห้องเลยนะคะ อรเหนื่อย”
หญิงสาวพูดทั้งที่ไม่มองหน้าพ่อกับแม่ของเธอที่ยืนรออยู่ด้วยซ้ำไม่แม้จะหันไปมองคนที่ขับรถมาส่งเธอจนรถของเขากำลังจะลับสายตาพ้นบ้านของเธอไป ทำเอาพ่อกับแม่ของเธอ มองหน้ากันด้วยความงุนงง
ตืดดดด ตืดดดดด
“ครับปัด”
“ปัดรู้เรื่องจากพี่เปรมหมดแล้วนะคะ แล้วปัดก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่เปรมฟังแล้วด้วย”
“ขอเวลาผมหน่อยนะ ผมจะรีบหย่ากับผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด”
จอมทัพถอนหายใจออกมาหนักๆ หลายทีกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เขาจับพวงมาลัยแน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ในใจ
“พี่เปรมไม่พอใจมากๆ เลยค่ะเมื่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว.. รีบๆ หน่อยนะคะจอมอืมมม.. พรุ่งนี้ปัดว่างจอมมหาปัทได้ไหมคะอยากอยู่กับคุณนะ”
ลูกปัดพูดเสียงหวานออดอ้อนเอาใจคนปลายสายซึ่งก็ได้ผลทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน … ถึงแม้จอมทัพจะใช้เวลาตัดสินใจก่อนชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของหญิงสาวเลยแต่กลับเป็นตัวเขาเอง..ที่ทำให้เธอต้องรู้สึกเช่นนี้
“ได้สิ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“โอเค ค่ะ เจอกันนะคะ”
อีกคนยิ้มร่าดีใจที่จะได้เจอกันแต่อีกคนกลับคิดหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เช้าวันต่อมา เมื่อแสงสว่างรอดผ่านหน้าต่างเข้ามาได้อรฤดีก็รีบตื่นมาดูแลเช็ดตัวให้คนที่ยังคงหลับอยู่ในทันที “แผลเต็มหน้าเลย คงจะเจ็บน่าดูเลยนะคะ”แหนมที่เปิดผ้าม่านชะโงกหน้ามาดูแล้วพูดออกมาด้วยความกลัว เกิดมาเพิ่มเคยเจอเรื่องแบบนี้แต่ก็ยิ่งปลื้มชายหนุ่มไปอีกเมื่อเขาพยายามปกป้องคนที่เขารักไว้โดยไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลย“ผมขอโทษ… ผม ผมขอโทษ” เสียงละเมอเบาๆ ดังขึ้นทั้งที่เจ้าตัวยังคงหลับอยู่ แต่คนที่เฝ้ารอการตื่นของอย่างใจจดใจจ่อนั้นกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน .. หัวใจของเธอชาวาบไปทั้งตัวมันเหมือนความกลัวและความกังวลทั้งหมดสลายหายไปเมื่อได้ยินเสียงที่ออกจากปากของเขาแม้จะยังไม่ตื่นขึ้นมาก็ตาม..“ถ้ายังมัวนอนอยู่แบบนี้ชั้นจะไม่ยกโทษให้แล้วนะ ลูกหิวจะแย่แล้วเมื่อไหร่จะตื่นมาทำกับข้าวให้ลูกกิน.. ผ้าเต็มตะกร้าแล้วใครจะซัก คนงานก็ลาใครจะรดน้ำต้นไม้มัวนอนอยู่ได้ ..” “โอ้โหคุณอร เอาจริงเหรอคะ ..” แหนมขมวดคิ้วรีบหันขวับไปมองเจ้านายตนเองในทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น อันนี้คือคุณอรให้อภัยจริงๆ แล้วใช่เปล่าหรือต้องการคนมาใช้แรงงานกันแน่ “ถ้าคุณให้อภัยผมให้ทำมากกว่านี้ผมก็ยอม” จอมทัพค่อยๆ ลืมตาขึ้
การกระทำดูแลเอาใจใส่ของเขาการเป็นกิจวัตรประจําวันที่ไม่ว่าจะเป็นเธอและเขาต่างคุ้นชินแม้ดูเหมือนจะหมางเมินอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ยังตีหน้ามึนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจและยังมีป้าพันคอยเป็นกำลังใจสำคัญคอยช่วยเหลือทำให้ทุกอย่างดูราบรื่นไปได้ด้วยดีขึ้นทุกวันๆ แม้เขาจะยังคงได้นอนที่ห้องเก็บของหลังบ้านเหมือนเดิม … “เห้ยบ้านนี้แหละมีแต่ผู้หญิงกับคนแก่ ป่านนี้คนงานกลับไปหมดแล้วทางสะดวกเว้ย” เด็กแว้นสองคนที่ต้องการเงินคอยซุ่มดูอยู่หลายวันตั้งใจจะเข้ามาขโมยเงินหรือของมีค่าเอาไปใช้กินใช้เที่ยว หลังจากที่ดูลาดเลามานานพอสมควรวันนี้ก็ตัดสินใจลงมือ.. “แล้วถ้ามีคนขัดขืนจะให้ทำยังไงวะ” “ก็ตบให้กลิ้งไปดิ่วะ ให้มันรู้ซะบ้างแต่พวกมันคงไม่กล้าหรอกมีแต่ผู้หญิงท้องกับคนแก่นี่หว่า” “อีคนท้องเป็นเจ้าของบ้านห้องมันน่าจะมีเงินเก็บไว้ แอบเข้าไปให้เงียบๆ อย่าให้อีแก่นั่นรู้จะได้จบงานไวๆ เข้าใจไหม” “เออๆ รู้แล้วน่า มึงนั่นแหละอย่าพลั้งมือทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็แล้วกัน”“พูดมา! ไปได้แแล้วๆ”เมื่อตกลงกันได้ บอกแผนการกันเสร็จสรรพแจ็กและเจก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปในบ้านและเดินเลาะไปยังห้องที่คิดว่าเป็นห้องของอรฤดี แกร่ก..
“นังแหนมรีบมาทำความสะอาดให้คุณเขาเร็ว”ป้าพันรีบบอกให้แหนมมาทำความสะอาดเมื่อชายหนุ่มรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนะคะเดี๋ยวป้าไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มค่ะ” “ขอบคุณมากครับ”แหนมรีบทำความสะอาดอย่างรวดเร็วตามที่เธอถนัดป้าพันเองก็เดินเข้าบ้านไปเตรียมน้ำเตรียมของว่างมาให้ชายหนุ่มจอมทัพเดินดูในสวนไปรอบๆ บริเวณเรื่อยๆ ทอดมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับลมเย็นๆ ที่พัดเอื่อยๆ ปะทะหน้าเขาเป็นระยะๆ มันทำให้รู้สึกเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งที่ปราศจากความวุ่นวายใดๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเลือกมาอยู่ในที่แบบนี้ “ห้องพร้อมแล้วค่ะคุณผู้ชาย” “ขอบใจนะ” แหนมวิ่งมาบอกแล้วก็รีบวิ่งหนีไปเพราะทนมองหน้าเขานานๆ ไม่ได้มันเขินจนพูดผิดพูดถูกไปหมดดาเมจคนหล่อมันรุนแรงเกินไปสำหรับเธอเมื่อยามค่ำคืนมาถึงชายหนุ่มล้มตัวลงนอนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจเพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ยิ่งได้เห็นท้องที่นูนขึ้นมาแตกต่างจากเดิมนั้นก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกต่อให้นอนกับพื้นดินเขาก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ลูกใกล้เมียแบบนี้ นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็หลับไปจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้ง
“อรเดี๋ยววันนี้พ่อแม่ว่าจะออกไปในเมืองหน่อยนะลูกน่าจะกลับดึกพักผ่อนให้มากๆ ไม่ต้องรอนะ ให้หลานแม่พักผ่อนมากๆ เข้าใจไหม”“ค่ะคุณแม่เที่ยวให้สนุกนะคะ” สิริวดีและทัศนีย์เดินมาบอกอรฤดีที่กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กอยู่ในห้องหนังสือจริงๆ แล้วก็ต้องการเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันนั่นเอง แล้วบรรดาคนแก่ชอบเที่ยวก็พากันออกไปพร้อมกับรถตู้คู่ใจสวนกับจอมทัพที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร ตอนนี้หัวใจเขาอยู่กับหญิงสาวที่ขโมยมันไปตั้งแต่เมื่อไหล่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็เอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ “เห้ยย.. จิ๊ ลืมได้ไงวะ”เขาสบถออกมาเมื่อควานมือหาชุดนอนของเมียที่ต้องเอาไว้ดมเพื่อเติมพลังชีวิตแล้วไม่เจอ ตายแน่ๆ ถ้าไม่มีชุดนอนเธอเอาไว้ดมมีหวังเขาได้อ้วกแตกกินอะไรไม่ได้อีกแน่ๆ ถึงจะดูเหมือนคนโรคจิตก็เถอะแต่มันช่วยได้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยแค่คิดว่าลืมเอาติดมาด้วยก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันวะเนี่ย… “มาหาใครเหรอคะ”แหนมรีบวิ่งออกไปรับแขกเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเดินลงจากรถมา “อรอยู่หรือเปล่า ผมมาหาอรไปบอกเธอที”“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” แหนมเ
วันต่อมา “หน้าตาสดชื่นขึ้นนะคะวันนี้ “พี่ปลาเอ่ยทักเมื่อเห็นจอมทัพเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าแจ่มใสกว่าทุกวัน “พี่ปลาๆ ผมเดินในสวนเห็นต้นไม้หลังบ้านตรงนั้นมีลูกเต็มเลยผมอยากลองชิมครับ” ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไรแต่เห็นลูกของมันแล้วก็รู้สึกน้ำลายไหลขึ้นมาซะอย่างนั้น“หูยยยย คุณจอมทานไม่ได้หรอกค่ะ มันเปรี้ยวววเข็ดฟันเลยนะคะ เดี๋ยวพี่ปลาไปหาดูผลไม้อย่างอื่นมาให้ดีกว่าค่ะ “มันคือมะยมไม่รู้เกิดมาเขาจะเคยกินไหมและก็คิดว่าคนอย่างเขาน่าจะไม่ชอบแน่นอน มะยมเนี่ยนะ เห็นปกติทานแต่ผลไม้นำเข้า กับเหล้ากับเบียร์ นี่จะมาอารมณ์ไหนกันแน่ นับวันเจ้านายของเธอยิ่งเพี้ยนขึ้นทุกที เมียทิ้งนี่ทำให้คนเสียสูญไปได้ไม่น้อยเลยนะะเพิ่งเคยเจอก็วันนี้แหละ “ทานมื้อเช้าก่อนนะคะ ข้าวต้มปลากระพงค่ะ เดี๋ยวพี่ปลาไปเอาผลไม้มาให้นะคะ” จอมทัพยื่นหน้าไปดมกลิ่นข้าวต้มแล้วก็รู้สึกจะอ้วกขึ้นมาทันทีแล้วก็คิดขึ้นมาได้..รีบหยิบชุดนอนของอรฤดีขึ้นมาดมอาการคลื่นไส้ก็ทุเลาลงแล้วตักข้าวต้มเข้าปาก จะอ้วกอีกก็ทำแบบเดิมอยู่อย่างนั้นจนพี่ปลาที่ถือจานสตอเบอร์รี่มาเห็นชะงักไปอีกที.. ไม่ปกติ เจ้านายของเขาไม่ปกติแล้ว..“มาแล้วค่ะ ผลไม้
“พ่อกับแม่ล่ะครับพี่ปลา” จอมทัพเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็มีเพียงความเงียบงันไร้ซึ่งเสียงของแม่เขาที่มักจะดังลงมาถึงชั้นล่างเวลาที่ดูรายการตลกชื่อดังช่องหนึ่ง “คุณๆ ทั้งสองไม่อยู่บ้านค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะไปที่ไหนค่ะกลับเมื่อไหร่ค่ะ” ชายหนุ่มกวาดสายตามองบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบเหงานี้ด้วยหัวใจที่มันห่อเหี่ยวเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองบนชั้นสอง ความเหงาและความว่างเปล่าที่มันรู้สึกได้ว่าไม่เหลือใครสักคนเลยจริงๆ โดยเฉพาะสายตาของพ่อเขาที่แม้ปกติจะไม่ค่อยพูดอะไรมากมายและเป็นคนตลกใจดีแต่ตอนนี้สายตาของพ่อเขาที่มองมามันช่างเย็นชาเหลือเกิน ยิ่งแม่เขาที่เสียน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้แม่ร้องไห้ออกมาแบบนั้นมันคือคำตอบว่าเขาเป็นคนที่เลว เป็นคนที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือก็เจอรูปของลูกปัดคนที่เราเคยรักและตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปจนวันสุดท้าย…แต่เธอกลับโกหกหลอกลวงเขาตลอดเวลา คำพูดที่แสนหวานของเธอมันไม่มีคำไหนที่เป็นเรื่องจริงเลย.. สาเหตุที่ครอบครัวของเธอไม่ค่อยจะชอบลูกปัดสักเท่าไหร่นักนั่นก็เพราะว่าเรื่องเมื่อหล