“เหมาะมากเลยค่ะ เหมาะทั้งสองคนเลยค่ะ เข้ากั้นเข้ากันสมกับเป็นคู่รักกันจริงๆ เลยนะคะ”
พี่แมวพูดขึ้นด้วยความปราบปลื้มเมื่อภาพตรงหน้านั้นเป็นที่น่าพอใจเสียเหลือเกินแต่มีหรือที่จอมทัพจะยอมให้เป็นอย่างนั้นง่ายๆ
“แต่ผมว่าชุดนี้มันดูมิดชิดเกินไปหน่อยนะครับ..อืม อืม…”
ว่าที่เจ้าบ่าวที่ไม่ได้อยากจะแต่งงานยืนกอดอกแล้วยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองอย่างคนใช้ความคิด มองไปที่ว่าที่เจ้าสาวของตัวเองแล้วพูดออกมาราวกับไม่ค่อยถูกใจในชุดนี้ของเธอเท่าไหร่นักแต่มีหรือที่คนอย่างอรฤดีจะไม่รู้เท่าทัน
“นั่นสิคะพี่แมวอรว่าชุดเจ้าบ่าวดูไม่ค่อยเข้าชุดกับอรเลยค่ะมีสีที่ซอฟๆ ลงกว่านี้อีกไหมคะ”
อรฤดีหันไปพูดเสียงหวานใบหน้าจิ้มลิ้มกับพี่แมวแต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาในทันทีเมื่อรู้ว่าเธอรู้ทันแผนการของเขาแถมยังเอาคืนในทันทีอีกต่างหากเห็นทีว่างานนี้คงจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“ได้สิคะได้เลย..รอสักครู่นะคะพี่แมวจะรีบเอาชุดใหม่มาให้ลองค่ะ”
เพียงแค่พี่แมวเดินลับสายตาไปว่าที่เจ้าบ่าวที่ยืนกอดอกจ้องมองว่าที่เจ้าสาวของตัวเองอยู่ก็กำลังเตรียมคิดแผนต่อไปซึ่งว่าที่เจ้าสาวของเขาก็กอดอกหักมาจ้องมองสอดประสานสายตากับตนเองด้วยแววตาที่ฉายชัดว่าเธอเองก็มีแผนอยู่เหมือนกัน
[ หึหึ ได้เลยไม่ว่าเธอมีแผนอะไรเขาจะทำให้เธอยอมแพ้และเอ่ยปากขออย่ากับเขาให้เร็วที่สุด ]
“มาแล้วค่ะชุดใหม่ที่พี่แมวขอนำเสนอชุดนี้นะคะเป็น/Collection ใหม่ส่งตรงมาจากปารีสเลยค่ะรับรองต้องถูกใจแน่นอนเลยค่ะพี่แมวรับประกัน”
และเช่นเดิมทั้งสองยิ้มให้กันและรับชุดจากพี่แมวไปโดยที่ว่าที่เจ้าบ่าวก็เดินไปส่งเจ้าสาวที่ห้องลองชุดต้อยๆ เหมือนเดิมทำเอาพี่แมวยิ้มไม่หุบได้แต่คิดว่าถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอาใจใส่ให้ความร่วมมือกันดีขนาดนี้จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
“กรี้ดดดดด มันจึ้งมากกกก ดูดีที่สุดสวยที่สุดหล่อที่สุดไปเลยค่ะ”
พี่แมวถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินควงแขนกันออกมามันช่างเป็นภาพที่เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบเจ้าบ่าวที่หล่อและหุ่นดีกับเจ้าสาวที่สวยและเพอร์เฟคขนาดนี้ต่อให้หยิบชุดเข้าครัวมาก็คงจะดูดีไม่ต่างจากเดิมนั่นแหละพี่แมวได้แต่โอบกอดตัวเองด้วยความเป็นสุขใจ
“แต่ผมว่าชุดนี้ยังไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่เลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ อรก็รู้สึกว่าชุดนี้มัน อืมมม…”
คำพูดของทั้งสองทำเอาพี่แมวถึงกับหน้าเหวอไปชั่วครู่ทั้งสวยทั้งดูดีขนาดนี้แต่ยังไม่ถูกใจ..เอาเถอะแต่ไม่เป็นไรพี่แมวซะอย่างจัดให้ได้อยู่แล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนั้นพี่แมวก็เดินหายกลับเข้าไปเพื่อหยิบชุดใหม่มาให้ทั้งสองได้ลองอีกแต่แล้วไม่ว่าจะลองผ่านไปกี่ชุดต่อกี่ชุดทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ยังดูไม่พอใจในชุดของกันแหละกันเหมือนเดิมทำเอาพี่แมวถึงกับทิ้งตัวลงนอนแผ่บนโซฟาด้วยความเหนื่อย ก็แต่ละชุดทั้งหนักและต้องเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบจนหมดพลังแล้ว..
“น้องจอมชาาา น้องอรขาา ไม่มีชุดไหนในร้านพี่แมวอีกแล้วค่ะไม่ถูกใจสักชุดเลยเหรอคะพี่แมวโดนคุณพ่อคุณแม่ของน้องจอมและน้องอ่อนเอาตายแน่เลยค่ะสงสารพี่แมวเถอะนะคะ”
พี่แมวพูดด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อเห็นอย่างนั้นทั้งสองคนก็ต่างเหล่ตามองกันเล็กน้อย
“ตกลงค่ะอรมีชุดที่ชอบในใจตั้งแต่แรกแล้วค่ะพี่แมว”
อรฤดีกอดอกแล้วหันไปพูดใส่หน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดีจังเลยค่ะน้องอรบอกพี่แมวมาได้เลยค่ะ”
“ชุดแรกค่ะ! / ชุดแรกครับ!”
ยังไม่ทันที่พี่แมวจะได้พูดต่อทั้งสองคนก็พูดออกมาพร้อมๆ กันในทันทีก่อนจะหันมองหน้ากันด้วยแววตาเอาเรื่องซึ่งนั่นทำให้พี่แมวแทบหงายท้องนอนแผ่หลาเมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่แรกทั้งสองคนเพียงแสดงให้ตนเองดูเท่านั้นแถมยังแกล้งกันไปมาอีกต่างหาก…
“โอ๊ยพี่แมวจะเป็นลม ! “
.
.
.
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณวางแผนจะทำอะไร”
อรฤดีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนขณะที่กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ความคิดของทั้งสองคนแน่นอนแต่เป็นคำสั่งของพ่อและแม่ทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าเมื่อลองชุดเสร็จแล้วให้ทานข้าวก่อนกลับบ้านและใช่…ทุกอย่างได้ถูกจองและจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“หึ ถ้ารู้แล้วก็ดีงั้นคุณก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับผมซะสิ”
เมื่อคนตรงหน้าพาเข้าประเด็นสำคัญจอมทัพเองก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยพูดความต้องการของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกัน
“ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งกับคุณนักหรอกแต่ฉันมีความจำเป็นบางอย่างที่ปฏิเสธคุณแม่ไม่ได้ ถ้าคุณไม่อยากแต่งกับฉันขนาดนั้นทำไมคุณไม่เป็นฝ่ายถอนตัวออกจากการแต่งงานนี้ซะเองล่ะ”
ชัดเจนแล้วว่าทั้งสองคนคิดตรงกันในเรื่องการแต่งงานแต่ดูเหมือนแต่ละคนก็จะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้เช่นกัน
“ถ้าผมทำได้ผมทำไปแล้วคุณไม่รู้หรอกว่าผมลองทำอะไรไปบ้างแล้วคุณล่ะได้ลองบ้างหรือยัง”
จอมทัพจ้องมองคนตรงหน้าเขม๋งแต่ก็รู้สึกดีขึ้นที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขาเหมือนกันเห็นทีว่าแบบนี้คงจะคุยกันได้ง่ายหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเรามาร่วมมือกันดีกว่าอย่างน้อยๆ ก็ยังดีกว่าที่เราทั้งคู่แต่งไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แบบนี้แถมทุกอย่างยังตกอยู่ในสายตาของพวกท่านอีก”
พูดจบแล้วจอมทัพก็กรอกตาไปทั้งสองข้างซ้ายขวาเป็นสัญญาณให้อรฤดีรู้ตัวว่าพนักงานในร้านกำลังกูมองเขาและเธออยู่แน่นอนว่าต้องเป็นคำสั่งของพอและแม่ของใครคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
“ฉันขอพูดยืนยันไว้ตรงนี้อีกครั้งเลยว่าฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณ”
“ผมก็เหมือนกัน”
ทั้งสองคนต่างพูดจาหนักแน่นทั้งที่ใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตแล้วเข้าหูถึงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“ผมว่าเราควรร่วมมือกัน ถ้าเราหยุดงานแต่งไม่ได้งั้นผมว่าเราก็เล่นตามน้ำไปก่อนแล้วค่อยหย่ากันทีหลังคุณคิดว่ายังไง”
อรฤดีไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเธอใช้ความคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตกลงเห็นด้วยกับข้อเสนอของคนตรงหน้า
“แต่ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะตกลงกับคุณก่อน “
“ผมก็เหมือนกันถ้างั้นตกลงตามนี้แล้วเดี๋ยวส่วนที่เหลือเราค่อยมาคุยกันอีกที”
“ได้ค่ะตกลง”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ”
เสียงพนักงานดังขึ้นพอดีกับที่ทั้งสองตกลงกันได้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาไว้ใจเธอได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเธอจะไว้ใจเขาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียเมื่อไหร่
เช้าวันต่อมา เมื่อแสงสว่างรอดผ่านหน้าต่างเข้ามาได้อรฤดีก็รีบตื่นมาดูแลเช็ดตัวให้คนที่ยังคงหลับอยู่ในทันที “แผลเต็มหน้าเลย คงจะเจ็บน่าดูเลยนะคะ”แหนมที่เปิดผ้าม่านชะโงกหน้ามาดูแล้วพูดออกมาด้วยความกลัว เกิดมาเพิ่มเคยเจอเรื่องแบบนี้แต่ก็ยิ่งปลื้มชายหนุ่มไปอีกเมื่อเขาพยายามปกป้องคนที่เขารักไว้โดยไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลย“ผมขอโทษ… ผม ผมขอโทษ” เสียงละเมอเบาๆ ดังขึ้นทั้งที่เจ้าตัวยังคงหลับอยู่ แต่คนที่เฝ้ารอการตื่นของอย่างใจจดใจจ่อนั้นกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน .. หัวใจของเธอชาวาบไปทั้งตัวมันเหมือนความกลัวและความกังวลทั้งหมดสลายหายไปเมื่อได้ยินเสียงที่ออกจากปากของเขาแม้จะยังไม่ตื่นขึ้นมาก็ตาม..“ถ้ายังมัวนอนอยู่แบบนี้ชั้นจะไม่ยกโทษให้แล้วนะ ลูกหิวจะแย่แล้วเมื่อไหร่จะตื่นมาทำกับข้าวให้ลูกกิน.. ผ้าเต็มตะกร้าแล้วใครจะซัก คนงานก็ลาใครจะรดน้ำต้นไม้มัวนอนอยู่ได้ ..” “โอ้โหคุณอร เอาจริงเหรอคะ ..” แหนมขมวดคิ้วรีบหันขวับไปมองเจ้านายตนเองในทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น อันนี้คือคุณอรให้อภัยจริงๆ แล้วใช่เปล่าหรือต้องการคนมาใช้แรงงานกันแน่ “ถ้าคุณให้อภัยผมให้ทำมากกว่านี้ผมก็ยอม” จอมทัพค่อยๆ ลืมตาขึ้
การกระทำดูแลเอาใจใส่ของเขาการเป็นกิจวัตรประจําวันที่ไม่ว่าจะเป็นเธอและเขาต่างคุ้นชินแม้ดูเหมือนจะหมางเมินอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ยังตีหน้ามึนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจและยังมีป้าพันคอยเป็นกำลังใจสำคัญคอยช่วยเหลือทำให้ทุกอย่างดูราบรื่นไปได้ด้วยดีขึ้นทุกวันๆ แม้เขาจะยังคงได้นอนที่ห้องเก็บของหลังบ้านเหมือนเดิม … “เห้ยบ้านนี้แหละมีแต่ผู้หญิงกับคนแก่ ป่านนี้คนงานกลับไปหมดแล้วทางสะดวกเว้ย” เด็กแว้นสองคนที่ต้องการเงินคอยซุ่มดูอยู่หลายวันตั้งใจจะเข้ามาขโมยเงินหรือของมีค่าเอาไปใช้กินใช้เที่ยว หลังจากที่ดูลาดเลามานานพอสมควรวันนี้ก็ตัดสินใจลงมือ.. “แล้วถ้ามีคนขัดขืนจะให้ทำยังไงวะ” “ก็ตบให้กลิ้งไปดิ่วะ ให้มันรู้ซะบ้างแต่พวกมันคงไม่กล้าหรอกมีแต่ผู้หญิงท้องกับคนแก่นี่หว่า” “อีคนท้องเป็นเจ้าของบ้านห้องมันน่าจะมีเงินเก็บไว้ แอบเข้าไปให้เงียบๆ อย่าให้อีแก่นั่นรู้จะได้จบงานไวๆ เข้าใจไหม” “เออๆ รู้แล้วน่า มึงนั่นแหละอย่าพลั้งมือทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็แล้วกัน”“พูดมา! ไปได้แแล้วๆ”เมื่อตกลงกันได้ บอกแผนการกันเสร็จสรรพแจ็กและเจก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปในบ้านและเดินเลาะไปยังห้องที่คิดว่าเป็นห้องของอรฤดี แกร่ก..
“นังแหนมรีบมาทำความสะอาดให้คุณเขาเร็ว”ป้าพันรีบบอกให้แหนมมาทำความสะอาดเมื่อชายหนุ่มรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนะคะเดี๋ยวป้าไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มค่ะ” “ขอบคุณมากครับ”แหนมรีบทำความสะอาดอย่างรวดเร็วตามที่เธอถนัดป้าพันเองก็เดินเข้าบ้านไปเตรียมน้ำเตรียมของว่างมาให้ชายหนุ่มจอมทัพเดินดูในสวนไปรอบๆ บริเวณเรื่อยๆ ทอดมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับลมเย็นๆ ที่พัดเอื่อยๆ ปะทะหน้าเขาเป็นระยะๆ มันทำให้รู้สึกเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งที่ปราศจากความวุ่นวายใดๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเลือกมาอยู่ในที่แบบนี้ “ห้องพร้อมแล้วค่ะคุณผู้ชาย” “ขอบใจนะ” แหนมวิ่งมาบอกแล้วก็รีบวิ่งหนีไปเพราะทนมองหน้าเขานานๆ ไม่ได้มันเขินจนพูดผิดพูดถูกไปหมดดาเมจคนหล่อมันรุนแรงเกินไปสำหรับเธอเมื่อยามค่ำคืนมาถึงชายหนุ่มล้มตัวลงนอนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจเพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ยิ่งได้เห็นท้องที่นูนขึ้นมาแตกต่างจากเดิมนั้นก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกต่อให้นอนกับพื้นดินเขาก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ลูกใกล้เมียแบบนี้ นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็หลับไปจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้ง
“อรเดี๋ยววันนี้พ่อแม่ว่าจะออกไปในเมืองหน่อยนะลูกน่าจะกลับดึกพักผ่อนให้มากๆ ไม่ต้องรอนะ ให้หลานแม่พักผ่อนมากๆ เข้าใจไหม”“ค่ะคุณแม่เที่ยวให้สนุกนะคะ” สิริวดีและทัศนีย์เดินมาบอกอรฤดีที่กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กอยู่ในห้องหนังสือจริงๆ แล้วก็ต้องการเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันนั่นเอง แล้วบรรดาคนแก่ชอบเที่ยวก็พากันออกไปพร้อมกับรถตู้คู่ใจสวนกับจอมทัพที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร ตอนนี้หัวใจเขาอยู่กับหญิงสาวที่ขโมยมันไปตั้งแต่เมื่อไหล่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็เอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ “เห้ยย.. จิ๊ ลืมได้ไงวะ”เขาสบถออกมาเมื่อควานมือหาชุดนอนของเมียที่ต้องเอาไว้ดมเพื่อเติมพลังชีวิตแล้วไม่เจอ ตายแน่ๆ ถ้าไม่มีชุดนอนเธอเอาไว้ดมมีหวังเขาได้อ้วกแตกกินอะไรไม่ได้อีกแน่ๆ ถึงจะดูเหมือนคนโรคจิตก็เถอะแต่มันช่วยได้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยแค่คิดว่าลืมเอาติดมาด้วยก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันวะเนี่ย… “มาหาใครเหรอคะ”แหนมรีบวิ่งออกไปรับแขกเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเดินลงจากรถมา “อรอยู่หรือเปล่า ผมมาหาอรไปบอกเธอที”“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” แหนมเ
วันต่อมา “หน้าตาสดชื่นขึ้นนะคะวันนี้ “พี่ปลาเอ่ยทักเมื่อเห็นจอมทัพเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าแจ่มใสกว่าทุกวัน “พี่ปลาๆ ผมเดินในสวนเห็นต้นไม้หลังบ้านตรงนั้นมีลูกเต็มเลยผมอยากลองชิมครับ” ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไรแต่เห็นลูกของมันแล้วก็รู้สึกน้ำลายไหลขึ้นมาซะอย่างนั้น“หูยยยย คุณจอมทานไม่ได้หรอกค่ะ มันเปรี้ยวววเข็ดฟันเลยนะคะ เดี๋ยวพี่ปลาไปหาดูผลไม้อย่างอื่นมาให้ดีกว่าค่ะ “มันคือมะยมไม่รู้เกิดมาเขาจะเคยกินไหมและก็คิดว่าคนอย่างเขาน่าจะไม่ชอบแน่นอน มะยมเนี่ยนะ เห็นปกติทานแต่ผลไม้นำเข้า กับเหล้ากับเบียร์ นี่จะมาอารมณ์ไหนกันแน่ นับวันเจ้านายของเธอยิ่งเพี้ยนขึ้นทุกที เมียทิ้งนี่ทำให้คนเสียสูญไปได้ไม่น้อยเลยนะะเพิ่งเคยเจอก็วันนี้แหละ “ทานมื้อเช้าก่อนนะคะ ข้าวต้มปลากระพงค่ะ เดี๋ยวพี่ปลาไปเอาผลไม้มาให้นะคะ” จอมทัพยื่นหน้าไปดมกลิ่นข้าวต้มแล้วก็รู้สึกจะอ้วกขึ้นมาทันทีแล้วก็คิดขึ้นมาได้..รีบหยิบชุดนอนของอรฤดีขึ้นมาดมอาการคลื่นไส้ก็ทุเลาลงแล้วตักข้าวต้มเข้าปาก จะอ้วกอีกก็ทำแบบเดิมอยู่อย่างนั้นจนพี่ปลาที่ถือจานสตอเบอร์รี่มาเห็นชะงักไปอีกที.. ไม่ปกติ เจ้านายของเขาไม่ปกติแล้ว..“มาแล้วค่ะ ผลไม้
“พ่อกับแม่ล่ะครับพี่ปลา” จอมทัพเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็มีเพียงความเงียบงันไร้ซึ่งเสียงของแม่เขาที่มักจะดังลงมาถึงชั้นล่างเวลาที่ดูรายการตลกชื่อดังช่องหนึ่ง “คุณๆ ทั้งสองไม่อยู่บ้านค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะไปที่ไหนค่ะกลับเมื่อไหร่ค่ะ” ชายหนุ่มกวาดสายตามองบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบเหงานี้ด้วยหัวใจที่มันห่อเหี่ยวเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองบนชั้นสอง ความเหงาและความว่างเปล่าที่มันรู้สึกได้ว่าไม่เหลือใครสักคนเลยจริงๆ โดยเฉพาะสายตาของพ่อเขาที่แม้ปกติจะไม่ค่อยพูดอะไรมากมายและเป็นคนตลกใจดีแต่ตอนนี้สายตาของพ่อเขาที่มองมามันช่างเย็นชาเหลือเกิน ยิ่งแม่เขาที่เสียน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้แม่ร้องไห้ออกมาแบบนั้นมันคือคำตอบว่าเขาเป็นคนที่เลว เป็นคนที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือก็เจอรูปของลูกปัดคนที่เราเคยรักและตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปจนวันสุดท้าย…แต่เธอกลับโกหกหลอกลวงเขาตลอดเวลา คำพูดที่แสนหวานของเธอมันไม่มีคำไหนที่เป็นเรื่องจริงเลย.. สาเหตุที่ครอบครัวของเธอไม่ค่อยจะชอบลูกปัดสักเท่าไหร่นักนั่นก็เพราะว่าเรื่องเมื่อหล