ไม่รู้ยังไง สุดท้ายเราก็มานั่งดูหนังอย่างว่าด้วยกันในห้องนอนของชูใจ
... สองต่อสองเลย
ผมกลัวใจตัวเองว่ะ ตอนนี้กำลังจะเปิดหนัง AV ที่ผมดูประจำเพราะนางเอกหนังคล้ายชูใจ ร่างเล็กนั่งหน้าแดงจัดอยู่บนเตียงตอนที่ผมยกโน๊ตบุ้คเธอมาตั้งไว้บนพื้นเตียง ซิงค์โทรศัพท์เข้าดูประวัติการเข้าชมที่ผมเคยเข้าไปดู
“... โหนทะลึ่ง” ชูใจพึมพำเสียงเบา ผมเองก็อายดิ ไม่อายได้ไง ปกติเคยทำอะไรทำนองนี้กับชูใจที่ไหน ก่อนหน้านี้ใครจะเชื่อว่าเราเป็นเพื่อนกัน
เออ ก็เคยนี่หว่า
ครั้งนั้นไง ที่เราเมาเบียร์กันทั้งคู่แล้วผมเผลอ... ช่างเหอะ
หนังเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆ เพราะผมเคยดูแล้วถึงได้แต่นั่งท้าวคางมองเฉยๆ ในขณะที่เหลือบไปสังเกตการณ์อาการของชูใจ แล้วก็เห็นว่าเธอนั่งตัวเกร็ง หน้าซีดจัด
ไอ้แก่พุงพลุ้ยเริ่มนัวเนียสาวญี่ปุ่นที่อยู่ในหนัง ถอดชั้นในเธอออกจนโนบรา ยอดอกสีชมพูโผล่ออกมาในขณะที่มันเริ่มดูดอย่างกระหาย ผมรู้สึกสยิวนิดๆ ตรงหว่างขา ในขณะที่เหลือบไปมองคนข้างๆ บ้าง
ผมเห็นชูใจกัดปากตัวเอง อาการเธอเปลี่ยนไปพอเจอฉากนี้ ในขณะที่ผมก็นึกขึ้นได้ ตอนที่เมาเบียร์แล้วเผลอลวนลามเธอครั้งแรก
เรื่องที่ว่าเธอชอบ... ให้ผมดูดนมให้ ใช่ปะ
นึกแล้วเขินเอง ไอ้เหี้ย
“ชูใจ” ผมเรียกชื่อเธอ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก “ไม่เคยเหรอ แบบในนี้”
“... เค้าก็อยากรู้อ่ะ” เธอโพล่งขึ้นมา จงใจไม่ตอบคำถามผม แต่ประโยคต่อไปที่เธอพูด “ว่าตอนที่โหนพลาด”
“...”
“โหนเคยทำแบบนี้กับเค้ารึเปล่า?”
กระตุกใจผมได้ดีมาก
“คิดว่าไงอ่ะ” ผมถามย้อนกลับไปตอนที่จ้องปากเธอ หนังดำเนินถึงตอนเร้าอารมณ์ด้านล่าง ผมนึกอยากให้เราเป็นเหมือนในหนัง สบตาเธอที่หันมามองผมกลับ เชื่อปะว่าเรานั่งห่างกันมาก แต่มีแค่มือเราที่สัมผัสกัน
แค่ปลายนิ้วเองไอ้โหน
“... มันน่าอายอ่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว แต่แววตาฉายชัดถึงความต้องการ ผมรู้ว่าเธอไม่เคย พอไม่เคยแล้วได้สัมผัสเพียงนิด แม่งก็อยากลอง เอาตัวเองจมลงไปกับมันเต็มตัว
“ขอจูบได้มั้ยวะ?” ผมถามออกมาตรงๆ เลือกที่จะตรงประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม เพราะถ้ามันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ขอได้แตะต้องนิดเดียวก็พอใจ
ชูใจเม้มริมฝีปาก เธอหน้าแดงจัดจนถึงคอ ก่อนที่ร่างเล็กจะช้อนตาขึ้นมองผม
“อื้อ”
ตึกตัก
ใจผมเต้นแรงจนแทบแหกออกมาจากอก ชูใจที่สบตาผมในตอนนี้เย้ายวนจนไม่รู้จะรับมือยังไง มือเรากุมกันแน่นขึ้น เสียงครางของผู้หญิงในหนัง AV ดังขึ้นภายในห้อง ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอทีละนิด สบแววตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตที่ค่อยๆ หลุบเปลือกตาลง
ปากเราแตะกันในนาทีนั้น ชูใจปิดปาก ผมเลยอ้าปากใช้เขี้ยวกัดปากล่างของเธอเบาๆ ให้เธอเปิดปากออก
“... อื้อ” เสียงอื้ออึงในลำคอของเธอมันยั่วได้ใจ จนผมต้องแทรกลิ้นไปในปากเธอ ชูใจไม่กล้าแตะปลายลิ้นเธอลงกับลิ้นของผม ผมเลยกัดปากเธออีกที แล้วผละออกมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ
“แลบลิ้นหน่อยดิ” เธอกระตุกเบาๆ สบตามองผมอย่างอายๆ ตอนที่หลับตาแลบลิ้นออกมา
ผมแลกลิ้นกับลิ้นของเธอ พันกระหวัดลิ้นสู้จนปากเธอชุ่มไปด้วยน้ำลาย ผมครอบครองปากเธอ จูบเธออย่างกระหาย ก่อนที่จะเลื่อนมือลงไปสัมผัสที่สะโพกกลมกลึง
ชูใจผละออกมาสบตาผม เธอเม้มปาก ผมมองเธอ เป็นครั้งแรกที่เราจูบลึกซึ้งกันแบบที่ไม่ใช่คืนนั้นที่เธอไม่มีสติ ถ้าสมมุติว่าผมทำได้มากกว่านี้ นี่แม่งก็จะไม่ใช่ฝัน
มันคือความจริง
“เค้าหน้าอกเล็ก” เธอโพล่งออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมเลือกจับสะโพกเธอมากกว่านม “ถ้าเปิดออกมาแล้วมันเล็กกว่าที่คิด... โหนคงผิดหวังอ่ะ”
“ถ้าถามว่าเคยเห็นมั้ย ก็เคยนะ” ผมฉีกยิ้ม บีบสะโพกเธอเบาๆ “ก็ใหญ่นี่ ไม่ได้เล็กตรงไหน”
“โหน” เธอตีแขนผมเบาๆ ผมหัวเราะ ก่อนที่จะหุบยิ้มตอนที่เห็นว่าเธอมองมา ผมมองเธอกลับ แล้วชูใจก็เม้มปากอีก ริมฝีปากเธอแห้งผาก เหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอยากลองอะไรพิเรนทร์ๆ กับผม “โหน”
“อะไร” ผมครางรับเมื่อเห็นว่าเธอเรียกชื่อผมอีกครั้ง
“... ถ้าสมมุติว่าเค้าท้องกับโหน” เธอโพล่งมันออกมาอีก “โหนจะเป็นพ่อที่ดีรึเปล่า กล้าที่จะไปเจอพ่อแม่เค้ารึเปล่าว่าโหนเป็นแฟนเค้า”
“...”
“จะกล้าไปบอกพ่อแม่เค้ามั้ยว่าเค้าท้องกับโหน”
ผมนิ่งไป ผมเชื่อว่าเธอไม่เคยมีความรัก ตลอดเวลาที่อยู่กับเธอมาหลายปี เป็นเพื่อนกับเธอมานาน ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ แค่หวั่นไหว หรือชอบผม หรือรักผม หรือผูกพันกับผม
แต่เท่าที่ผมรู้
“กล้าดิ ถ้าเกิดว่าเค้าทำเธอท้อง” ผมฉีกยิ้ม “แต่วันนี้สัญญาเลย”
“...”
“ไม่ทำให้ท้องหรอก”
[จบพาร์ท : โหน]
ก็แค่ความคิดชั่ววูบที่ดันเกิดคิดจริงขึ้นมาแค่นั้นเอง
แต่ก็แค่ทำแบบนั้นเองนี่ ไม่ได้ถึงกับจังหวะแบบในหนังอย่างว่าที่โหนเปิดสักหน่อย ส่วนที่ฉันถามไปเรื่องท้อง ก็แค่อยากรู้ว่าเขาจริงใจกับฉันมากแค่ไหน
ฉันไม่พร้อมหรอกนะ ที่จะท้องกับโหน แต่ว่า...
ถ้าเกิดได้ใกล้ชิดกับเขาแค่สักเพียงนิดล่ะก็ ฉันอาจจะรู้ว่ามันคืออะไร
“อื้อ...” ฉันถูกตระโบมจูบอย่างหนักหน่วง หัวใจฉันเต้นแรงมากๆ แต่พอสัมผัสที่อกของโหนเพื่อยึดเสื้อยืดของเขาไว้เป็นหลักไม่ให้ฉันปล่อยตัวปล่อยใจจนเกินไป ฉันถึงได้รู้ว่าใจเขาเองก็เต้นแรงไม่แพ้กัน
นี่เหรอจูบอ่ะ ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะล่องลอยขนาดนี้
ฉันควรจะรังเกียจสิ มันเหมือนเราแลกน้ำลายกันไปมา ลิ้นร้อนๆ ของโหนรวนลิ้นฉันตลอดเวลา ดูดปากดังจ๊วบๆ กันจนกลายเป็นเสียงน่าอาย แต่มือฉันกลับอ่อนแรง ตาฉันปิดสนิทอย่างเคลิบเคลิ้ม หัวใจฉันพองโตเหมือนนี่คือความรัก
ครั้งแรกที่เขาจูบฉัน วันนั้นมันแค่แตะปากกันเอง มันไม่ถึงกับเอาลิ้นเข้ามาขนาดนี้ หัวใจฉันเต้นจนชาไปทั้งอกเลย
จนโหนผละริมฝีปากออกไป ฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองทำสีหน้าน่าอายออกไปจนเขาถึงกับเบิกตากว้าง ใบหูของโหนแดงขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เขาค่อยๆ เลื่อนมือมากอบกุมหน้าอกของฉันอย่างถือวิสาสะ ราวกับหลุดความควบคุม
หน้าอกฉันคัดตึงเพราะแรงบีบจากฝ่ามือหนาของเขา หัวใจของฉันที่อยู่ในอกเต้นแรงจนสู้มือเขาเลยสินะ เขาถึงได้กัดฟันขนาดนั้น
“อะ” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจตอนที่โหนเลิกเสื้อฉันขึ้นทันทีจนเห็นชั้นในข้างใน ชั้นในสีฟ้าอ่อนเหมือนท้องทะเลของฉันบิดเบี้ยวไปเพราะมือของเขา
โหนช้อนสายตาขึ้นมองฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“นิ่มจังวะ” เขาพูดออกมาคำหนึ่งอย่าลืมตัว แต่ทำให้ฉันถึงกับลืมหายใจ หัวใจของฉันอยู่ใต้กำมือของเขานี่เอง แล้วชั้นในอันนี้อ่ะ ก็เป็นสิ่งเดียวที่ปกปิดร่างกายของฉันเอาไว้ด้วย
แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้เตรียมใจ โหนก็เลิกชั้นในของฉันลงมาอยู่ใต้อก ชั้นในที่รัดแน่นใต้เต้าทำให้มันเป็นทรงกลมกลึง ยอดอกสีอ่อนของฉันปรากฎสู่สายตาที่ฉายแววกระหายของโหน
ฉันหลับตาปี๋ หน้าร้อนจัดอย่างอายสุดชีวิต นี่มันครั้งแรกเลยที่ให้คนอื่นเห็นหน้าอกหน้าใจของฉัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเลยที่ใครจะได้มาเห็น มาจับได้ขนาดนี้อ่ะ
“... อื้อ!” ฉันกระตุกเบาๆ เมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของโหนครอบครองยอดอกเอาไว้ เขาเกี่ยวกระหวัดลิ้นไปมา ฉันรู้สึกว่ามันคือความแปลกใหม่สำหรับฉันมากๆ มันรู้สึกเหมือนทั้งตัวเหลวไปหมด เหมือนโดนเขาน็อกเอาท์
จ๊วบ
เสียงดูดหน้าอกของโหนที่ทำกับฉันทำให้มันเกิดเป็นความอายที่เกินจะห้ามไหว ฉันเอามือข้างหนึ่งที่ยังว่างขึ้นมาปิดปากตัวเอง กัดหลังมือไว้แน่นพยายามไม่ให้เสียงออกมา
มันเสียวจนแทบขาดใจเลย
ในตอนนั้นฉันคิดถึงเรื่องในคืนนั้น คืนที่โหนเผลอทำอะไรลงไปกับฉัน แต่เขาบอกว่าไม่ถึงกับข่มขืนฉัน แต่นึกยังไงก็จำมันไม่ได้เลยสักครั้งเดียว ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้ต่างหากที่เป็นครั้งแรกของเรา
แล้วถ้าเกิด... ถ้าเกิดว่าครั้งนี้
เราพลาดกันอีกล่ะ?
“อะ” ทั้งตัวฉันกระตุกซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อโหนดูดหน้าอกฉันแล้วงับมันเบาๆ แบบไม่ได้จงใจทำแรงนัก เขาดันฉันลงไปนอนบนเตียง เสียงกระทบกันของเนื้อในหนังอย่างว่าทำให้ฉันจินตนาการไปไกล
ฉันหน้าร้อนวาบเมื่อเขาเม้มที่ใต้ราวหน้าอก แล้วก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นรอยรึเปล่า เพราะตอนนี้โหนกำลังลากหมอนลงมาเพราะเราอยู่ที่กลางเตียง แล้วรองศีรษะของฉันให้นอนลงบนหมอนนุ่มๆ
ฉันยกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองทั้งสองข้างเมื่อเขาย้ายไปอีกข้าง ดูดเลียจนชุ่มฉ่ำ ฉันรู้สึกชื้นๆ ที่กางเกงใน แต่ไม่กล้าบอกเขา ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออะไร แต่พอเสียดเสียวหนึ่งที ก็เหมือนตัวเองจะปล่อยอะไรออกมา
ปะ... ปวดฉี่
[พาร์ท : โหน]รู้สึกแปลกๆ นะว่ามั้ยรู้สึกเหมือนวันนี้ชูใจอ้อนผมแปลกๆ“ยังไม่ได้ถูสบู่ตรงนี้ให้เค้าเลย” เธอพูดตอนที่ยื่นแขนมาต่อหน้าผมที่เปลือยล่อนจ้อน สายตาผมไม่ได้มองไปที่แขนเธอ แต่มองต่ำกว่านั้น “โหน”“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่าวะชูใจ” ผมถามเธอตอนที่ถูกดึงสติ ตอนนั้นคว้าแขนเธอขึ้นมาถูสบู่เรียบๆ ปกปิดความคิดเหี้ยๆ ของตัวเอง “อาบน้ำเองไม่ได้เหรอ ต้องให้เค้าอาบให้อ่ะ”“ทายดูสิ” ใบหน้าเล็กทำหน้าทะเล้นออกมา“ดูดนม?” ผมเลิกคิ้วถามโดยไม่ต้องคิด เธอหน้าตึงขึ้นมาทันที ผมเลยแค่นหัวเราะออกมา “ชอบให้ดูดนมจริงๆ ว่ะเธออ่ะ ไอ้ทะลึ่ง”ชูใจสาดน้ำใส่ตัวผมทันที“ไม่ใช่นะ!” เธอโวยวาย “ก็แบบว่า... วันนี้โหนจะค้างที่นี่รึเปล่า”“...” ผมชะงักไป เมื่อสบตาเธอแล้วก็เห็นว่ามันสื่อออกมาอย่างชัดเจน“ก็ถ้าจะค้างที่นี่... เผื่อเราจะได้ช่วยติวหนังสือให้ไง”เวรเอ้ยตั้งแต่ประโยคนั้นก็ทำใจให้มองเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อไม่ได้อีกเลย นี่ผมแม่งไปปลุกอะไรในตัวชูใจเข้าวะ หรือเพราะเธอรู้สึกอะไรกับผม เธอถึงได้ยั่วใจผมได้ขนาดนี้ผมกุมใจที่เต้นแรงอยู่ในอก แม่งเต้นตั้งแต่ได้เห็นตัวเธอที่เปลือยด้วยกันในห้องน้ำ แต่ผมพยายามสะกดกลั้นอารมณ
“ค่ะแม่ หนูจะตั้งใจสอบค่ะ แต่หนูยังไม่มั่นใจว่าสอบครั้งนี้หนูจะได้มากน้อยแค่ไหน แต่หนูจะพยายามนะคะ”ติ๊ดฉันถอนหายใจหลังจากวางโทรศัพท์จากแม่ รู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้าเพราะว่ามันใกล้จะสอบแล้ว ฉันทบทวนหนังสือน้อยกว่าทุกวันเพราะช่วงนี้เอาแต่นอนเพราะความเพลีย มันเครียดๆ จนเพลียไปหมด ไม่อยากทำอะไรเลยฉันอยากเลิกเรียนหมอ แต่ไม่สามารถทำได้จริงๆ เพราะว่าไม่มีความกล้าพอที่จะเดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าฉันอยากทำอะไรกันแน่“เฮ้อ” ฉันพ่นลมหายใจตอนที่กดโทรศัพท์เปิดดูหน้าไทม์ไลน์ของโหน ตั้งแต่วันนั้นที่เราทำอะไรกันมากมาย ถึงจะไม่ได้ถึงขั้นกลายเป็นของเขา แต่ฉันกลับรู้สึกคิดถึงโหนบ่อยขึ้นฉันส่องหน้าเฟสโหนตลอดถ้ามีโอกาส รู้สึกว่าโหนเริ่มลงรูปตัวเองในบางครั้ง แล้วก็มีผู้หญิงมาเม้นท์แซวและใช่ ฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่... ฉันก็ไม่อยากงี่เง่าใส่เขาเลย สองอาทิตย์ที่ผ่านมาดูโหนเครียดๆ แถมยังไม่ค่อยให้ฉันตามไปคุมที่ร้านเหล้าเวลาเขาไปสังสรรค์กับเพื่อน เขาอ้างมาว่ามีปัญหากับเพื่อน ไม่อยากให้ฉันไปเห็นบรรยากาศมาคุก็ไม่รู้เนอะว่าเพื่อนคนไหน แต่ก็แอบเป็นห่วงนะติ๊งฉันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนทักมาในแช
“มึงคิดไงแดกน้ำผลไม้เนี่ย”ผมเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องน้ำทิปโก้มองไปทางไอ้พัน มันนั่งดูดบุหรี่อยู่อีกทางนึง หลังจากค้างที่ห้องชูใจ วันต่อมาพอตื่นมาอาบน้ำกับเธอ (ก็เคยเห็นกันแล้วปะ) ไปส่งเธอที่มหาลัย ผมก็มานั่งที่ร้านเหล้าประจำเพราะพวกไอ้พันเรียก มันทักมาในแชทเฟสว่าจะชวนมาแดกเหล้าแต่... ก็อย่างว่า ผมจำได้ดีว่าเมื่อวานชูใจบอกว่าน้ำผมมันคาวแต่บอกให้พวกมันฟังไม่ได้“กูเบื่อเบลนด์” ผมตอบส่งๆ ตอนที่กระดกน้ำส้มลงคอ“เบื่อเหี้ยไร เห็นแดกอยู่ทุกวันกับพวกกู อยู่ดีๆ จะมาเบื่อได้ไงถ้าไม่มีเรื่อง” เพื่อนวิทยาลัยช่างที่แซวเรื่องสีหัวตอนนั้นผมโพล่งขึ้นมา มันคงไม่สบอารมณ์ที่คนคอแข็งอย่างผมพลาดการดวลกับมันในคืนนี้ เพราะนอกจากผมที่คอแข็งที่สุดในรุ่น ก็มีมันนี่แหละว่ะ เราเลยดวลคอทองแดงกันบ่อยๆ“บอกพวกมึงไปไม่ได้เหี้ยไรหรอก” ผมพูดแล้วใช้ไม้จิ้มสัปปะรดขึ้นมาเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวลงคอ ก็เคยได้ยินกันว่าสัปปะรดเป็นผลไม้ที่ทำให้น้ำมันหวาน ไม่คาว ผมก็ซื้อมาแดกดิ ถูกปะ “สัปปะรดเปรี้ยวชิบหาย มึงไปซื้อมาจากร้านไหนวะ”“กูชวนมึงมาแดกเหล้าไอ้โหน ไม่ใช่มานั่งแดกผลไม้” ไอ้พันพูดแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมา มันเป็นคนไปซื้อสัปปะร
ปะ... ปวดฉี่ฉันคิดในใจตอนที่โหนดูดดึงยอดอกแล้วปล่อยมันออกจนฉันกระตุกแรงๆ เพราะความเสียวซ่าน โหนไล้ริมฝีปากขึ้นมาที่คอฉัน เขาทำอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันช่างแบบ... จั๊กจี้มากเลยจั๊กจี้สุดๆ เลย แล้วก็แสบนิดๆ ด้วย“อื้อ” ฉันโดนโหนครอบครองริมฝีปากอย่างหนักหน่วง เขาเหมือนจะเขิน จะประหม่า แต่สิ่งที่เขาทำให้ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆมือของโหนไล้ไปตามหน้าท้องของฉัน ก่อนที่จะเลื่อนมาที่ด้านหลัง ลูบไล้แผ่นหลังที่เปลือยเปล่า แล้วฉันก็ได้ยินเสียงเขาทำอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังมันดัง กริ้กฉันรู้สึกเย็นวาบที่ใต้หน้าอกเมื่อเขารั้งมือที่วางอยู่บนแผ่นหลังเล็กๆ ของฉันให้ฉันหยัดกายขึ้นนั่ง ก่อนที่เขาจะกระซิบให้ฉันชูมือขึ้น ฉันยกมือขึ้นอย่างขลาดอาย ในขณะที่โหนจะถอดเสื้อฉันออกทางศีรษะพร้อมกับชั้นในสีฟ้าน้ำทะเล เขาโยนทิ้งไปที่พื้นข้างล่างอย่างไม่ใส่ใจนัก“อื้อ... ดูดอีกสิ” ฉันเผลออ้อนวอนออกไปอย่างลืมตัว เพราะชอบเวลาที่ลิ้นและปากอุ่นๆ ของเขาแตะลงที่จุดอ่อนไหวสีชมพูหวาน มันเสียวจนลืมตัวเลยโหนที่มีสีหน้าเหมือนเขากำลังควบคุมตัวเองอยู่เงยหน้าขึ้นสบตาฉัน แววตาของเขาแสดงออกว่าเขาจะทนไม่ไหว ฉั
ไม่รู้ยังไง สุดท้ายเราก็มานั่งดูหนังอย่างว่าด้วยกันในห้องนอนของชูใจ... สองต่อสองเลยผมกลัวใจตัวเองว่ะ ตอนนี้กำลังจะเปิดหนัง AV ที่ผมดูประจำเพราะนางเอกหนังคล้ายชูใจ ร่างเล็กนั่งหน้าแดงจัดอยู่บนเตียงตอนที่ผมยกโน๊ตบุ้คเธอมาตั้งไว้บนพื้นเตียง ซิงค์โทรศัพท์เข้าดูประวัติการเข้าชมที่ผมเคยเข้าไปดู“... โหนทะลึ่ง” ชูใจพึมพำเสียงเบา ผมเองก็อายดิ ไม่อายได้ไง ปกติเคยทำอะไรทำนองนี้กับชูใจที่ไหน ก่อนหน้านี้ใครจะเชื่อว่าเราเป็นเพื่อนกันเออ ก็เคยนี่หว่าครั้งนั้นไง ที่เราเมาเบียร์กันทั้งคู่แล้วผมเผลอ... ช่างเหอะหนังเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆ เพราะผมเคยดูแล้วถึงได้แต่นั่งท้าวคางมองเฉยๆ ในขณะที่เหลือบไปสังเกตการณ์อาการของชูใจ แล้วก็เห็นว่าเธอนั่งตัวเกร็ง หน้าซีดจัดไอ้แก่พุงพลุ้ยเริ่มนัวเนียสาวญี่ปุ่นที่อยู่ในหนัง ถอดชั้นในเธอออกจนโนบรา ยอดอกสีชมพูโผล่ออกมาในขณะที่มันเริ่มดูดอย่างกระหาย ผมรู้สึกสยิวนิดๆ ตรงหว่างขา ในขณะที่เหลือบไปมองคนข้างๆ บ้างผมเห็นชูใจกัดปากตัวเอง อาการเธอเปลี่ยนไปพอเจอฉากนี้ ในขณะที่ผมก็นึกขึ้นได้ ตอนที่เมาเบียร์แล้วเผลอลวนลามเธอครั้งแรกเรื่องที่ว่าเธอชอบ... ให้ผมดูดนมให้ ใช่ปะนึกแ
สถานการณ์ระหว่างเราเริ่มตกอยู่ในความกระอั่กกระอ่วนนั่นก็เพราะหลังจากที่โหนคว้ามือฉันมาจับเป้ากางเกงของเขา ฉันก็กรี๊ดลั่นออกมาอย่างอับอายแล้วตบหน้าเขา พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าเขาเสียงดังอีกด้วย“ก็ช่วยทำให้มันเบาลงหน่อยเหอะ เราตื่นเต้นนะ”ไอ้โหนบ้า!ที่บอกว่าอยากท้องก็แค่หลุดปากพูดออกไปเพราะเมามาก แต่ไม่ได้พร้อมจะโดนทำแบบนั้นจริงๆ หรอกนะฉันอ่ะ มีปมใหญ่เกี่ยวกับครอบครัวอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่เป็นหมอทั้งคู่ พี่ชายพี่สาวก็เรียนหมอ จบหมอออกมาหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พอลูกสาวคนสุดท้องอย่างฉันเกิดมาแล้ว พ่อกับแม่จะกวดขันเรื่องเรียนมากๆ และคาดหวังว่าฉันจะต้องจบมาเป็นหมอตามวงศ์ตระกูลตั้งแต่รุ่นทวดแต่เชื่อมั้ย จริงๆ อ่ะฉันชอบวาดรูป แต่พ่อกับแม่ไม่สนับสนุนอย่างแรง เพราะมันดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินกว่าจะเอามาทำเป็นอาชีพได้ฉันเคยคิดอยากหลุดพ้นจากความกดดันของพวกเขา แต่ทำไม่เคยได้ ด้วยนิสัยชอบตามใจพ่อแม่ของฉันด้วย ท่านอยากให้ทำอะไรฉันก็ทำ อยากให้เดินไปทางไหนฉันก็ไปเฮ้อ มันสะสมจนกดดันสุดๆ ตอนสอบฉันก็มีโรคประจำตัว คือคลื่นไส้อยากอ้วกทุกครั้งที่สอบเสร็จโหนรู้เรื่องพ่อแม่ฉันดีนะ แต่โ