Share

บทที่ 45

Author: จิ้งซิง
เมื่อครู่นี้เห็นท่านอ๋องกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเกาเย่ายังนึกว่าไม่ได้คิดมากไปเองว่าไม่ได้อาการกำเริบ

ผลปรากฏว่าเมื่อตอนนี้จ้องดูอย่างละเอียดถึงได้พบว่าดวงตาสองข้างของเป่ยเฉินหยวนยังคงมีสีแดงโลหิตนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าก็ดูซีดเผือดเล็กน้อย

เป่ยเฉินหยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วส่งเสียง “อืม”

แม้ว่าเวลานี้จิตใจของเขาจะสงบลงแล้ว แต่ทุกครั้งที่อาการกำเริบแล้ว ร่างกายของเขามักจะปรากฏอาการของโรคเล็กน้อย การที่เกาเย่าสังเกตเห็นก็เป็นเรื่องปกติ

พวกเกาเย่าตกใจจนเบิกตาโตทันที “ไวขนาดนี้เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?!”

“นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร? ครั้งนี้ช่วงเวลาอาการกำเริบของท่านสั้นถึงเพียงนี้เชียว?”

เสียงของเกาเย่าแฝงไปด้วยความยินดีปรีดาอยู่บ้าง

ไม่ใช่ว่าพวกเขากระต่ายตื่นตูมไปเอง ทว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เป่ยเฉินหยวนอาการกำเริบจนกระทั่งสติกลับมาปลอดโปร่ง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยาม

นานที่สุดก็ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ

แต่วันนี้เพิ่งผ่านไปนานเพียงใดกันเชียว?

เกรงว่าคงไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งชั่วยามกระมัง?

ไม่รู้ว่าเกาเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 46

    “ใช่แล้ว”ประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ถึงค่อยเปิดออกก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนได้รับพระบัญชาให้คุ้มกันเวินซื่อมาออกบวช บรรดาอาจารย์ใหญ่น้อยของอารามสุ่ยเยว่ล้วนทราบดีดังนั้นซือไท่ที่เปิดประตูท่านนี้ย่อมไม่สงสัยคำพูดของเป่ยเฉินหยวนทว่าต่อให้นางสงสัย เป่ยเฉินหยวนก็ไม่ได้โกหกจริง ๆ เนื่องจากเมื่อวานเขาได้เข้าวังเพื่อขอพระราชบัญชา เสนอตัวว่าจะดูแลรับผิดชอบพิธีขอพรในครั้งนี้ แม้ฮ่องเต้น้อยรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังคงเห็นด้วยกับคำขอที่มาปุบปับอย่างอธิบายไม่ได้ของเสด็จอาพระองค์นี้ของเขาดังนั้นตอนนี้เป่ยเฉินหยวนถือว่าเป็นงานที่ได้รับพระบัญชาจริง ๆ “เวลานี้ศิษย์น้องอู๋โยวยังทำวัตรเช้ากับอาจารย์ม่อโฉวในวิหารอยู่ ท่านอ๋องโปรดรออยู่ด้านนอกวิหารสักครู่”การรอครั้งนี้ได้รอไปครึ่งชั่วยามเต็ม ๆ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เป่ยเฉินหยวนรอคนนานถึงเพียงนี้จนกระทั่งเมื่อเวินซื่อตามหลังม่อโฉวซือไท่ออกมา สายตาก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังพิงเสาทำหน้าง่วงงุนเวินซื่อ “...”ไม่หรอกน่า มาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ม่อโฉวซือไท่เองก็เห็นเป่ยเฉินหยวนเช่นกัน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เวินซื่อรีบอธิบายให้นางฟ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 47

    หากไม่ใช่เพราะเวินซื่อรู้ว่าเป่ยเฉินหยวนรังเกียจสตรีที่เข้ามาใกล้อย่างยิ่ง เกรงว่านางเกือบจะเข้าใจผิดกับคำพูดที่แปลกไปเล็กน้อยของเขาแล้วเวินซื่อกระแอมไอเบา ๆ “พอทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ช่วงเวลานี้ก่อนจะถึงการสวดภาวนาตอนเย็นก็ไม่มีงานอะไรแล้วจริง ๆ” “ก็ดี เช่นนั้นไปกันเถิด” เป่ยเฉินหยวนหันกายเดินไปข้างหน้าเวินซื่อรีบตามเขาไป “ท่านไปก่อนได้หรือไม่? ข้าอยากกลับไปวางตำราแพทย์กับคัมภีร์สวดมนต์ทำวัตรเช้าก่อน หลังจากนั้นค่อยไปหาท่าน” “ได้ แต่อย่าให้ข้ารอนานเกินไปอีกเล่า” เมื่อเอ่ยคำพูดนี้แล้ว เป่ยเฉินหยวนก็ตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง เวินซื่อตอบรับก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปวางตำราทันที ผ่านไปหนึ่งเค่อ นางหาบถังน้ำสองใบมา อยากจะถือโอกาสตักน้ำไปด้วยอย่างไรก็ตาม นางเพิ่งมาถึงจุดหมายกลับพบความผิดปกติเหตุใดจึงมีคนมากมายถึงเพียงนี้?เวลานี้คนที่ยืนอยู่ริมลำธารเล็ก ๆ ไม่ได้มีแค่เป่ยเฉินหยวนเท่านั้น ยังมีทหารกองทัพธงดำอีกสี่นาย รวมไปถึงดรุณีน้อยนางหนึ่งที่อยู่บนพื้น ดรุณีน้อยผู้นั้นหันหลังให้นางตลอด หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นอาจจะจำไม่ได้ แต่เวินซื่อที่คุ้นเคยกับคนผู้นี้อย่างยิ่งกลับจำได้ทันที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 48

    เป่ยเฉินหยวนยกมุมปากยิ้มบาง ๆ ไม่ออกความเห็นต่อคำพูดของเวินเยวี่ย เขาเพียงแต่มองเวินซื่อที่เวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา แผ่ไอเย็นเยียบออกมาทั่วทั้งร่างไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองใช่หรือไม่ เขาคล้ายกับยังเห็นความระแวดระวังที่มีต่อเขาในดวงตาของเวินซื่ออีกด้วย?หรือว่าเป็นเพราะเขาจับตัวน้องสาวของนางไว้ ไม่ถูกความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางพี่น้องแค่เห็นก็รู้ว่าไม่ดี ดังนั้นน่าจะไม่ใช่หรอกแต่ว่าเมื่อครู่นี้ความระแวดระวังในสายตาของเวินซื่อปรากฏขึ้นหลังจากที่เห็นเขากับสตรีนามว่าเวินเยวี่ยผู้นี้ในเวลาเดียวกันจริง ๆ ดังนั้นนางกำลังเตรียมการป้องกันอะไรกันแน่? คงไม่คิดว่าเขาจะจัดการนางเพราะคำพูดของเวินเยวี่ยผู้นี้หรอกกระมัง? เป่ยเฉินหยวนรู้สึกขบขันเล็กน้อยเขาป่วย แต่ไม่ถึงขั้นเลอะเลือนจนฟังสตรีผู้หนึ่งพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็เริ่มเข้าข้างช่วยเหลือแล้วหันมาจัดการสตรีอีกคนหรอกนะแต่เป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าเขาคาดเดาถูกต้องแล้วจริง ๆ ชาติที่แล้ว เวินซื่อก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเวินเฉวียนเซิ่งบิดาที่ยุติธรรมและมีเหตุผลของตนจะเชื่อเวินเยวี่ยเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเวินเยวี่ยทว่าต่อมา นางกลับต้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 49

    เวินซื่อ “?” เวินซื่อเดินเข้าไป สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “มีอันใดหรือ?” “เมื่อวานท่านสวดบทสวดอะไรหรือ?”เป่ยเฉินหยวนให้นางนั่งลงข้างกายเวินซื่อไม่ได้นั่งลงบนหินก้อนใหญ่ที่เขานั่งอยู่นั้น แต่เลือกที่จะนั่งลงบนหินก้อนเล็กที่อยู่ทางด้านข้างแทนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาเหมาะให้นางนั่งคนเดียวพอดี“บทสวดที่ข้าสวดเมื่อวานหรือ? ท่านอ๋องหมายถึงสุวรรณประภาสสูตรที่ข้าท่องตอนตักน้ำหรือ?”“ใช่” เป่ยเฉินหยวนเห็นนางนั่งห่างออกไปถึงเพียงนั้น ในใจเกิดความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อเห็นดวงตาของเวินซื่อยังคงมีความระแวดระวังเล็กน้อยจากเมื่อสักครู่นี้อยู่เลือนราง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเอ่ยเรื่องบทสวดกับนางต่อ “ท่านบอกว่าหากอยู่ในขอบเขตที่ไม่เกินกำลังของท่าน ขอเพียงข้าร้องขอ ท่านก็จะรับปากไม่ใช่หรือ?”เป่ยเฉินหยวนมองนางพลางยิ้มจนดวงตาโค้งเวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเป่ยเฉินหยวนกลับดูเหมือนสังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่างได้อย่างเฉียบไว จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านคงไม่ได้อยากกลับคำหรอกใช่หรือไม่? ว่าอย่างไร ข้าช่วยเหลือท่านมากมายถึงเพียงนั้น ท่านไม่ยินดีตอบแทน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 50

    หลังจากสวดไปได้เจ็ดแปดรอบเต็ม ๆ นางสวดจนใกล้จะคอแห้งผากแล้วเวินซื่อจึงจำต้องหยุดอีกครั้งผลปรากฏว่าใครบางคนก็เหมือนกับแกล้งทำเป็นนอนหลับ ทันทีที่นางหยุดใครบางคนก็ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังถามด้วยความไม่พอใจว่า “เหตุใดถึงหยุดอีกแล้ว?” เวินซื่ออดกลอกตาใส่เขาไม่ได้จริง ๆ ก่อนจะเอ่ยปากว่า “หากพูดต่อไป คอของข้าก็คงจะพิการแล้ว” เป่ยเฉินหยวนถึงค่อยสังเกตเห็นว่าเสียงของนางแหบพร่าอยู่บ้างจริง ๆ จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ผ่านไปนานเพียงใดแล้ว?” เวินซื่อกล่าวว่า “ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว” เป่ยเฉินหบวนอดประหลาดใจไม่ได้ “นานขนาดนี้เชียว?” เขายังนึกว่าผ่านไปแค่หนึ่งหรือสองเค่อเท่านั้น มิน่าเล่าเวินซื่อถึงได้บอกว่าคอจะพิการแล้ว เป่ยเฉินหยวนลุกขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าเบาสบายไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะตรงจุดที่ก่อนหน้านี้เขาปวดศีรษะมากที่สุด วันนี้กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งเป็นไปตามที่คาดไว้เลย สุวรรณประภาสสูตรอะไรนี่ได้ผลกับอาการป่วยของเขาจริง ๆ ด้วยไม่อย่างนั้นกลับไปแล้วค่อยหาคนอื่นมาลองสวดดู ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่อารามสุ่ยเยว่รบกวนนังหนูผู้อีกเป่ยเฉินหยวนคิดเช่นนี้ “วันนี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 51

    “อะไรนะ? นางสาดน้ำใส่เจ้า? เมื่อวานก็ด้วยหรือ?”เวินจื่อเฉินตกใจระคนโกรธเกรี้ยวเวินเยวี่ยยิ้มด้วยความขมขื่น แสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะพี่รอง นี่ไม่สำคัญเลย แค่โดนสาดน้ำนิดหน่อยเท่านั้น ข้าไม่เป็นไร เรื่องที่สำคัญคือพี่หญิงห้านางไม่ยอมกลับบ้านเจ้าค่ะ”“ไม่สำคัญตรงไหน!”เวินจื่อเฉินโกรธจนไฟโทสะลุกโชนขึ้นมาทันที “เวินซื่อนางช่างใช้ไม่ได้เกินไปแล้วจริง ๆ! บอกว่านางจิตใจต่ำช้า นางก็ยังไม่ยอมรับ! รังแกได้แม้กระทั่งน้องสาวของตนเอง นางไม่ต่ำช้าแล้วผู้ใดจะต่ำช้ากัน?!”“พี่รอง! ท่านอย่าว่าพี่หญิงห้าเลย ไม่ว่าก่อนหน้านี้พี่หญิงห้าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ท่านต้องช่วยข้าคิดหาวิธีรีบพาพี่หญิงห้ากลับมาให้ได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!” เวินเยวี่ยจงใจทำเป็นไม่สนใจความน้อยอกน้อยใจของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะกระทืบเท้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนและเกินความเป็นจริงเวินจื่อเฉินถูกคำว่า ‘เรื่องใหญ่’ จากปากของนางดึงดูดความสนใจตามที่คาดเอาไว้เลย“น้องหกพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร? เวินซื่อยังก่อเรื่องอื่นในอารามสุ่ยเยว่อีกหรือไร?”“พี่หญิงห้านาง...”“นางทำอันใด?” เวินเยวี่ย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 52

    ซือไท่ด้านในออกมาเพราะเสียงเอะอะ ตะโกนสั่งห้ามให้เวินจื่อเฉินหยุดโดยมีประตูกั้นกลาง “ข้าไม่สนใจว่าจะปิดหรือไม่ ตอนนี้จงเรียกเวินซื่อออกมาเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่ข้าเตะประตูผุพังนี้จนแตกละเอียด แล้วทำลายอารามสุ่ยเยว่ของพวกเจ้า!” เวินจื่อเฉินตัดบทของซือไท่ด้านในอย่างหมดความอดทน ข่มขู่อย่างเผด็จการวางอำนาจบาตรใหญ่ซือไท่ได้ยินคำพูดนี้ของเขาก็รู้ว่าผู้มาไม่หวังดี ไฉนเลยยังกล้าเปิดประตูให้เขา ผลคือคิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเฉินร้องเรียกติดต่อกันสามครั้ง เห็นนางไม่เปิดประตูให้ก็ยกเท้าเตะประตูจริง ๆ“ปัง! ปัง! ปัง!”อารามสุ่ยเยว่นั้นเรียบง่ายมาก ประตูใหญ่นี้ก็เป็นเพียงประตูไม้สองบานที่ไม่ถือว่าหนาและหนักมากนักเวินจื่อเฉินเข้าไปเตะแรง ๆ ไม่กี่ที ซือไท่ผู้นั้นยังไม่ทันได้ห้ามไว้ก็เห็นประตูถูกเตะจนเปิดดัง “โครม”เวินจื่อเฉินก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา มองซือไท่ด้วยความเย็นชาแวบหนึ่งแล้วก็ตรงเข้าไปข้างใน “ประสกหยุดนะ! นี่ท่านจะทำอะไร! บุรุษห้ามบุกรุกเข้าไปในอารามสุ่ยเยว่นะ!”“แม่ชีเฒ่าอย่างเจ้ากล้าขวางข้าอีก ข้าจะเตะเจ้าไปด้วย!” เวินจื่อเฉินผลักซือไท่ที่พยายามขวางหน้าเขา ก่อนจะฝ่าปร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 53

    เวินจื่อเฉินเจ็บจนร้องโหยหวน สะบัดฝ่ามือตบไปที่ศีรษะของเวินซื่อตามจิตใต้สำนึก“เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ยังไม่รีบคลายปากอีก!” เวินซื่อไม่ฟังเขาเลยคนที่บ้าไม่ใช่นางแต่เป็นเวินจื่อเฉิน!นางหนีออกมาจากสกุลเวินแล้ว เวินจื่อเฉินมีสิทธิ์อะไรมาทำลายชีวิตในตอนนี้ของนางอีก!ทุกคนที่อยากลากนางกลับไปยังนรกแห่งนั้นล้วนเป็นศัตรูของนางทั้งสิ้น! เวินซื่อกัดแขนของเวินจื่อเฉินแน่นยิ่งเวินจื่อเฉินตบนาง นางก็ยิ่งกัดแรงขึ้น กัดจนเลือดไหลออกมาแล้ว แต่นางก็ไม่คลายปากเวินจื่อเฉินเจ็บจนสบถด่าเสียงดัง “นังบ้า! นังบ้า ๆ!” “ดูสิว่าวันนี้ข้าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย!”เวินจื่อเฉินเปลี่ยนจากตบมาเป็นทุบตีทันที ชกไปที่ร่างกายของเวินซื่อหมัดแล้วหมัดเล่า ร่างบางเล็กของเวินซื่อจะทนรับการทุบตีเช่นนี้ของเขาไหวที่ไหน เจ็บ เจ็บเหลือเกินน้ำตาของเวินซื่อไหลออกมาไม่หยุด กลิ่นสนิมพลันทะลักขึ้นมาในลำคอ ปะปนกับเลือดบนแขนของเวินจื่อเฉินที่อยู่ในปากนางแยกแยะไม่ได้แล้วว่าเป็นเลือดของใครกันแน่ บรรดาซือไท่และแม่ชีน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตกใจจะแย่แล้ว อยากจะแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน แต่สองคนนี้ไม่มีใครยอมใคร

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status