Home / รักโบราณ / หอประโลมรัก / 13.เจ๋อหมิง กวีหนุ่ม NC25++

Share

13.เจ๋อหมิง กวีหนุ่ม NC25++

last update Last Updated: 2025-09-07 23:31:40

บทที่ 13 เจ๋อหมิง กวีหนุ่ม (4)

รุ่งอรุณแรกของวันใหม่แสงสีทองเรื่อ ๆ ส่องลอดผ่านม่านบางลงมาทาบทับบนผิวกายขาวเนียนของหญิงสาวที่นอนแนบชิดกับเรือนร่างสูงใหญ่ของบุรุษ

เจียวลี่ขยับกายอย่างยากลำบาก ทั่วทั้งตัวเหมือนถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับทุกหยาดหยดเรี่ยวแรงได้ถูกสูบกลืนไปจนหมดสิ้น

ร่างกายเปลือยเปล่าแดงเรื่อไปทั้งตัว เต็มไปด้วยรอยดูด รอยขบเม้ม และรอยนิ้วมือที่สลักไว้เป็นหลักฐานความร้อนแรงยามค่ำคืนที่ผ่านมา

“อื้มมม” นางครางในลำคออย่างอ่อนแรงเมื่อพยายามขยับตัวหนีจากความร้อนที่โอบล้อมอยู่เบื้องหลัง

แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน แขนแข็งแรงที่วางพาดบนเอวคอดก็รัดแน่นขึ้นอย่างไม่ให้หนีไปได้

"ตื่นแล้วรึ..." เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบข้างหู ราวกับสัตว์ร้ายที่จับเหยื่อไว้ในอุ้งมือ

เจียวลี่สั่นระริกน้อย ๆ ใบหน้าแดงซ่านอย่างห้ามไม่อยู่

"ข้า...เมื่อยไปหมด" นางพร่ำบ่นเสียงเบาแทบไม่เป็นภาษา

เจ๋อหมิงหัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำกระเส่าอย่างพึงพอใจในผลลัพธ์ที่ตนเองก่อขึ้น

"เมื่อยหรือ"

เขาเอ่ยพลางไล้ปลายนิ้วลากเบา ๆ ตามแนวเอวบาง ลงไปจนถึงสะโพกนุ่ม

"เช่นนั้น...ให้ข้าช่วยนวดให้ดีหรือไม่"

ไม่รอคำตอบมมือใหญ่นั่นก็เร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • หอประโลมรัก   21.งานประมูลประจำปีของหอ

    เรือนชานด้านในสุดของหอ มีกลุ่มนางคณิกาหลายคนกำลังนั่งจิบชา พูดคุยกันเสียงเจื้อยแจ้ว เสื้อผ้าหลวมบาง ผิวกายยังมีรอยแดงจากค่ำคืนที่ผ่านมา“ของข้าก็แค่พ่อค้าชรา มีกลิ่นหมึกติดมือเต็มไปหมด” หนึ่งในคณิกาผู้คร่ำหวอด หัวเราะเบา ๆ ขณะยกถ้วยชา“แล้วของข้าเป็นชายหนุ่มหน้าขาวปากแดง ยังกระดิกไม่เป็น ต้องสอนกันจนเหนื่อย” อีกคนว่าพลางกลอกตา เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังลั่นในหมู่พวกนาง จนกระทั่งถิงถิง หันมามองเจียวลี่ที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ“เจ้าเงียบไปนะ หรือว่าแขกของเจ้า บัณฑิตผู้นั้นดีเกินคาด”นางยิ้มบาง ๆ ไม่ตอบในทันที ก่อนจะเอื้อมไปหยิบถ้วยชาจิบช้า ๆ“เขา...ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ” เสียงนางแผ่วเบา “ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่มือสั่นแต่เอวแน่วแน่แบบนั้น...”“โอ๊ย ดุดันใช้ไหม!” ถิงถิงโห่แซว เจียวลี้ได้แต่หัวเราะ“หากเจ้าหัวเราะอย่างนี้ แสดงว่าเขาทำให้เจ้าพอใจนัก!”“ก็ไม่เท่าไร” นางพูดพลางทอดตามองไกล “แต่เครื่องประดับไว้ข้างหมอนเกรงว่าจะราคาแพงมาก”“ของแพงรึ” เพื่อนอีกคนถาม“มากพอจะเลี้ยงหอนี้ได้ครึ่งเดือน” นางตอบเรียบ ๆถิงถิงพ่นชาออกมาแทบไม่ทัน ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ถ้าเช่นนั้น ก็หวังว่าเขาจะกลับมานะ”

  • หอประโลมรัก   20.บัณฑิตผู้นิ่งขรึม ซูหมิงเจี๋ย NC25+

    ใต้แสงโคมแดง ร่างเปลือยเปล่าของเจียวลี่ย้ายมานอนแนบข้างลำตัวเขา บัณฑิตหนุ่มยื่นมือออกไป แตะเบาๆ ที่ไหล่นาง“ข้ายัง...อยากอีก” เสียงเขาแผ่วพร่า แต่จริงใจนางหัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือมาลูบที่หลังมือเขาแผ่วเบา“ท่านติดใจแล้วหรือ”“มัน...เหมือนข้ากำลังฝัน แต่ข้าตื่นอยู่” เขาตอบ ใบหน้าแดงระเรื่อ“ข้าไม่อิ่มเอมเลย...ไม่รู้สึกพอเสียที”ดวงตาของเจียวลี่ยิ้มอย่างพึงใจ“หากเจ้ายังไม่อิ่ม ก็ให้ข้าป้อนอีกคำ”เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างบาง อย่างแผ่วเบา ริมฝีปากนุ่มแนบลงที่ซอกคอ จุมพิตอย่างเชื่องช้า ดั่งจะประทับรอยไว้ไม่ให้ลืมเลือนมือของคุณชายเริ่มเคลื่อนไหวตามใจ แต่ยังคงไม่มั่นคงนัก สัมผัสบนผิวเนียนของนางอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เจ้าชอบแบบใด...” เขากระซิบถามนางยิ้ม ก่อนจะจับมือเขานำไปแตะบนหน้าอกอวบอิ่มที่สั่นไหวอยู่ตรงหน้า กดแนบแน่นเล็กน้อย“แบบที่ท่านทำอยู่นี่ล่ะ ดีแล้ว” นางพูดช้า ๆ น้ำเสียงชวนสั่นสะท้านคุณชายดูดปลายนิ้วนางอย่างเงอะงะ ทว่าดวงตาเต็มไปด้วยไฟปรารถนาสุดท้ายก็ไม่อาจห้ามใจ ใช้ริมฝีปากซับลงบนยอดอกนาง ลิ้นสากแตะเบา ๆ แล้วดูดกลืนอย่างเรียนรู้ช้า ๆ “ดีมาก...” นางครางต่ำ ร่างแอ่นขึ้นรับสัมผัส มือห

  • หอประโลมรัก   19.บัณฑิตผู้นิ่งขรึม ซูหมิงเจี๋ย NC25+

    ราตรีนี้ซูหมิงเจี๋ย นั่งประจำที่เดิม เขามาโดยมิได้หวังสิ่งใดนอกจากเสียงพิณของนาง ตั้งแต่คืนนั้น ที่บังเอิญได้พบกันในเทศกาลโคมไฟ นางคือแสงจันทร์ที่เขาไม่เคยรู้ว่าตนโหยหา และบัดนี้ เสียงพิณของนางคืออาภรณ์ใจที่เขารอคอยทว่า คืนนี้ เงียบงัน แขกหลายคนเริ่มซุบซิบ เสียงกระซิบของขาประจำแว่วลอดมา“วันนี้แม่นางเจียวลี่ไม่เล่นหรือ”“หรือจะล้มป่วย”ซูหมิงเจี๋ยไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงยกน้ำชาขึ้นจิบ ดวงตาคมจ้องเงาโคมที่ไหวไกวอยู่เหนือเพดาน พลางคิดหรือว่าเขาจะไม่ควรมาเขานั่งรอจนเมื่อผู้คนเริ่มซา แขกเหรื่อล่ำลากันไปทีละคน ซูหมิงเจี๋ยจึงลุกขึ้น เดินผ่านระเบียงหออย่างเงียบงัน มุ่งหน้าไปยังโต๊ะของซูเย หัวหน้าหอซูเยยังคงอยู่ในชุดคลุมสีอ่อน นั่งจิบชาพลางตรวจบัญชีด้วยแววตาเรียบนิ่ง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ยิ้มบางอย่างรู้ทัน“คุณชายมาถามเรื่องเจียวลี่หรือเจ้าคะ” ซูเยเอ่ยขึ้นก่อนซูหมิงเจี๋ยหยุดยืนตรงหน้าเธอ ไม่กล่าวคำแก้ตัว“นาง…สบายดีหรือไม่” เขาถามแผ่วเบาซูเยวางพัดลงช้า ๆ ก่อนตอบ“คืนนี้ นางมิได้เล่นพิณ เพราะนางรอคุณชายอยู่บนห้องข้างบนเจ้าค่ะ”เขาชะงัก แววตาสงบนิ่งในคราวแรกสั่นไหวเล็กน้อย“รอข้า”“นางบอ

  • หอประโลมรัก   18.บัณฑิตผู้นิ่งขรึม ซูหมิงเจี๋ย

    เสียงฝีเท้าเบาระหว่างก้าวย่ำบนหินกรวดสะอาดตา ทั้งสองเดินเคียงกันในตรอกที่เต็มไปด้วยโคมหลากสีแสงสีส้มส่องผิวเนียนของเจียวลี่จนเรื่อระเรื่อ ราวกับเปลวเทียนที่ไหวระริกในกระจกแก้ว เส้นผมยาวของนางถูกรวบไว้ด้วยปิ่นหยก งดงามประหนึ่งภาพวาดที่มีชีวิต“แม่นางเจียวลี่ ข้าหวังว่าจะไม่เสียมารยาท หากข้ากล่าวว่า ท่านช่างแตกต่างจากหญิงใดที่ข้าเคยพบ”เจียวลี่เลิกคิ้ว ดวงตาเรียวยาวปรายมอง“หากท่านหมายถึงความเป็นคณิกา เช่นนั้นก็คงไม่ผิด”เสียงของนางราบเรียบ แปราศจากหนามแหลมกลบความเปราะบางในใจ“หาใช่เช่นนั้น” ซูหมิงเจี๋ยกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าหมายถึงประกายในดวงตาเจ้าเป็นประกายของผู้ที่ล่วงผ่านความขมขื่นมาแต่ยังยืนหยัดได้อย่างสง่างาม มิใช่ใครก็มีได้”เจียวลี่นิ่งไป เสียงขลุ่ยจากนักดนตรีข้างถนนดึงนางออกจากภวังค์ นางยิ้มน้อย ๆ แต่ไม่ตอบเมื่อเดินมาถึงลานโคมขนาดใหญ่ มีโคมกระดาษลอยฟ้านับร้อยรอปล่อย ซูหมิงเจี๋ยซื้อโคมมาหนึ่งลูก มอบพู่กันให้นาง“เขาว่ากันว่า ถ้าขอพรบนโคมฟ้า แล้วเขียนมันด้วยความจริงใจ พรนั้นอาจสมหวังในวันหนึ่ง”เจียวลี่นิ่ง นางรับพู่กันมา แล้วเริ่มลงมือเขียน อย่างช้า ๆ และมั่นคง“ขอให้ข้ามีอิสระ

  • หอประโลมรัก   17.บังเอิญพบคู่หมั่นเก่า

    เสียงขลุ่ยแผ่วเบาแทรกกับกลิ่นอบเชยและดอกบ๊วยที่ลอยลมมาในบรรยากาศของตลาดยามใกล้ค่ำ เจียวลี่ถือถุงเครื่องสำอางในมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกมือยังถือกล่องชาสมุนไพรจากร้านประจำ แพรไหมบางคลุมไหล่พริ้วไหวตามแรงลม ชายกระโปรงยาวกระทบแสงตะวันคล้อยต่ำราวแสงจันทร์ในยามพลบค่ำนางกำลังจะหันกลับไปทางหอคณิกา ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเรียบทุ้มหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงที่คุ้นเคยในอดีต และฝังลึกในใจยากลืมเลือน“หากรู้ว่าเจ้าจะงามถึงเพียงนี้ ข้าคงไม่ปล่อยเจ้าจากมา”เจียวลี่หันขวับ สายตาของนางประสานเข้ากับดวงตาสีดำลุ่มลึกของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขาสูงขึ้นมากกว่าครั้งสุดท้ายที่พบเจอ ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยบารมีของผู้ครอบครองกิจการนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงแต่สิ่งที่เปลี่ยนที่สุดไม่ใช่ทรงผมหรืออาภรณ์ แต่เป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่เขาใช้มองนาง“คุณชายใหญ่!” นางแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง“เหตุใดท่านจึง อยู่ที่นี่”เขาเดินเข้ามาใกล้ ฝูงชนพลุกพล่านพลันเหมือนเบลอหายไปจากสายตา นางได้ยินเพียงเสียงหัวใจตนเอง และเสียงเท้าของเขาที่หยุดลงเบื้องหน้า“เพราะตลาดวันนี้คงไม่งาม หากไม่มีเจ้าอยู่ในนั้น”เขาพูดเรียบง่าย ก่อนเอื้อมมือจับชายแขนเสื้

  • หอประโลมรัก   16.เทศกาบโคมไฟ กับเขาผู้นั้น

    หลายวันผ่านไป สายลมเอื้อย ๆ พัดกลิ่นบุปผา กับเสียงหัวเราะในยามสาย ตลาดกลางนครเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อใกล้ถึงเทศกาลโคมไฟ หอประโลมรัก ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำก็เริ่มเปิดม่านรับแสงอรุณเช่นกัน แต่วันนี้ กลับไม่เห็นเงาของบุรุษใดเข้าออกห้องของนางคณิกาเจียวลี่ดังเคยเจียวลี่หยุดรับแขกมาหลายวันแล้ว เป็นการหยุดที่เจ้าของหออย่างซูเยก็ไม่อาจทัดทาน นางบอกว่าใกล้ถึงเทศกาลโคมไฟ ต้องพักฟื้นร่างกายให้สมบูรณ์ แต่ใครจะรู้ ว่าจริง ๆ แล้วในใจของเจียวลี่นั้น ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการฟื้นกาย หากแต่ต้องการฟื้นใจด้วยเช่นกันวันนี้นางสวมชุดผ้าแพรบางสีครามอ่อน ลวดลายบุปผากลีบบัวปักด้วยไหมทอง ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นครึ่งศีรษะด้วยปิ่นเงินลายเมฆหมอก ต่างหูหยกขาวแกะลายระยับเมื่อสะท้อนแสงเจียวลี่ในยามไม่มีเครื่องแต่งประดับมากมาย กลับยิ่งงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณที่ได้รับการบำรุงด้วยน้ำมันดอกเหมย ขาวละมุนราวกลีบบุปผายามเช้า ริมฝีปากแต้มสีแดงจางจากน้ำชาดอกคำฝอย มอบความหวานเย็นให้กับใบหน้าที่งามอยู่แล้วให้เหมือนภาพวาดจากฝีมือเทพ“เจี่ยวลี่เจ้าจะไปตลาดคนเดียวหรือ” ถิงถิงเอ่ยถามด้วยสายตากังวล“มีแต่คนหมายปองเจ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status