สองมือเล็กเริ่มขยับเคลื่อนไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ และยิ่งวันนี้เทพกานต์ใส่เพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวก็ยิ่งทำให้มือเล็กได้สัมผัสกับผิวหนังอุ่นๆ จนร้อนอย่างถนัดถนี่ จนสองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วเล็กๆ หยอกล้อพัวพันกับเส้นผมหนาและนุ่ม บดเบียดลำตัวเสียดสีกับกายแข็งแกร่ง
“หลินจ๋า...น่ารักมากเลยรู้ไหมคนดี”
เทพกานต์ถึงกับร้องครางในลำคอกับการตอบสนองอย่างไร้เดียงสา ใช่ว่าเขาจะไม่เคยหลับนอนกับผู้หญิง ก่อนที่จะคบกับรมย์นลินก็มีแฟนมาแล้วตั้งหลายคน กิน เที่ยวและสุดท้ายก็จบลงบนที่นอนด้วยความสนุกสนาน ไม่เคยที่จะผูกมัดตัวเองกับใคร เบื่อก็เลิกกัน ต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง แต่ในบรรดาผู้หญิงที่คบและมีความสัมพันธ์กัน ไม่เคยมีใครทำให้เขาร้อนเป็นไฟเหมือนกับคนในอ้อมกอดนี้สักคน
แม้กระทั่งจูบไม่เป็นสับปะรด แต่หวานฉ่ำเชื่อมยังกับน้ำผึ้งจากดอกไม้แรกแย้ม ทำเอาเขาร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนอยากปล้ำเสียหลายครั้ง แต่เพราะกลัวไก่จะตื่นเลยต้องระงับอารมณ์เอาไว้ เคยแม้กระทั่งลับหลังหญิงสาวแล้วไปนอนกับคนอื่น แต่ทุกครั้งที่เขาจูบกับใครก็ตามความคิดก็จะวนเวียนกลับมาหารมย์นลินทุกครั้ง จนเขาถึงกับหมดอารมณ์ที่จะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นไปในทันที
มือใหญ่ฟอนเฟ้นทรวงอกอวบอิ่มหนักสลับเบาเต็มๆ แรงก่อนจะเคลื่อนไปด้านหลังอย่างเชื่องช้าเพื่อปลดปล่อยทรวงอวบอิ่มให้เป็นอิสระ เพื่อให้มือใหญ่ฟอนเฟ้นอย่างแนบชิดกว่าเดิม อีกทั้งเทพกานต์รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนกระหายอยากลิ้มรสน้ำหวานกุหลาบจากเรือนกายแรกแย้ม
“ขอเทพนะหลิน” ริมฝีปากหนาร้อนพรมจุมพิตไปทั่ววงหน้าหอมนวล สองมือใหญ่ช้อนใต้ร่างโปร่งบางและดันแผ่นหลังขึ้นสูง พร้อมขับเคลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอระหง ริมฝีปากขบเม้มจนผิวกายเนียนขาวเหมือนกับไข่ปอกเป็นสีแดงช้ำเหมือนกับถูกมดกัด
สองมือเล็กจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงเหมือนกับมีใครเอากลองมาตีรัวอยู่ภายใน ลมหายใจหอบแรงเหมือนกับคนที่ออกแรงวิ่งระยะทางไกลมา เมื่อลมอุ่นร้อนเป่ารดผิวเนื้ออ่อนไหว และใบหน้าคมคร้ามก็ประทับแน่นอยู่ระหว่างสองทรวงสล้าง
“เทพ...หยุด...เถอะนะ หลินไม่ไหวแล้ว...” รมย์นลินเอ่ยบอกแฟนหนุ่มเสียงแหบพร่าและขาดเป็นห้วงๆ ด้วยความซ่านสยิว ในท้องเหมือนกับมีลูกไฟย่อมๆ ไหลวนเวียน
แต่มีหรือที่เทพกานต์จะยอมหยุด ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีที่ได้พนันกับเพื่อนเอาไว้ แต่เพราะเขาเองปั่นป่วนและร้อนเป็นไฟแล้วต่างหาก แขนใหญ่สอดรัดลำตัวบอบบางให้มืออีกข้างขยับเคลื่อนกลับมาด้านหน้าและเข้าครอบครองเนินทรวงอวบอิ่ม ในขณะที่ปากหนาก็เข้าครอบครองปลายยอดถันอีกข้างด้วยการตวัดปลายลิ้นไล้วนเวียนหยอกล้อรอบทับทิมผลนุ่มก่อนจะเข้าครอบครองมันอย่างเต็มปากเต็มคำ
“เทพ...” รมย์นลินกรีดร้องเสียงดังลั่น เพลิงไฟแห่งความปรารถนาและความปั่นป่วนและรัญจวนใจแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย สองมือเล็กที่เคยจิกทึ้งดึงศีรษะทุยให้ออกจากกลับแปรเปลี่ยนเป็นกดรั้งให้แนบชิดมากยิ่งกว่าเดิม สองเท้าเรียวยาวขยับเสียดสี จิกเกร็งปลายนิ้วบนเตียงนอนแข็งกระด้าง
เทพกานต์ยิ้มกว้าง กายใหญ่ขยับตัวโค้งงอ สองมือละจากเรือนกายโปร่งบางมาจิกทึ้งดึงเอาเสื้อกล้ามออกจากกายและโยนทิ้งไป ก่อนใบหน้าคมคร้ามจะโน้มลงไปหาสองปทุมถันอวบอิ่มซึ่งกระเพื่อมไหวเหมือนกับดอกบัวที่บานอยู่กลางสระมรกต
มือใหญ่ข้างหนึ่งครอบครองบีบเคล้นทรวงสล้างอวบอิ่ม ในขณะที่อีกข้างก็ขยับเคลื่อนลงไปตามผิวกายเนียนนุ่มหยอกล้อกับหน้าท้องแบนราบเรียบและไร้ไขมัน ก่อนจะเคลื่อนลงไปลากไล้รอยขอบกางเกงนอนตัวสั้น แม้จะเมามันอยู่กับความหวานฉ่ำเชื่อมราวกับผลไม้รสทิพย์ แต่ก็ยังรับรู้ว่ายังมีปราการอีกสองชิ้นที่ขวางกั้นไม่ให้เขาได้เห็นกายสาว
“ให้ฉันได้เห็นเธอชัดๆ นะหลิน...ให้ฉันได้สัมผัสและรักเธอนะที่รัก” มือใหญ่ลากไล้บีบนวดต้นขาเรียวยาวและสะโพกกลมมนผ่านผ้าเนื้อบางเบาส่งผ่านกระแสไฟอ่อนๆ ไปตามเรือนกายโปร่งบาง ก่อนที่มือใหญ่สอดเข้าระหว่างสะเอวและดึงรั้งอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายออกจากกายสาวโยนทิ้งไป
เทพกานต์ค่อยๆ ส่งปลายนิ้วยาวลากไล้เหมือนกับขนนกโบยบินในอากาศไปตามผิวกายเนียนนุ่มดุจแพรไหม มือใหญ่สอดแทรกแยกลำขาเรียวยาวออกห่างจากกัน นิ้วมือร้อนลากไล้เป็นวงกลมเริ่มจากต้นขาด้านนอกและค่อยๆ ขยับเคลื่อนไปจนถึงต้นขาด้านในและขยับเข้าหยอกล้อกับเส้นไหมนุ่มที่ปกปิดบุปผานุ่มจากหมู่ภมรทั้งหลาย ปลายนิ้วยาวใหญ่และร้อนผ่าวแยกกลีบกุหลาบออกอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับเกสรนุ่มที่ซุกซ่อนอยู่ภายในที่ชายหนุ่มไม่รอช้า ส่งปลายนิ้วเข้าไปทักทายอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล
“ทะ...เทพ...” เสียงแหบเครือและหวานนุ่มลอยมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม ปลายนิ้วเล็กเรียวจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม ลำตัวโปร่งบางแอ่นโค้งให้สองบัวงามเต่งตึงได้สัมผัสแนบชิดกับริมฝีปากร้อนผ่าวที่กำลังกลืนกินปลายยอดทรวงเนื้อนุ่มเหมือนกับทารกกลืนกินน้ำนมจากทรวงอกมารดา อีกทั้งปลายนิ้วใหญ่ก็เริ่มกดคลึงซุกไซ้ซอกซอนไปตามรอยแยกกลีบดอกไม้บอบบาง
“จ๋า...อยากให้ฉันทำอะไรละจ๊ะหลิน” เทพกานต์ขานรับทั้งที่ยังดูดกลืนปลายยอดทรวงหวานนุ่มอยู่ ใบหน้าคมคร้ามละจากทรวงสล้างข้างหนึ่งย้ายไปอีกข้างหนึ่ง ปลายลิ้นสากระคายไล้รอบๆ ผลเชอร์รี่สลับกับตวัดไล้หยอกล้อแผ่วเบาสลับหนักหน่วง แรงและเร็ว ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้รอยแยกกลีบดอกรักสลับกดคลึงเกสรสวาทจนร่างน้อยถึงกับสั่นสะท้านพยายามยกสะโพกส่ายหนี แต่กายใหญ่กลับรีบขยับเคลื่อนตัวให้สองขาแข็งแกร่งตรึงลำขาเรียวยาวเอาไว้ พร้อมกับส่งปลายนิ้วยาวและร้อนผ่าวสอดแทรกเข้าไปในกลีบกุหลาบนุ่ม
ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อ เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นตามอากาศที่ร้อนผ่าวเพราะมีเพียงแค่พัดลมตัวเล็กที่เปิดอยู่ บวกกับไฟพิศวาสที่รุมเร้ารอบเรือนกาย ซาบซ่านและสยิวทรวง ในท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟขนาดย่อมที่พยายามขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นและขยับไหวเหมือนเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง สองปทุมถันอวบอิ่มขยับไหวรุนแรงจมหายในมือใหญ่และอุ้งปากร้อนผ่าว ลำขาเรียวยาวถูไถกับฟูกนอนระบายความซ่านสยิวที่แล่นพล่านไปตามกระแสเลือดทั่วทั้งกายา
“หลิน...เธอเป็นนางฟ้าหรือแม่มดกันแน่ฮึ” เทพกานต์ละริมฝีปากอุ่นร้อนจากบัวสล้าง แต่ยังไม่ยอมปล่อยให้ปทุมถันอวบอิ่มได้เป็นอิสระด้วยการส่งมือใหญ่ฟอนเฟ้นสลับไปมาอย่างหนักหน่วงและรุนแรงตามไฟปรารถนาที่มันลุกโชติช่วงอยู่ในกระแสเลือด จุมพิตร้อนผ่าวขบเม้มเคลื่อนไปตามผิวกายเนียนนุ่มทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำและไฟร้อนผ่าวซึ่งตามติดไปทั่วทุกหนแห่งที่ริมฝีปากหนาร้อนลากผ่าน ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวตวัดไล้ผิวกายเนียนนุ่มเหมือนใยไหม หยอกล้อกับช่องเล็กๆ ที่อยู่กึ่งกลางหน้าท้องแบนราบเรียบและไร้ไขมันส่วนเกิน
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื