เขาโอบคอเล็กๆของเฉียวซุนด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็กดท้ายทอยของเธอมาแนบกับตัวเอง โดยที่หน้าผากชนกัน และสันจมูกสูงของเขาก็ได้ปะทะกับเธอ ราวกับว่าริมฝีปาก...ได้หายใจไอร้อนๆออกมา และแผดเผาเฉียวซุนจนสั่นเทาเล็กน้อยเธอรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาเล็กน้อยแต่ลึกๆ แล้ว เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไปเธอกับลู่เจ๋อ ไม่ควรทําเรื่องแบบนี้...เมื่อฝ่ายชายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เฉียวซุนก็โอบคอเขา แล้วพูดกระซิบข้างหูว่า“ลู่เจ๋อ เราจะหย่ากันเมื่อไหร่?”ตัวของลู่เจ๋อแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อยเขาบีบใบหน้าเล็กๆที่อ่อนนุ่มของเธอเพื่อบังคับให้เธอมองหน้าเขาใบหน้าของเฉียวซุนแดงระเรื่อ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นหญิงอยู่ในตัว เธอมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ พร้อมกับพึมพำอย่างไม่รู้ตัวออกมาว่า“ลู่เจ๋อ คุณรู้หรือเปล่าว่า...ความจริงฉันไม่ได้ชอบคุณแล้ว ไม่ได้ขอบแล้ว!”เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า——จู่ๆใบหน้าของลู่เจ๋อก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เขาบีบคางของเธอ และจ้องมองเธอเป็นเวลานาน จากนั้นก็โพล่งคำพูดคำต่อคำออกมาว่า“คุณคิดว่าผมจะแคร์งั้นเหรอ?”เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเพราะเขาไม่ได้รักเธอ เพราะการแต่งงานของพวกเ
เมื่อฟ้าสาง ก็เป็นลู่เจ๋อที่ตื่นขึ้นมาก่อนเขาตื่นขึ้นมาด้วยความร้อน เพราะสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนร้อนระอุ จนเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาเปียกโชกหมดแล้วในตอนนี้พอลืมตาขึ้นมา เขาก็พบว่าใบหน้าเล็กๆของเฉียวซุนแดงผิดปกติเขาจึงเอื้อมมือไปสัมผัส และพบว่าใบหน้าของเธอร้อนจนแทบจะลวกมือ!ลู่เจ๋อรีบลุกขึ้น และเดินลงไปชั้นล่างเพื่อกำชับกับคนรับใช้อย่างร้อนใจว่า“โทรหาหมอหลินให้มาที่บ้านหน่อย”และคนรับใช้ก็รีบถามขึ้นมาทันทีว่า“คุณผู้ชายไม่สบายหรือคะ?”ลู่เจ๋อกําลังเดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าลง แล้วพูดว่า“แจ้งไปว่าคุณผู้หญิงไข้ขึ้นสูง ให้เขารีบมาไวๆ”......ครึ่งชั่วโมงต่อมา หมอหลินก็รีบเดินเข้ามาทันทีในห้องนอน คนรับใช้ได้เข้ามาทําความสะอาดตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว และไม่ทิ้งร่องรอยที่คลุมเครือเอาไว้แต่อย่างใดคุณหมอได้ทำการตรวจเฉียวซุนอย่างละเอียด แล้วพูดว่า“ไข้ขึ้นสูงนะ ต้องฉีดยาลดไข้สักหน่อย!อีกอย่าง...ร่างกายของคุณนายลู่ค่อนข้างจะขาดสมดุล จำเป็นที่จะต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินหน่อยนะครับ”คุณหมอพูดไว้เพียงแค่นี้แต่ลู่เจ๋อนั้นรับรู้ดีว่า เฉียวซุนนั้นเหนื่อยจนเกินไป และมักจะไม่สนใจเ
ในดวงตาของเลขาฉินมีความรักที่ไม่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยตามจีบลู่เจ๋อมาก่อนเพียงแต่ความชอบของเธอ เมื่ออยู่ท่ามกลางคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น มันไม่มีค่าที่จะพูดถึงเสียด้วยซ้ำลู่เจ๋อนั่งลงตรงข้ามกับเธอเลขาฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดด้วยทัศนคติที่เป็นมืออาชีพของตัวเองขึ้นมาว่า“ในเมื่อคุณนายลู่กลับมาแล้ว ต่อไปเรื่องแบบนี้ก็ให้เธอรับช่วงต่อก็แล้วกันนะคะ!ท่านประธานลู่คะ ต่อไปค่าครองชีพและเครื่องประดับของคุณนายลู่ ยังจะจำเป็นต้องมาลงรายการไว้ที่ฉันอีกหรือเปล่าคะ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่เจ๋อก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเพราะในตอนที่เฉียวซุนขอหย่ากับเขา เธอก็พูดถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเหมือนกันเมื่อเห็นเขาไม่พูด เลขาฉินก็คิดเองว่า“ท่านประธานลู่วางใจได้เลยนะคะ ฉันจะจัดการให้ดีค่ะ”ลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบๆเขาเป็นผู้ชายที่มีความคิดปกติ ผู้หญิงคนไหนชื่นชอบเขา มีความรู้สึกต่อเขา เขาก็สามารถรับรู้ได้ และที่ผ่านมาที่เขาไม่สนใจก็เพราะมันไม่ได้กระทบต่อชีวิตของเขาแต่เห็นได้ชัดว่า เลขาฉินได้ล้ำเส้นแล้วในตอนนี้ลู่เจ๋อครุ่นคิดอยู่ครึ่งนาที แล้วพูดน้ำเสียงเ
เมื่อเฉียวซุนกินโจ๊กเสร็จ ลู่เจ๋อก็ดับบุหรี่ และหันมามองเธอ“คุณย่าโทรมาบอกว่าให้พวกเรากลับไปเยี่ยมท่านสักหน่อย คุณว่าไงล่ะ?”คุณย่าของลู่เจ๋อเอ็นดูเฉียวซุนมากต่อให้เฉียวซุนจะทะเลาะกับเขามากแค่ไหน หรืออยากจะหย่ากันสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่เอาสุขภาพของตัวเองมาล้อเล่นอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เธอหิวจริงๆแล้วในตอนนี้โจ๊กเนื้อปลาหอมและนุ่มมาก เมื่อเฉียวซุนกินหมดไปหนึ่งชาม เธอก็รู้สึกสบายขึ้นมากที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานลู่เจ๋อยืนพิงผนังอยู่แสงตะวันยามพลบค่ำส่องผ่านหน้าต่างและกระทบไปที่ใบหน้าด้านข้างของเขา ทำให้โครงหน้าของเขาคมชัดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับปลายผมที่ถูกจัดแต่งมาเป็นอย่างดี และการแต่งตัวที่ประณีต มันจึงทำให้เขาดูเพอร์เฟกต์เป็นอย่างมากเขาจุดบุหรี่แต่ยังไม่ได้สูบ ข้อมือที่คีบบุหรี่เอาไว้ยื่นออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ควันสีเทาจางหายไปกับสายลมยามพลบค่ำโดยที่ในห้องนอนก็มีกลิ่นนิโคตินจางๆ อยู่เล็กน้อยด้วยเช่นกันและกลิ่นอายของลู่เจ๋อก็กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเฉียวซุนก็ไม่สามารถทำร้ายจิตใจของคนแก่ได้ แต่เรื่องที่เธอหย่ากับลู่เจ๋อ คุณย่าก็คงรับรู้ได้ในไม่ช้าก็เร็วอยู่ดีเ
และเฉียวซุนก็มีสติกลับมาได้เล็กน้อย เธอจะยอมได้ยังไงล่ะ?เธอเอื้อมมือไปหาเขา และแกว่งศีรษะซ้ายขวาเพื่อหลบจูบของเขา โดยที่แม้แต่เสียงก็ยังมีเสน่ห์แบบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่อยู่อีกด้วย“ลู่เจ๋อ เราทำเรื่องแบบนี้กันอีกไม่ได้แล้วนะ”แต่ในเวลานี้ ลู่เจ๋อจะอดทนได้อย่างไรกัน?เขาประกบริมฝีปากสีแดงของเธอ แล้วพูดอย่างมั่นใจออกมาว่า“ได้ยังไงล่ะ?คุณนายลู่ เรายังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่นะ”เฉียวซุนซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาเมื่อคืนเขาได้เก็บกดมาทั้งคืน และตอนนี้เขาก็คงไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน...ลู่เจ๋อเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาว เขาก้มมองเธออย่างใจจดใจจ่อ และมองดูท่าทางที่อ่อนปวกเปียกจากการที่เขาได้รังแกเธอผู้ชายก็มีนิสัยที่เกเรแบบนี้แหละ ยิ่งผู้หญิงขอร้องอ้อนวอนมากเท่าไหร่ ผู้ชายก็จะยิ่งอยากรังแกมากเท่านั้นแม้แต่ลู่เจ๋อก็ไม่มีข้อยกเว้นเขายกตัวเธอขึ้นและจู่โจม ดวงดำขลับนั่นล็อกเธอเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่วาบหวิวออกมาว่า“ปากบอกว่าไม่ต้องการ ที่ร่างกายซื่อสัตย์มากเลยนะ!คุณนายลู่ ผมอยากจะให้คุณเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้เสียเหลือเกิน...มันดูหื่นมากเลยนะ!”เฉียว
เมื่อเฉียวซุนดึงสติกลับมาได้ เธอก็พบว่ารถจอดอยู่บริเวณสี่แยกเสียแล้วและด้านหน้าก็คือไฟแดงเธอดึงฝ่ามือที่ลู่เจ๋อจับเอาไว้ออก หันไปด้านข้าง แล้วพูดด้วยท่าทางที่เย็นชาออกมาว่า“ไม่ได้คิดอะไรนี่!”ลู่เจ๋อมองใบหน้าด้านจืดชืดของเธอและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อยจู่ๆเขาก็นึกถึงเมื่อครั้งก่อน วันที่เขาแต่งงานกับเฉียวซุน ตอนนั้นเฉียวซุนเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ ... ตอนนั้นเฉียวซุนรักเขามาก ทุกคืนเมื่อเขาเลิกงานและกลับไปถึงบ้าน เธอก็มักจะวิ่งลงมาถือกระเป๋าทำงานให้กับเขา เล่าอาหารในคืนนั้นให้เขาฟังอย่างเอาใจ แถมยังช่วยเขาเตรียมน้ำอาบให้อีกพอตกตอนกลางคืน เราก็จะใช้ชีวิตสามีภรรยา และเขาก็จะจงใจทำให้เธอเจ็บโดยที่เธอก็แค่จมูกแดงๆ กอดคอของเขาเอาไว้แน่น และก็อ้อนวอนเขาเบาๆตอนแต่งงานใหม่ จริงๆแล้วเธอมีความสุขมากแต่พอนานๆไป เฉียวซุนก็ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม และก็ไม่ได้ออดอ้อนเขาอีกต่อไปในที่สุดเธอก็ดูเหมือนจะยอมรับความจริงที่ว่า เขาไม่ได้รักเธอ และค่อยๆ พบว่าต่อให้เธอจะพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่มีความหมายในสายตาของเขา และมันก็แลกมาด้วยความเย็นชาและไม่แคร์เสมอๆเฉียวซุนยังคงเอาใจใส่เขา แต่การเอาใจใส่น
……เฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน แต่คุณป้าเสิ่นกลับไม่ได้อยู่บ้าน พอโทรไปถามจึงรู้ว่าเสิ่นชิงไม่ได้โทรมาที่วิลล่าของลู่เจ๋อเฉียวซุนวางโทรศัพท์มือถือลง เธอเดาว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ที่วิลล่าโกหกเพื่อช่วยให้เธอได้หลุดพ้นเฉียวซุนไม่ได้คิดอะไรมากคืนนี้ไม่ต้องไปทำงาน เธออาบน้ำเสร็จก็เข้านอนแต่หัวค่ำในเวลากลางคืนเธอฝันถึงชีวิตที่เพิ่งแต่งงานกับลู่เจ๋ออีกครั้ง ในฝันลู่เจ๋อยังคงปฏิบัติกับเธอด้วยความเย็นชาถึงที่สุด เขาใจร้อนตลอดเวลาที่พูดกับเธอเธอตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นพอเปิดดู ก็ไม่คิดว่าจะเป็นข้อความไลน์ที่ลู่เจ๋อส่งมา มันมีเพียงไม่กี่คําสั้น ๆ [อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมคุณย่า พอเลิกงานแล้วผมจะไปรอคุณที่รอยัลธันเดอร์]เฉียวซุนจะลืมไปได้อย่างไรกัน?พอนึกถึงการจุดดอกไม้ไฟครั้งที่แล้วของไป๋เซียวเซียว เฉียวซุนรับเงินที่ถูกโอนมาโดยตรง จากนั้นก็บริจาคให้กับบ้านสัตว์จรจัดเวลาตีหนึ่ง รถของลู่เจ๋อจอดอยู่ที่ริมถนนเขาพิงพนักพิงของเก้าอี้ นิ้วมือเรียวยาวกำลังเล่นมือถืออยู่.....เฉียวซุนได้รับเงินโอน 100,000 บาทแล้วเขาคิดว่าเธอควรจะส่งข้อความกลับมาหน่อยไหม!แต่ก่อน เธอชอบส่งไลน
เฉียวซุนรู้สึกประหลาดใจมากเนื่องจากเป็นเพราะหลีชิงเฉิง หลีรุ่ยปฏิบัติต่อเธอไม่ถือว่าเป็นมิตรจริง ๆ คืนก่อนเขายังหาเรื่องเธออยู่เลยตอนนี้เขากลับเสนอไปส่งเธอเฉียวซุนก็รู้สึกได้ด้วยจิตใตสำนึก ว่าเขาไม่ได้มาดีเธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ท่าทางเย็นชาเล็กน้อย: “หลีรุ่ย คุณเคยบอกว่าจะไม่กลั่นแกล้งฉันอีกแล้ว”หลีรุ่ยจ้องมองเธอผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดออกมาเบา ๆ ไม่กี่คำ: “ฉันเคยพูดไว้จริง ๆ นั่นแหละ” พูดจบเขาก็ขับรถออกไป ท้ายรถของรถแลนด์โรเวอร์คันสีดำทิ้งควันดำเอาไว้……เฉียวซุนคิดว่าเรื่องของหลีรุ่ย คงจะเว้นช่วงไประยะหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าในคืนนั้น เธอได้เจอกับเขาที่ชั้น 56 ของโรงแรมรอยัล ธันเดอร์อีกครั้ง เขานั่งเล่นไพ่อยู่กับพวกลู่จิ้นเซิง แต่ข้างกายไม่ได้มีดาราหรือนางแบบอะไรตอนที่เฉียนซุนขึ้นเวที หลีรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ ถูกลู่จิ้นเซิงจับได้แล้วลู่จิ้นเซิงก็หันไปมองเฉียวซุนที่อยู่บนเวที จากนั้นก็วางไพ่โจกเกอร์สองใบออกมาอย่างไม่รีบร้อน: “หลีรุ่ย ปกตินายไม่ค่อยมาที่ฉันนะ! วันนี้เป็นอะไร ลมที่ไหนพัดนายมาถึงที่นี่?”หลีรุ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ไม่ต้อนรับเหรอ