หลังจากกลับมาถึงจวน หยุนเจิงก็เรียกเกาเหอมาหา และกระซิบข้างหูของเกาเหอไม่กี่คำเกาเหอเหลือบมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วรีบวิ่งไปที่โรงนาเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนี้ให้เยี่ยจื่อฟังอย่างตรงไปตรงมา แต่ซินเซิงกลับเดินเข้ามา “จื่อฮูหยิน องค์ชายหกบอกว่าอยู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องบางอย่างได้ ให้ท่านไปหาที่ห้องหนังสือ”“เรื่องอะไร”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยซินเซิงส่ายหัวเล็กน้อย “องค์ชายไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากท่าทางขององค์ชาย คงเป็นเรื่องด่วน”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “เขาจะมีเรื่องด่วนอะไรได้!”“เอาล่ะ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ!”เยี่ยจื่อเม้มริมฝีปากยิ้มๆ “พวกเจ้ากำลังจะเดินทางไปซั่วเป่ยเร็วๆ นี้ คงมีเรื่องมากมาย ข้าจะไปดูหน่อยว่ามีเรื่องด่วนอะไร ไม่เสียเวลาแล้ว”หลังจากพูดจบ เยี่ยจื่อก็เร่งรุดไปที่ห้องหนังสือเยี่ยจื่อเพิ่งเดินไปถึงห้องหนังสือ ยังไม่ทันจะได้สอบถามหยุนเจิง เกาเหอก็เคาะประตูเสียก่อนหยุนเจิงรับกระสอบป่านที่เกาเหอส่งให้ และสั่งเกาเหอว่า “ยืนเฝ้าที่ประตู ห้ามไม่ให้ใครเข้ามา! รวมทั้งพระชายาด้วย!”“ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง แล้วเฝ้าประตูท
เยี่ยจื่อพูดไม่ออก “ท่านโดนเขาหลอกเอาเงินไปกี่ตำลึงแล้ว? เขายังจะได้รับเงินอีกสองแสนตำลึงงั้นหรือ?”เพียงแค่สองแสนตำลึงงั้นหรือ?ทั่วทั้งราชสำนักแคว้นต้าเฉียน จะมีสักกี่คนที่มีเงินถึงสองแสนตำลึง?แม้ว่าหยุนลี่จะมีอสังหาริมทรัพย์มากมายภายใต้ชื่อของเขา แต่เงินสองแสนตำลึงก็สามารถทำให้หยุนลี่เจ็บปวดอย่างมากเช่นกันหยุนลี่ถูกเขาหลอกเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งถึงขั้นหักกระดูกของเขาได้อย่างแน่นอนความจริงแล้ว หยุนลี่ถูกหยุนเจิงหลอกจนกระดูกหักจริงๆแม้ว่าเขามีอสังหาริมทรัพย์มากมาย แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็มากเช่นกัน! จำเป็นต้องจ่ายค่าน้ำชาตลอดทั้งวัน และยังต้องจ่ายค่าพบปะเข้าสังคมอีก ค่าใช้จ่ายในจวนจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะ ช่วงนี้ถูกหยุนเจิงหลอกเอาเงินอยู่บ่อยๆ วันแต่งงานของหยุนเจิง เขาก็แทบกระอักเลือดไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลับถึงบ้านจึงให้พ่อบ้านนำสมุดบัญชีออกมาดู หยุนลี่จึงได้รู้ว่าในจวนเหลือเงินไม่ถึงสามแสนตำลึงแล้ว!ทรัพย์สินในบ้านของตัวเอง ถูกเจ้าหกไอ้ระยำหมาเอาไปจนหมด! ความโมโหของหยุนลี่ แทบกระอักเลือดออกมาตรงนั้นหลังจากที่พยายามอดกลั้นความโกรธ หยุนลี่ก็ให้พ่อบ้านนำตั๋วเงินแปดหม
การมาเยี่ยมเยียนกลางดึกของหยุนลี่ ทำให้เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจอย่างมากพวกเขามีมิตรภาพพี่น้องที่ลึกซึ้งจริงๆ งั้นหรือ?เพิ่งดื่มเหล้าในวังเสร็จ หยุนลี่ก็มาดื่มเหล้ากับหยุนเจิงที่จวนงั้นหรือ?สองคนนี้ กำลังทำบ้าอะไรกันแน่?แต่ว่า หยุนเจิงและหยุนลี่ต่างก็ไม่เคยอธิบายต่อนางหยุนเจิงกลัวว่าเจ้าสามจะได้กลิ่นคาวเลือดจากห้องหนังสือ จึงจงใจพาเจ้าสามมายังด้านในห้องรับแขกข้างห้องโถงเพื่อคุยกันเพียงลำพังตอนนี้ทั้งสองได้หงายไพ่ใส่กันอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงไม่มีความสุภาพที่จอมปลอมอีกต่อไปแล้วหยุนเจิงหยิบตำราโลหิตออกมา หยุนลี่ก็หยิบตั๋วเงินสองแสนตำลึงออกมามีท่าทางของมือหนึ่งจ่ายเงิน มือหนึ่งแลกของเพื่อให้สมจริงมากยิ่งขึ้น หยุนเจิงจงใจทำให้ตำราโลหิตสกปรกโสโครก และยับยู่ยี่“เจ้าหก ก่อนเจ้าจะไป เจ้าคงไม่ไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อใช่ไหม?”หยุนลี่ถามด้วยความไม่วางใจ“พี่สามวางใจได้ ข้าไม่มีทางได้เป็นองค์รัชทายาท จะทำเรื่องแบบนั้นไปทำไมกัน?”หยุนเจิงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “เจ้าและข้าต่างก็รู้ดี ตอนนี้พวกเราไม่สนว่าใครจะทำลายใคร ต่างก็ดูไม่ดีในสายตาของเสด็จพ่อ เจ้าคิดเห็นเหมือนกันหรือไม่?”“ท
“ไม่มีอะไร”หยุนเจิงยิ้มตาหยีและพูดว่า “พูดคุยความรู้สึกกันระหว่างพี่น้องเท่านั้น”“ความรู้สึกงั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก “ข้าว่าพวกท่านกำลังสมคบคิดกันเพื่อฉ้อโกงผู้อื่นอีกแล้วสิ!”หยุนเจิงส่ายหน้าและหัวเราะ “สนมรัก เจ้าอคติกับพวกเรามากเกินไปแล้วนะ!”อคติบ้าบออะไร! เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเขาและองค์ชายสาม ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสักนิด! ...การประชุมราชสำนักวันที่สองสิ้นสุดลง จักรพรรดิเหวินประกาศให้โลกรู้เปลี่ยนการแต่งตั้งสนมซูตระกูสวีเป็นฮองเฮา แต่งตั้งหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทตำแหน่งองค์รัชทายาทที่เว้นว่างเกือบสามเดือน ในที่สุดก็มีเจ้าของแล้วแต่ว่า ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่การประกาศให้โลกรู้ตำแหน่งองค์รัชทายาทไม่ได้ดีไปกว่าผู้ใดหากจัดพิธีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว จึงจะถือว่าหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นไปตามที่หยุนเจิงคาดการณ์ไว้เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ดูท่าทางว่า คบไฟที่สุมเพิ่มเมื่อคืนนี้ จะเกิดผลในที่สุด! “เรื่องที่พวกท่านทำเมื่อคืน ก็เพื่อช่วยให้องค์ชายสามได้เป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ?”เมื่อได้รับข่าวเรื่
เรื่องของหยุนลี่ หยุนเจิงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาใกล้จะไปจากเมืองหลวงแล้ว หยุนลี่อยากทรมานอย่างไรก็แล้วแต่! ช่วงเวลาต่อมา หยุนเจิงต่างก็ยุ่งกับเรื่องที่จะไปซั่วเป่ยเที่ยงของวันถัดมา หยุนเจิงเพิ่งกินอาหารเที่ยงเสร็จ กำลังเตรียมจะไปดูว่าอาหารแห้งที่เตรียมไว้ที่เขาเมาเอ่อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว คนเฝ้าประตูกลับเข้ามารายงานว่า“องค์ชาย คนจากตำหนักตงกงมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทใกล้จะมาถึงจวนแล้ว องค์ชายหกกรุณาเตรียมรับเสด็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ใบหน้าของหยุนเจิงก็โมโหขึ้นมารับเสด็จ?เมื่อวานเจ้างี่เง่าหยุนลี่เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท วันนี้ก็เลยรีบมาโอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าตัวเองงั้นหรือ?ยังต้องรับเสด็จแม่งอีก?ทำไมเขาไม่ให้ตัวเองออกไปต้อนรับตั้งแต่ระยะสามลี้เลยเล่า?รับเสด็จใช่ไหม?ตรูจะดูว่ามรึงยังจะกล้าให้ตรูไปรับเสด็จอีกไหม! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ และเรียกเยี่ยจื่อมาในทันที “รายงานทุกคนในจวน องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ให้ทุกคนตามข้าออกไปรับเสด็จ!”“รับเสด็จจริงๆ งั้นหรือ?”เยี่ยจื่อถามเสียงเบา“ยังต้องพูดเล่นอีกหรือ?”หยุนเจิงกลอกตา
แต่หยุนเจิงไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขา! แต่ตอนที่กำหนดกฎหมายพิธีการ ผู้ใดจะนึกได้ว่าจะมีข้อยกเว้นแบบหยุนเจิง! ดังนั้น ราชสำนักแคว้นต้าเฉียนจึงยังไม่มีกฎระเบียบใดที่กำหนดให้ท่านอ๋องรุ่นเดียวกันต้องก้มครึ่งตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทใบหน้าของหยุนลี่แสดงความโกรธเป็นระยะ เมื่อลังเลอยู่นาน จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “น้องหกพูดมีเหตุผล พอดีที่ว่าข้าเองก็ไม่ต้องการให้น้องหกทำความเคารพอย่างเป็นทางการต่อข้า พวกเราเข้าไปคุยกันในจวนดีกว่า!”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริง”หยุนเจิงหัวเราะแหะๆ และยกมือขึ้นนำทาง “เชิญองค์รัชทายาท”“เชิญน้องหก!”หยุนลี่พูดจาสุภาพอย่างจอมปลอม และก้าวเท้าเข้าด้านในไอ้โง่เอ๊ย! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ พร้อมเดินตามเข้าไปในจวนขนาดเสด็จพ่อมาที่จวนของตัวเองยังไม่วางมาดเหมือนเขาเลยเขากลับวางมาดองค์รัชทายาทแล้วหรือนี่?เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท แม้แต่พิธีแต่งตั้งยศก็ยังไม่ได้จัด เขาก็เริ่มทำหน้าใหญ่ใจโตแล้วงั้นหรือ?เขาไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะรู้ และปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขา! เขาคงคิดว่าตัวเองมั่นคงในตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้วสินะ?ไม่รู้จ
ยามอัสดง หยุนเจิงกลับมาจากเขาเมาเอ่อร์มาถึงจวนวันพรุ่งค่อยเร่งมืออีกวัน คงจะทำอาหารแห้งออกมาได้มากกว่านี้ ต่อให้พวกเขาไม่ให้แว่นแคว้นที่เดินทางผ่านเตรียมอาหารให้ อาหารแห้งเหล่านี้ก็เพียงพอที่พวกเขาเดินทางไปถึงซั่วเป่ยเพียงแต่ว่า เขาจะต้องแลกด้วยเงินจำนวนไม่น้อยเลยจะเลี้ยงดูทหารกองทัพใหญ่นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!นี่เพียงแค่ทหารหนึ่งพันคน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการเลี้ยงดูหากกองทัพทหารจำนวนแสนนาย เงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั้นของเขาไม่เพียงพอจริงๆ ในขณะที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะหาเงินได้อย่างไรหลังจากไปถึงซั่วเป่ย ทันใดนั้นเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกก็มาหาเขาพอดีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่พบปะพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ต้องจากลากันหยุนเจิงฉวยโอกาสนี้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของซั่วเป่ยและกองทหารมณฑลทางเหนือกับเซียวว่านโฉวสองพ่อลูกอย่างไรเสีย สองพ่อลูกเซียวว่านโฉวคู่นี้ก็เคยร่วมศึกซั่วเป่ยเมื่อห้าปีก่อนมาก่อนและเมื่อเซียวว่านโฉวเล่าสถานการณ์เรื่องราวของกองทหารมณฑลทางเหนือให้เขาฟังนั้น หยุนเจิงถึงกับขนลุกซู่ขึ้น“ทหารสามแสนนายอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงม
เมื่อส่งสองพ่อลูกเซียวว่านโฉวกลับไปแล้ว หยุนเจิงก็เดินกลับไปที่ห้องตำราวันนี้เขาได้รู้เรื่องราวต่างๆ มากมายจากเซียวว่านโฉวและเรื่องราวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อเขาทั้งสิ้นเขาหยิบแผนที่คร่าวๆ คลายออกมาดู และครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แม้ว่ายังไม่ได้เดินทางไปซั่วเป่ย แต่เขาก็ครุ่นคิดเรื่องราวหลังจากที่ไปถึงซั่วเป่ยเอาไว้แล้วศึกรบ จะต้องรบแน่นอนแต่จะทำศึกรบเช่นไร และจะบุกทะลวงไปได้เช่นไรนั้น ล้วนแต่เป็นปัญหาทั้งสิ้น……เช้าวันต่อมา หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไปที่จวนสกุลเสิ่นครั้งนี้พวกเขาเพียงแค่ไปกราบไหว้ป้ายวิญญาณสองพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่หลังจากที่กราบไหว้ป้ายวิญญาณของสองพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเสร็จแล้ว หยุนเจิงก็คุยกับฮูหยินเสิ่นเป็นการส่วนตัวอยู่ครึ่งชั่วยามพวกเขาอยู่กินมื้อค่ำที่จวนสกุลเสิ่นเสร็จถึงจะเดินทางกลับจวน เพื่อจะกลับไปเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินทางในวันพรุ่งนี้ในขณะที่ออกจากจวนสกุลเสิ่นนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนหันหน้ากลับไปมองไปมาด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่สะใภ้ จากนี้ต่อไป ข้าฝากท่านแม่กับท่านด้วย……”เสิ่นลั่วเยี่ยนพ