สองวันถัดมา หยุนเจิงกำลังจะถึงเมืองหม่าอี้เฉิงเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว หยุนเจิงคิดว่าคืนนี้จะพักผ่อนที่เมืองหม่าอี้เฉิงผ่านเมืองหม่าอี้เฉิงไป ก็จะเป็นเมืองติ้งเป่ยเฉิงแล้ว“รายงาน!”เวลานี้ ทหารม้ายามที่ส่งออกไปพาม้าสองตัวกลับมาไม่นาน ทหารยามมาถึงหน้าหยุนเจิง “รายงานท่านอ๋อง ระหว่างทางที่ข้าน้อยมาหม่าอี้เพื่อรายงาน พบสองคนนี้ พวกเขามาที่นี่ภายใต้คำสั่งของแม่ทัพใหญ่เว่ย”ขณะที่ทหารยามกำลังพูดจา ทั้งสองคนลงจากหลังม้าและทำความเคารพหยุนเจิง“เอ๋?”หยุนเจิงแปลกใจเล็กน้อย “แม่ทัพใหญ่เจียงฝากพวกเจ้าบอกสิ่งใดกับข้า?”หนึ่งในนั้นตอบทันที “แม่ทัพใหญ่ได้รับข่าวว่าท่านอ๋องมาถึงซั่วเป่ยแล้ว แม่ทัพใหญ่สั่งให้มารอเพื่อแจ้งกับท่านอ๋อง แม่ทัพใหญ่มาถึงหม่าอี้แล้ว งานเลี้ยงจะจัดขึ้นที่หม่าอี้ เพื่อต้อนรับท่านอ๋องและพระชายา”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”หยุนเจิงหัวเราะ “พวกเจ้ารีบกลับไปแจ้งแม่ทัพใหญ่เว่ย ข้าจะไปถึงในไม่ช้า!”“ขอรับ!”ทั้งสองคนขึ้นหลังมาและจากไปอย่างรวดเร็วหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก สั่งให้มุ่งหน้าไปหม่าอี้ทันทีดีเหมือนกัน!ไม่ต้องไปเมืองติ้งเป่ยเฉิงหาเว่ยเหวินจงแล้ว ยังทำให้พวกเขาประหยัดเว
ต่อให้ได้รับการฝึกฝนแล้ว แต่กำลังทหารก็ยังคนละระดับชั้นกับทหารประจำการ!เพียงแต่ ต่อให้นางไม่พอใจมากเพียงใด ตอนนี้ก็จนปัญญานี่เป็นประสงค์ของจักรพรรดิเหวิน!เว่ยเหวินจงทำตามพระประสงค์ของจักรพรรดิเหวินต่อให้นางกระโดดลุกขึ้นมาสู้กับเว่ยเหวินจงสักตั้ง ก็ไร้ประโยชน์“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของเสด็จพ่อ ก็ตามนั้นเถอะ!”หยุนเจิงคร้านจะกล่าวสิ่งอื่นแล้วต่อให้กล่าวสิ่งอื่นก็ไร้ประโยชน์เช่นกันเขาจะปล่อยให้เว่ยเหวินจงขัดพระประสงค์ของเสด็จพ่อ จัดทหารชั้นยอดเก้าพันนายให้กับเขาได้หรือ?เขากล้าเสนอ แต่เว่ยเหวินจงต้องไม่มีทางตกลง!ได้!ต่อไปมีงานให้ทำแล้ว!ฝึกฝนทหารทำเกษตรไม่ใช่หรือ?ก็ได้!ความท้าทายนี้ ก็เป็นโอกาสเช่นกัน!หากต้องยึดครองทหารทำเกษตรเหล่านี้ ย่อมต้องง่ายกว่าพิชิตทหารชัดยอดเหล่านั้นมาก“ขอบคุณท่านอ๋องที่เข้าใจ”เว่ยเหวินจงกล่าวตามมารยาท จากนั้นก็หยิบจดหมายคำสั่งที่เตรียมไว้นานแล้วมอบให้หยุนเจิง “นี่เป็นจดหมายคำสั่งของข้า ท่านอ๋องนำคำสั่งนี้ไปยังค่ายทหาร รับช่วงต่อกิจการทหาร!”“ได้!”หยุนเจิงรับจดหมายคำสั่งมา ไม่มองเลยสักนิดและเก็บเอาไว้เวลานี้เอง เว่ยเหวินจงลุกขึ้น
ตอนเที่ยงสองวันให้หลัง ในที่สุดหยุนเจิงก็พาทุกคนมาถึงเมืองซั่วฟางทหารรักษาการเมืองของเมืองซั่วฟางได้เตรียมจวนแห่งหนึ่งให้หยุนเจิงเรียบร้อยแล้ว ไว้ใช้เป็นจวนอ๋องของเขาแน่นอน จวนแห่งนี้ก็เป็นแค่จวนอ๋องแต่เพียงชื่อเท่านั้นขนาดพื้นที่มีเพียงครึ่งเดียวของจวนอ๋องของหยุนเจิงที่เมืองจักรพรรดิแต่ว่า สำหรับหยุนเจิงแล้ว ก็ถือว่ามากพอแล้วตอนนี้พวกเขาขอแค่มีที่พักแรมชั่วคราวได้ก็พอแล้วหลังจากมอบเรื่องที่จำเป็นต้องจัดการภายในเรือนให้กับเยี่ยจื่อแล้ว หยุนเจิงและเฉินลั่วเยี่ยนพาคนไปยังค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองซั่วฟางห่างไปสิบกว่าลี้ทันทีมีจดหมายคำสั่งของเว่ยเหวินจงอยู่ในมือ หยุนเจิงเข้ารับช่วงต่อกิจการทหารในค่ายได้อย่างราบรื่นครึ่งชั่วยามต่อมา ทหารทุกคนในค่ายและหัวหน้าน้อยใหญ่ล้วนมารวมตัวกันที่สถานฝึกเงยหน้ามองดูแล้ว จำนวนคนก็ไม่น้อยเลยไม่แน่ว่าจะมีแค่จำนวนเก้าพันอย่างไรก็ควรทะลุหมื่นแล้ว!แต่คุณภาพทหารทำเกษตรเหล่านี้ไม่ได้เรื่องเท่าใดหยุนเจิงกวาดตามองคร่าวๆ ก็สามารถเห็นชายชราผมขาวได้อยู่หลายส่วนเห็นอายุของพวกเขา อย่างน้อยก็ควรใกล้ห้าสิบแล้ว!มารดามันสินี่จะไปสู้รบหรือมาบ้านพ
เวรเอ๊ย!ตอนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ เขายังคิดว่าบวกกับทหารจวนของเขา เขาก็จะเป็นแม่ทัพที่มีทหารทั้งหมดหนึ่งหมื่นนายแล้วผลปรากฏว่ามาถึงซั่วเป่ย ก็ลดจำนวนของเขาลงสี่ส่วน!นี่มันสี่ส่วนที่ใดล่ะ!เห็นได้ชัดว่าลดจนเหลือแต่กระดูก!อีกทั้ง นอกจากม้าศึกที่พวกเขาพามา ม้าศึกทั้งค่ายใหญ่มีไม่ถึงยี่สิบตัวด้วยซ้ำ!กล่าวให้ถูกต้องคือ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว!ม้าศึกเดิมที่มีอยู่นั้น ล้วนถูกย้ายไปเป็นพาหนะชั่วคราวของขุนพลระดับกลางและระดับล่างม้าที่อยู่ในค่าย ล้วนเป็นม้าล่อ!ไถนาในเวลาว่าง ช่วงสงครามก็เป็นม้าล่อส่งเสบียง!อย่าว่าแต่ม้าศึกเลย คนมากมายแม้แต่ชุดเกราะล้วนไม่มี!เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ฟังผลลัพธ์นี้ก็โมโหอัดอั้นเช่นกัน กัดฟันกล่าว “เว่ยเหวินจงเจ้าสารเลวนี่ จงใจส่งพวกคนชราอ่อนแอขี้โรคเหล่านี้ยัดเยียดให้พวกเรา!”“เรื่องนี้เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”ตู้กุยหยวนอธิบาย “ทหารทำเกษตรของทุกค่าย ล้วนสถานการณ์ไม่ต่างกัน! ดังนั้นกองทหารมณฑณทางเหนือความจริงมีทหารสามแสนกว่าคน แต่ทุกคนล้วนพูดกองทหารมณฑณทางเหนือมีทหารจำนวนสองแสน...”ในสายตาคนทั่วไป ทหารทำเกษตรเหล่านี้เดิมก็ไม่นับรวมอยู่ในกองกองทหารมณฑณทางเหนื
เมื่อหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาที่จวนก็เป็นเวลาดึกแล้วเยี่ยจื่อยังไม่นอน รีบร้อนวิ่งมาถามสถานการณ์“เจ้าคุยกับพี่สะใภ้เถอะ ข้าไปหาจางซู!”หยุนเจิงนวดศีรษะอย่างปวดหัว พาใจที่เหนื่อยล้าไปหาจางซูตอนที่มามีใจทะเยอทะยานแต่ความจริงตอนนี้กลับทำให้เอาเขาปวดหัว!เคาะประตูห้องของจางซู จางซูก็ยังไม่หลับเช่นกัน“สถานการณ์ไม่ดี?”เมื่อเห็นหน้าหยุนเจิง จางซูก็รู้ว่าสถานการณ์ในค่ายทหารไม่เป็นอย่างที่คิด“ไม่ใช่แค่ไม่ดี เรียกได้ว่าเน่าเฟะเลย!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มฝืน เล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้จางซูฟังเมื่อรู้สถานการณ์จริงของค่ายทหาร จางซูเองก็ตกใจอ้าปากค้างทหารหนึ่งหมื่นสองพันกว่านาย ทหารที่ออกรบได้มีไม่ถึงสองพัน?นี่มันเรื่องอะไรกัน!หลังจากเหม่อลอยไปนาน จางซูจึงหัวเราะแหยแล้วถาม “เช่นนั้นตอนนี้ทำเช่นไร?”“เรื่องเหล่านี้เจ้าไม่ต้องสนใจ” หยุนเจิงส่ายหน้า “เจ้าหาเงินอย่างสบายใจก็พอ! เจ้าพักผ่อนสองสามวันก่อน พักผ่อนแล้วก็ดำเนินการตามแผนการที่พวกเราตกลงกัน!”“ข้าไม่ต้องพักผ่อนแล้ว!”จางซูส่ายหน้าทันที “พรุ่งนี้ข้าจะหาสถานที่เพื่อทำโรงฝีมือ!”“สถานที่ไม่ต้องหาแล้ว” หยุนเจิงโบกมื
หยุนเจิงกระพริบตา กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มชั่ว “เจ้าหอมข้าก่อน ข้าจะบอกเจ้า!”“เจ้า...”ใบหน้างดงามของเสิ่นลั่วเยี่ยนแดง กล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าดื่มมากแล้ว! มีวิธีก็รีบพูดมา!”ไอสารเลว!ยิ่งอยู่ยิ่งหน้าไม่อายแล้ว!พวกพี่สะใภ้ยังอยู่ที่นี่ด้วย!นึกไม่ถึงว่าเขาจะบอกให้นางหอมเขา?“เจ้าก็หอมเขาสักหน่อยสิ”เมี่ยวอินดูเรื่องครึกครื้นไม่รังเกียจเรื่องใหญ่ กล่าวหยอกล้อ “ถึงเช่นไรพวกเจ้าก็เป็นสามีภรรยา ยังมีสิ่งใดต้องเกรงใจ? ให้เขาบอกวิธีออกมาเร็วหน่อย พวกเราก็จะได้วางใจเร็วหน่อย!”“จะหอมเจ้าก็หอมสิ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าร้อนผ่าน มองเมี่ยวอินอย่างขุ่นเคืองเมี่ยวอินยิ้มมุมปาก เหน็บแนม “ต่อให้ข้าอยากหอมขึ้นมา แต่ข้าไม่มีชื่อไม่มีตำแหน่ง ไม่เหมาะสม! อีกอย่าง หากข้าหอมแก้มเขา ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าแล้ว”อย่างน้อยเมี่ยวอินก็เคยอยู่สถานกลางคือมานาน แม้เป็นนางโลมที่ไม่รับแขก แต่ก็มักได้ยินนางโลมเหล่านั้นพูดจาหยอกล้อกับแขกบ่อยๆนางไม่ได้หน้าบางเหมือนเสิ่นลั่วเยี่ยน“ข้าพิเศษ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนทั้งอายทั้งรำคาญ จึงจ้องเขม็งเมี่ยวอินเมี่ยวอินไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มยั่วไม่หยุด“พอแล้ว เจ้าเลิก
ไม่ผิดจากที่คาด หยุนเจิงมาถึงก็คิดจะเปลี่ยนตำแหน่งขุนพลน้อยใหญ่ดึงดูดความไม่พอใจของคนมากมายหยุนเจิงเพิ่งมาถึงค่ายทหาร ขุนพลน้อยใหญ่สิบคนมาหาถึงที่“ท่านอ๋อง พวกเขาล้วนเป็นได้รับคำสั่งแม่ทัพฮั่วมารักษาหน้าที่ในค่ายนี้ แม้ท่านอ๋องจะเป็นท่านอ๋อง ก็ไม่มีสิทธิ์ปลดตำแหน่งพวกเราตามใจชอบ!”“พวกพวกข้ามีความผิด ท่านอ๋องคิดจะปลดพวกเรา พวกเราจะไม่กล่าวสิ่งใดเด็ดขาด!”“ท่านอ๋องทำเช่นนี้ พวกเราไม่ยอม!”“หากท่านอ๋องคิดเอาตนเองเป็นใหญ่ พวกเราคงทำได้เพียงขอความเป็นธรรมจากแม่ทัพฮั่ว!”“ใช่ ขอให้แม่ทัพฮั่วให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา...”ทุกคนรู้สึกฮึกเหิม ไม่สนใจสถานะของหยุนเจิง รวมตัวกันเพื่อขอคำอธิบายจากหยุนเจิงท่านอ๋องแล้วอย่างไร?ขอเข้ามาในกองทัพ เขาก็เป็นเพียงขุนพลขั้นสี่เท่านั้น!เขามาถึงก็มาปลดตำแหน่งบังคับการเดิมของพวกเขาโดยไม่ถามสาเหตุ ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ล้วนไม่ยอมหรอก!“บังอาจ!”เกาเหอคำราม จ้องทุกคนอย่างเย็นชา “ใครให้ความกล้ากับพวกเจ้า กล้าบุ่มบ่ามต่อหน้าท่านอ๋อง?”ทุกคนถูกเสียงตะหวาดของเกาเหอสกัดเอาไว้ จึงค่อยเงียบลง “ไม่เป็นไร! ข้าเคยบอกไว้ ใครกล้าไม่พอใจ มาหาข้าได้!”หยุนเจิงส่
“ไป เรียกพวกตู้กุยหยวนมา”หยุนเจิงสั่งเกาเหอไม่นาน ตู้กุยหยวนรีบเข้ามายังไม่ทันใด้ทำความเคารพทุกคน หยุนเจิงโบกมือกล่าว “บอกตำแหน่งหน่วยงานเดิมของพวกเจ้ากับพวกเขา!”“ขอรับ!”ทั้งสี่คนรับคำสั่งพร้อมเพรียง“ผู้บัญชาการกองทหารโลหิต ตู้กุยหยวน!”“หัวหน้ากองทหารโลหิตกองสอง อวี๋ซื่อจง!”“ข้าค่อนข้าแย่หน่อย เป็นเพียงแค่หัวหน้าหมู่กองทหารโลหิต จั่วเริ่น!”“นายกองทหารราบกองทหารเสินอู่ เฝิงอวี้!”ทั้งสี่คนพากันรายงานตำแหน่งเดิมและชื่อแซ่เมื่อได้ฟังคำของทั้งสี่คน พวกโจวจี้ซานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก“เจ้า...เจ้าคือผู้บัญชาการตู้แห่งกองทหารโลหิต?”โจวจี้ซานมองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงแม้กองทหารโลหิตจะกลายไปจากลำดับของกองทหารมณฑณทางเหนือเมื่อห้าปีก่อน แต่ผ่านไปห้าปี ชื่อเสียงของกองทหารโลหิตก็ยังคงดังชัดเจนอยู่ในหูผู้ที่สามารถเข้ากองทหารโลหิต ล้วนเป็นบุคคลหนึ่งในร้อย!ต่อให้เป็นแค่ทหารธรรมดาของกองทหารโลหิต หากอยู่ในกองอื่น อย่างไรก็เป็นนายกองที่นำทัพทหารกองร้อย!เช่นตู้กุยหยวน แม้จะนำทหารแค่ห้าร้อยคน แต่หากไม่ได้อยู่ในกองทหารโลหิต อย่างนั้นเขาก็ใกล้เคียงเป็นแม่ทัพที่บัญชาการทหา