เวรเอ๊ย!ตอนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ เขายังคิดว่าบวกกับทหารจวนของเขา เขาก็จะเป็นแม่ทัพที่มีทหารทั้งหมดหนึ่งหมื่นนายแล้วผลปรากฏว่ามาถึงซั่วเป่ย ก็ลดจำนวนของเขาลงสี่ส่วน!นี่มันสี่ส่วนที่ใดล่ะ!เห็นได้ชัดว่าลดจนเหลือแต่กระดูก!อีกทั้ง นอกจากม้าศึกที่พวกเขาพามา ม้าศึกทั้งค่ายใหญ่มีไม่ถึงยี่สิบตัวด้วยซ้ำ!กล่าวให้ถูกต้องคือ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว!ม้าศึกเดิมที่มีอยู่นั้น ล้วนถูกย้ายไปเป็นพาหนะชั่วคราวของขุนพลระดับกลางและระดับล่างม้าที่อยู่ในค่าย ล้วนเป็นม้าล่อ!ไถนาในเวลาว่าง ช่วงสงครามก็เป็นม้าล่อส่งเสบียง!อย่าว่าแต่ม้าศึกเลย คนมากมายแม้แต่ชุดเกราะล้วนไม่มี!เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ฟังผลลัพธ์นี้ก็โมโหอัดอั้นเช่นกัน กัดฟันกล่าว “เว่ยเหวินจงเจ้าสารเลวนี่ จงใจส่งพวกคนชราอ่อนแอขี้โรคเหล่านี้ยัดเยียดให้พวกเรา!”“เรื่องนี้เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”ตู้กุยหยวนอธิบาย “ทหารทำเกษตรของทุกค่าย ล้วนสถานการณ์ไม่ต่างกัน! ดังนั้นกองทหารมณฑณทางเหนือความจริงมีทหารสามแสนกว่าคน แต่ทุกคนล้วนพูดกองทหารมณฑณทางเหนือมีทหารจำนวนสองแสน...”ในสายตาคนทั่วไป ทหารทำเกษตรเหล่านี้เดิมก็ไม่นับรวมอยู่ในกองกองทหารมณฑณทางเหนื
เมื่อหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาที่จวนก็เป็นเวลาดึกแล้วเยี่ยจื่อยังไม่นอน รีบร้อนวิ่งมาถามสถานการณ์“เจ้าคุยกับพี่สะใภ้เถอะ ข้าไปหาจางซู!”หยุนเจิงนวดศีรษะอย่างปวดหัว พาใจที่เหนื่อยล้าไปหาจางซูตอนที่มามีใจทะเยอทะยานแต่ความจริงตอนนี้กลับทำให้เอาเขาปวดหัว!เคาะประตูห้องของจางซู จางซูก็ยังไม่หลับเช่นกัน“สถานการณ์ไม่ดี?”เมื่อเห็นหน้าหยุนเจิง จางซูก็รู้ว่าสถานการณ์ในค่ายทหารไม่เป็นอย่างที่คิด“ไม่ใช่แค่ไม่ดี เรียกได้ว่าเน่าเฟะเลย!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มฝืน เล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้จางซูฟังเมื่อรู้สถานการณ์จริงของค่ายทหาร จางซูเองก็ตกใจอ้าปากค้างทหารหนึ่งหมื่นสองพันกว่านาย ทหารที่ออกรบได้มีไม่ถึงสองพัน?นี่มันเรื่องอะไรกัน!หลังจากเหม่อลอยไปนาน จางซูจึงหัวเราะแหยแล้วถาม “เช่นนั้นตอนนี้ทำเช่นไร?”“เรื่องเหล่านี้เจ้าไม่ต้องสนใจ” หยุนเจิงส่ายหน้า “เจ้าหาเงินอย่างสบายใจก็พอ! เจ้าพักผ่อนสองสามวันก่อน พักผ่อนแล้วก็ดำเนินการตามแผนการที่พวกเราตกลงกัน!”“ข้าไม่ต้องพักผ่อนแล้ว!”จางซูส่ายหน้าทันที “พรุ่งนี้ข้าจะหาสถานที่เพื่อทำโรงฝีมือ!”“สถานที่ไม่ต้องหาแล้ว” หยุนเจิงโบกมื
หยุนเจิงกระพริบตา กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มชั่ว “เจ้าหอมข้าก่อน ข้าจะบอกเจ้า!”“เจ้า...”ใบหน้างดงามของเสิ่นลั่วเยี่ยนแดง กล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าดื่มมากแล้ว! มีวิธีก็รีบพูดมา!”ไอสารเลว!ยิ่งอยู่ยิ่งหน้าไม่อายแล้ว!พวกพี่สะใภ้ยังอยู่ที่นี่ด้วย!นึกไม่ถึงว่าเขาจะบอกให้นางหอมเขา?“เจ้าก็หอมเขาสักหน่อยสิ”เมี่ยวอินดูเรื่องครึกครื้นไม่รังเกียจเรื่องใหญ่ กล่าวหยอกล้อ “ถึงเช่นไรพวกเจ้าก็เป็นสามีภรรยา ยังมีสิ่งใดต้องเกรงใจ? ให้เขาบอกวิธีออกมาเร็วหน่อย พวกเราก็จะได้วางใจเร็วหน่อย!”“จะหอมเจ้าก็หอมสิ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าร้อนผ่าน มองเมี่ยวอินอย่างขุ่นเคืองเมี่ยวอินยิ้มมุมปาก เหน็บแนม “ต่อให้ข้าอยากหอมขึ้นมา แต่ข้าไม่มีชื่อไม่มีตำแหน่ง ไม่เหมาะสม! อีกอย่าง หากข้าหอมแก้มเขา ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าแล้ว”อย่างน้อยเมี่ยวอินก็เคยอยู่สถานกลางคือมานาน แม้เป็นนางโลมที่ไม่รับแขก แต่ก็มักได้ยินนางโลมเหล่านั้นพูดจาหยอกล้อกับแขกบ่อยๆนางไม่ได้หน้าบางเหมือนเสิ่นลั่วเยี่ยน“ข้าพิเศษ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนทั้งอายทั้งรำคาญ จึงจ้องเขม็งเมี่ยวอินเมี่ยวอินไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มยั่วไม่หยุด“พอแล้ว เจ้าเลิก
ไม่ผิดจากที่คาด หยุนเจิงมาถึงก็คิดจะเปลี่ยนตำแหน่งขุนพลน้อยใหญ่ดึงดูดความไม่พอใจของคนมากมายหยุนเจิงเพิ่งมาถึงค่ายทหาร ขุนพลน้อยใหญ่สิบคนมาหาถึงที่“ท่านอ๋อง พวกเขาล้วนเป็นได้รับคำสั่งแม่ทัพฮั่วมารักษาหน้าที่ในค่ายนี้ แม้ท่านอ๋องจะเป็นท่านอ๋อง ก็ไม่มีสิทธิ์ปลดตำแหน่งพวกเราตามใจชอบ!”“พวกพวกข้ามีความผิด ท่านอ๋องคิดจะปลดพวกเรา พวกเราจะไม่กล่าวสิ่งใดเด็ดขาด!”“ท่านอ๋องทำเช่นนี้ พวกเราไม่ยอม!”“หากท่านอ๋องคิดเอาตนเองเป็นใหญ่ พวกเราคงทำได้เพียงขอความเป็นธรรมจากแม่ทัพฮั่ว!”“ใช่ ขอให้แม่ทัพฮั่วให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา...”ทุกคนรู้สึกฮึกเหิม ไม่สนใจสถานะของหยุนเจิง รวมตัวกันเพื่อขอคำอธิบายจากหยุนเจิงท่านอ๋องแล้วอย่างไร?ขอเข้ามาในกองทัพ เขาก็เป็นเพียงขุนพลขั้นสี่เท่านั้น!เขามาถึงก็มาปลดตำแหน่งบังคับการเดิมของพวกเขาโดยไม่ถามสาเหตุ ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ล้วนไม่ยอมหรอก!“บังอาจ!”เกาเหอคำราม จ้องทุกคนอย่างเย็นชา “ใครให้ความกล้ากับพวกเจ้า กล้าบุ่มบ่ามต่อหน้าท่านอ๋อง?”ทุกคนถูกเสียงตะหวาดของเกาเหอสกัดเอาไว้ จึงค่อยเงียบลง “ไม่เป็นไร! ข้าเคยบอกไว้ ใครกล้าไม่พอใจ มาหาข้าได้!”หยุนเจิงส่
“ไป เรียกพวกตู้กุยหยวนมา”หยุนเจิงสั่งเกาเหอไม่นาน ตู้กุยหยวนรีบเข้ามายังไม่ทันใด้ทำความเคารพทุกคน หยุนเจิงโบกมือกล่าว “บอกตำแหน่งหน่วยงานเดิมของพวกเจ้ากับพวกเขา!”“ขอรับ!”ทั้งสี่คนรับคำสั่งพร้อมเพรียง“ผู้บัญชาการกองทหารโลหิต ตู้กุยหยวน!”“หัวหน้ากองทหารโลหิตกองสอง อวี๋ซื่อจง!”“ข้าค่อนข้าแย่หน่อย เป็นเพียงแค่หัวหน้าหมู่กองทหารโลหิต จั่วเริ่น!”“นายกองทหารราบกองทหารเสินอู่ เฝิงอวี้!”ทั้งสี่คนพากันรายงานตำแหน่งเดิมและชื่อแซ่เมื่อได้ฟังคำของทั้งสี่คน พวกโจวจี้ซานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก“เจ้า...เจ้าคือผู้บัญชาการตู้แห่งกองทหารโลหิต?”โจวจี้ซานมองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงแม้กองทหารโลหิตจะกลายไปจากลำดับของกองทหารมณฑณทางเหนือเมื่อห้าปีก่อน แต่ผ่านไปห้าปี ชื่อเสียงของกองทหารโลหิตก็ยังคงดังชัดเจนอยู่ในหูผู้ที่สามารถเข้ากองทหารโลหิต ล้วนเป็นบุคคลหนึ่งในร้อย!ต่อให้เป็นแค่ทหารธรรมดาของกองทหารโลหิต หากอยู่ในกองอื่น อย่างไรก็เป็นนายกองที่นำทัพทหารกองร้อย!เช่นตู้กุยหยวน แม้จะนำทหารแค่ห้าร้อยคน แต่หากไม่ได้อยู่ในกองทหารโลหิต อย่างนั้นเขาก็ใกล้เคียงเป็นแม่ทัพที่บัญชาการทหา
เมืองซั่วฟางปัง!ได้ฟังรายงานจากขุนพลเหล่านั้นที่ถูกหยุนเจิงขับไล่ออกมา ฮั่วกู้พลันตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน“องค์ชายหกตัวดี!”“จิ้งเป่ยออกตัวดี!”“เขากำลังท้าทายข้าอยู่ชัดๆ!”ฮุ่วกู้คำรามด้วยสีหน้าสั่นสะท้าน ไฟโกรธในใจลุกโชนเขารับผิดชอบพิทักษ์ซั่วฟาง กิจการทหารซั่วฟางควรเป็นเขาที่ตัดสิรใจอีกทั้ง เว่ยเหวินจงได้สั่งให้เขาควบคุมทหารทำเกษตรของสองค่ายใหญ่นี่ด้วยหยุนเจิงแม้ได้รับช่วงกิจการทหารค่ายทางใต้ ก็ควรรับการควบคุมจากเขาหยุนเจิงคิดจะเปลี่ยนขุนพลน้อยใหญ่กลายเป็นคนสนิทของเขา มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่ก่อนที่หยุนเจิงจะขับไล่ขุนพลเหล่านี้ ก็ควรส่งคนมาบอกเขาสักหน่อยสิ!อีกทั้ง หยุนเจิงกลับไม่มีการบอกกล่าวแม้แต่น้อย กลับปลดขุนพลเหล่านี้โดยตรงแล้ว!ง่ายๆ ก็คือไม่เห็นแม่ทัพอารักขาเมืองซั่วฟางคนนี้อยู่ในสายตา!มองสีหน้าโกรธเคืองของฮั่วกู้ รองแม่ทัพอดไม่ได้ที่จะกังวลใจ “แม่ทัพ คนผู้นี้ถึงอย่างไรก็เป็นองค์ชาย ทหารค่ายทางใต้และค่ายทางเหนือเดิมก็ไม่ใช่ทัพหลักของเรา แม้ต่อให้เขาเปลี่ยนขุนพลทุกกองเป็นคนสนิทของตัวเองก็ไม่เป็นไร ไม่ควรขัดแย้งกับเขาเพราะเรื่องเล็กน้อย”ตามกฎเกณฑ์ของกองทัพ ห
พอยุ่งทีไร เวลาครึ่งชั่วยามก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกจนกระทั่งทั้งสองวางแผนตำแหน่งของงานแต่ละฝ่ายเสร็จ หยุนเจิงถึงจะกลับฐานแต่ทว่า หยุนเจิงไม่ได้ไปพบฮั่วกู้โดยตรง เพียงแค่สั่งการเกาเหอว่า “ไปหยิบชุดเกราะทองอันล้ำค่าของข้ามา!”“ขอรับ!”เกาเหอพยักหน้าตอบรับไม่นาน เกาเหอก็นำชุดเกราะทองอันล้ำค่ามาพร้อมสวมใส่ให้กับหยุนเจิงนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเจิงสวมใส่หลังจากที่ได้รับพระราชทานชุดเกราะจากจักรพรรดิเหวิน“องค์ชาย ชุดเกราะนี้สง่ามากจริงๆ!”เกาเหอเอ่ยชมด้วยความจริงใจ นัยน์ตามีกลิ่นอายของความอิจฉาเผยออกมาเล็กน้อยชุดเกราะทองอันล้ำค่านี้เป็นชุดเกราะที่ล้ำค่าที่สุดของราชวงศ์ต้าเฉียนแล้วทั้งกองทหารมณฑลทางเหนือ นอกจากท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว ผู้ที่มีสิทธิ์สวมชุดเกราะนี้มีไม่เกินสามคน!“เจ้าอย่าได้อิจฉาเลยนะ”หยุนเจิงหัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ข้าไม่สามารถสร้างชุดเกราะนี้ได้หรอกนะ อย่างมากก็ทำได้เพียงให้เจ้ายืมใส่ครู่หนึ่งเท่านั้น”เกาเหอได้ยินดังนั้นพลันรีบส่ายศีรษะยิ้มแห้ง “ข้าน้อยไม่กล้าใส่หรอกขอรับ”“ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “แอบใส่ตอนอยู่ด้วยกันให้รับรู้ถึงเกียร
แอบเก็บชุดเกราะไว้คนเดียวเทียบเท่ากับการก่อกบฎเลยนะ!คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะกล่าวหาว่าเขาแอบเก็บชุดเกราะได้หลังจากที่สติลอยไปชั่วขณะ ฮั่วกู้ก็รีบควบคุมสติอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็วเรื่องนี้ ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล!เขาไม่เคยทำเรื่องนี้!หยุนเจิงกล่าวหาว่าเขาแอบเก็บชุดเกราะ ไม่เท่ากับว่าเขาต้องแอบเก็บชุดเกราะจริงๆคิดอยากโยนความผิดฐานแอบเก็บชุดเกราะไว้คนเดียวให้กับตนนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!ฮั่วกู้รีบสงบสติอารมณ์ในแน่วแน่ แล้วเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านอ๋องไม่รู้เสียแล้ว ครั้งนี้ ทหารจากกระทรวงต่างๆ ถูกระดมพลเพื่อฝึกฝน คลังแสงไม่สามารถผลิตชุดเกราะได้มากมายในคราวเดียว ไม่เพียงแต่ฝั่งท่านอ๋องเท่านั้น แต่รวมถึงกระทรวงทั้งหมดที่เข้ารับการฝึกฝนด้วย…”ทหารที่เข้าร่วมการฝึกฝนในครั้งนี้มีทั้งหมดนับแสนกว่านาย!ชุดเกราะก็เสียหายได้นะ!คนเหล่านี้ใช้งานมาห้าปีกว่าแล้ว!ชุดเกราะที่พวกเขาเก็บกลับมาที่คลังแสง ส่วนใหญ่ก็เอาไปทดแทนให้กองทหารที่เตรียมรบอยู่เสมอแล้วชุดเกราะกับอาวุธยุทโธปกรณ์นั้นแตกต่างกันแต่ละเมืองแต่ละกระทรวงต่างก็มีอาวุธที่คัดเลือกโดยเฉพาะอยู่แล้วด้วยเหตุนี้ อาวุธจึง