ชายชรารีบคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะ น้ำตาคลอเบ้าเอ่ยว่า “ข้าน้อยไม่เป็นไร ขอบพระทัยพระชายา! ท่านช่วยชีวิตข้าน้อยไว้! ท่านช่างเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ! ใครกล้าพูดว่าท่านเป็นแม่เสือโคร่ง หรือเป็นราชสีห์เหอตง ข้าน้อยจะสู้กับเขาสุดชีวิต!”เขารู้สึกตื้นตันใจอย่างมากพระชายารัชทายาท!บุคคลที่สูงส่งเช่นนี้ กลับลงมือช่วยเหลือเขาด้วยตัวเองชายชราซาบซึ้งใจมากแปะ แปะ แปะ...ชาวบ้านที่มามุงดูเห็นฉากนี้ ต่างก็ปรบมือ“พระชายา สตรีผู้ไม่แพ้บุรุษ!”“ช่างเป็นวีรสตรีจริงๆ!”“พวกเราขอคารวะ!”ซูเฟิ่งหลิงหน้าแดงด้วยความเขินอายพูดตามตรงเมื่อครู่นางเพียงแค่ทำไปด้วยความหุนหันพลันแล่น โดยไม่ได้คิดอะไรมากเลยนี่คือความรู้สึกของการช่วยเหลือผู้คน เป็นที่เคารพของชาวบ้านหรือ? ช่างรู้สึกดีจริงๆ!ซูเฟิ่งหลิงยืดอก สองมือไขว้หลัง พยายามทำท่าทางที่เท่ที่สุด รับการคารวะจากผู้คน!ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด หรือรูปปั้น ก็ให้ทำตามลักษณะนี้ได้เลย!เมื่อฉินฮั่นหยางเห็นดังนั้น จมูกแทบเบี้ยว! เดิมทีแผนการของเขากำลังจะสำเร็จใครจะไปรู้ จู่ๆ ซูเฟิ่งหลิงก็โผล่มา แย่งแสงไปหมด!“พระชายา!”สีหน้าของฉินฮั่นหยางมืดครึ้ม
แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้เลย!ฉินฮั่นหยางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ เจ้ารับแล้ว! เช่นนั้นก็ดี ดีมาก...”หลี่หลงหลินยังมีสีหน้าเรียบเฉย กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าเป็นรัชทายาทแห่งต้าเซี่ย ไม่ช้าก็เร็วจะขึ้นครองราชย์ เป็นจักรพรรดิปกครองแผ่นดิน! เขาเป็นราษฎรของต้าเซี่ย แน่นอนว่าเป็นคนของข้า! ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ข้ายังจะถือว่าประชาชนทั่วหล้าเป็นเหมือนลูกของข้าด้วย!”“รวมถึงเจ้าด้วย!”“แต่ว่า คนอย่างเจ้าไม่กตัญญู เป็นลูกทรพี!”???ฉินฮั่นหยางราวกับถูกสาปเป็นหิน อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า หลี่หลงหลินจะพูดแบบนี้คำกล่าวที่ว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนพ่อ เป็นสิ่งที่สำนักปราชญ์ส่งเสริมมาตลอดแม้ว่าหลี่หลงหลินจะยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แต่การที่เขาถือว่าประชาชนทั่วหล้าเป็นเหมือนลูกของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยกย่องและชื่นชมแต่เมื่อฉินฮั่นหยางได้ยินกลับรู้สึกขัดใจไม่น้อยข้าอายุมากขนาดนี้แล้ว ยังถูกเด็กน้อยอย่างเจ้าเรียกว่าลูก แถมยังเป็นลูกทรพีอีก! มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง!แต่ฉินฮั่นหยางก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะคำกล่าวที่ว่า จักรพรรดิเปร
วิเคราะห์ตามเหตุผลทั่วไป?ฉินฮั่นหยางเผยสีหน้าดูแคลนในสายตาของเขา มีเพียงสำบัณฑิตเท่านั้นที่เป็นตัวแทนแห่งสัจธรรมสูงสุดของฟ้าดินส่วนเหตุผลอื่นๆล้วนเป็นความคิดนอกรีต ไร้ค่า!อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่อยู่ในที่นั้นต่างเห็นพ้องต้องกัน พยักหน้ารัวๆสำบัณฑิต ช่างไร้เหตุผลเสียจริง ในทางกลับกัน องค์รัชทายาททุกคำพูด ทุกการกระทำ ล้วนสมเหตุสมผลอีกทั้งยังสามารถยกหลักฐานที่ชัดเจนมาแสดงได้ไม่เหมือนสำบัณฑิต ที่เอาแต่ใช้ปากพล่ามไปเรื่อย ไม่มีหลักฐานสักชิ้นเมื่อฉินฮั่นหยางเห็นปฏิกิริยาของชาวบ้าน ก็ขมวดคิ้วแน่น ช่างเป็นพวกโง่เขลา!ถูกหลี่หลงหลินเล่นงานจนตกอยู่ในกำมือ!เดิมที เขายังหวังที่จะยุยงชาวบ้านให้ต่อต้านหลี่หลงหลิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนนี้จะล่มไม่เป็นท่าแน่นอน ฉินฮั่นหยางไม่สนใจในสายตาของเขา ชาวบ้านก็ไม่ต่างจากฝูงสุกร อยากหลอกก็หลอก อยากลวงก็ลวงพวกมวลชนไร้ระเบียบเช่นนี้ ไม่มีผู้นำ ก็ไม่มีทางก่อให้เกิดพายุใหญ่ได้สิ่งสำคัญอยู่ที่ฮ่องเต้ต่างหาก!ฉินฮั่นหยางไม่เคยคิดฝันมาก่อนเมื่อคืนในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา ฮ่องเต้ได้มีพระราชโองการให้สอบสวนคดีทุจริตในการสอบคัด
วันหน้า พวกเขายังจะกุเรื่อง บิดเบือนความจริง และกล่าวร้ายเจ้า!จะส่งกองทัพเข้าปราบปรามหรือ?อย่าแม้แต่จะคิดแค่สวมหมวกทรราชให้เจ้า แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ก็ยังต้องถอยไปสามก้าวเป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า เมื่อคนไร้ยางอายถึงที่สุด ก็ไร้เทียมทาน!หลี่หลงหลินถึงกับพูดไม่ออกทำไมสำนักปราชญ์ในโลกนี้ ถึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้? หรือว่าสำนักปราชญ์ในประวัติศาสตร์ ก็เป็นแบบนี้?มิฉะนั้นแล้ว เหตุใดบัณฑิตถึงถูกด่าว่าเป็นบัณฑิตไร้ประโยชน์ลำดับเก้ากันเล่า?อ้อ ไม่สิ!ข้าก็เป็นเจ้าเก้าเหมือนกัน!“เหอะๆ”หลี่หลงหลินแสยะยิ้มเย็นที่มุมปาก “ฉินฮั่นหยาง เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้หรือ?”ฉินฮั่นหยางนั่งขัดสมาธิบนพื้น หลุบตาลงต่ำเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “องค์รัชทายาท เจ้าจะทำอะไรก็เชิญ ต่อให้ต้องเผชิญคมดาบคมหอก ข้าก็ไม่มีวันขมวดคิ้วแม้แต่นิดเดียว!”หลี่หลงหลินหัวเราะออกมา “เผชิญคมดาบคมหอกงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! แบบนั้นไม่เท่ากับให้เจ้าได้ตายอย่างสบายไปหน่อยหรือ?”พูดจบหลี่หลงหลินไม่แม้แต่จะมองฉินฮั่นหยาง และเหล่าบัณฑิต แต่เดินไปหาชาวบ้าน พูดเสียงกังวาน “พ่อแม่พี่น้อง พวกท่านก็เห็นแล้ว
ไฟโทสะในใจของชาวบ้านปะทุขึ้นราวกับเพลิงลามทุ่ง แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วพวกเขากำหมัดแน่น จ้องมองไปที่ฉินฮั่นหยางและสิบบัณฑิตใหญ่ รวมถึงบัณฑิตจำนวนมาก! ซ่งชิงหลวนทุจริตในการสอบขุนนาง หลักฐานแน่นหนาไม่อาจปฏิเสธแต่ฉินฮั่นหยางยังคงพยายามอย่างหนัก เพื่อล้างความผิดให้เขา! แล้วบัณฑิตเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้ความจริงเลยหรือ?เปล่า!พวกเขาฝ่าฟันศึกษามาเป็นสิบปี อ่านตำราปราชญ์บัณฑิตจนขึ้นใจ เอ่ยคำว่าคุณธรรมและความชอบธรรมอยู่เสมอ แล้วจะไม่เข้าใจเหตุผลเช่นนั้นหรือ?พูดตรงๆก็แค่พวกเดียวกันพวกที่รู้อยู่แก่ใจ แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น!ซ่งชิงหลวนคนเดียว จะผูกขาดการสอบขุนนางได้อย่างไร? ทั้งสำนักปราชญ์ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบ!บัณฑิตเหล่านี้ ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนเปื้อนมลทินกันทั้งนั้น!พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด! “ลุยเลย!”“มาสั่งสอนพวกนักปราชญ์ขี้แพ้นี่กันให้เข็ดหลาบ!”“ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทไม่สะดวกลงมือ งั้นก็ให้พวกเราจัดการเอง!”“ใช่แล้ว พวกกระจอกที่ไม่มีแรงแม้แต่จะจับไก่ จะคิดล้มฟ้าล้มดินหรือ?” “ทุกคน ลุยเลย! ซัดให้หนัก!”ชาวบ้านยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล ตะโกนด่าทอใส่เห
แต่การมีพรสวรรค์ล้ำเลิศและความสามารถโดดเด่น เพียงเท่านี้ก็เพียงพอจะเป็นจักรพรรดิที่ดีได้หรือ?ก็ไม่แน่เสมอไปหรอกสำหรับฮ่องเต้แล้ว ความสามารถไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกรอะไรคือกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกร?ไม่มีใครสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนฮ่องเต้ครองราชย์มาหลายปี สุดท้ายก็ได้ตระหนักถึงแก่นแท้ของมันแท้จริงแล้ว มีเพียงสองคำคือ ใจคน!ผู้ที่ครองใจประชาชนได้ ย่อมครองใต้หล้าได้พูดน่ะง่าย แต่ในความเป็นจริงกลับยากเยี่ยงปีนขึ้นสวรรค์เห็นได้ชัดว่า หลี่หลงหลินมีพรสวรรค์พิเศษในเรื่องนี้ เขาเชี่ยวชาญจนถึงขั้นสูงสุด กุมจิตใจคนไว้ในฝ่ามือได้ ควบคุมเจตจำนงของประชาชนและกระแสความคิดเห็นได้อย่างใจนึกฮ่องเต้หวู่ต้องยอมรับกลยุทธ์จักรพรรดิพิฆาตมังกรของหลี่หลงหลิน เรียนรู้ได้โดยไม่มีผู้ชี้แนะ เป็นลูกศิษย์ที่เก่งกว่าครู ฝีมือเหนือกว่าตนไปแล้วในเวลานี้ความคิดเรื่องสละบัลลังก์เพื่อให้หลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์แทน ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งในใจของฮ่องเต้หวู่เพียงชั่วพริบตา สถานการณ์ก็พลิกผันโดยสิ้นเชิง ความขัดแย้งระหว่างสำนักปราชญ์และชาวบ้าน กลายเป็นความรุนแรงอ
“นี่...”“ตามกฎแล้ว ควรมีการอภัยโทษทั่วหล้า”ฮ่องเต้พยักหน้าไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งรัชทายาทหรือฮองเฮา ล้วนเป็นเรื่องมงคลใหญ่หลวงการอภัยโทษทั่วแผ่นดินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกปัญหาคือ ฮ่องเต้คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจว่า เจ้าเก้าคิดจะทำอะไรกันแน่แต่ในเมื่อเขาตกลงเล่นละครร่วมกับหลี่หลงหลินแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แค่ตามน้ำไปแล้วพูดต่อก็พอหลี่เทียนฉี่ก็งุนงงเช่นกันนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมหลี่หลงหลินถึงอยากประกาศอภัยโทษทั่วหล้า?หรือเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เลยเลือกที่จะยอมจำนน?นี่เป็นเรื่องดี!เสิ่นชิงโจวถูกขังอยู่ในคุกมาได้สักพักแล้ว ถ้ามีการประกาศอภัยโทษทั่วหล้า เขาจะไม่ได้รับอิสรภาพหรือ?รวมถึงเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลู่จะได้รับการปล่อยตัวจากตำหนักเย็น ฟื้นฟูอิสรภาพหรือไม่?ที่ผ่านมา หลี่เทียนฉี่เกลียดชังหลี่หลงหลินอย่างยิ่ง เขาเชื่อว่าหลี่หลงหลินไร้คุณธรรม ไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาท และยิ่งไม่คู่ควรแก่การขึ้นครองบัลลังก์ ปกครองใต้หล้า!แต่ถ้าหลี่หลงหลินประกาศอภัยโทษทั่วหล้า หลี่เทียนฉี่คงจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน“รัชทายาท”หลี่เทียนฉี่ตื่นเต้นมาก คำเรียกหลี่หลงหลิ
อย่างน้อยก็มอบแผ่นดินต้าเซี่ยอันบริสุทธิ์สะอาดให้แก่เจ้าเก้า เพื่อให้เขาสามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ จักรพรรดิพิโรธ โลหิตหลั่งไหลเป็นทาง ฮ่องเต้หวู่ตัดสินพระทัยแล้วว่าจะขจัดอุปสรรคทั้งปวงเพื่อหลี่หลงหลิน “เสด็จพ่อ” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย “ลูกเองไม่มีความปรารถนาใด เพียงแต่อยากจะขอพรเพื่อปวงประชาในใต้หล้า” น้ำเสียงของเขาไม่ดังนัก แต่กลับชัดเจนแจ่มแจ้ง ราวกับดังก้องอยู่ในหูของทุกคน เหล่าประชาราษฎร์ต่างตกตะลึง ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้ องค์รัชทายาทจะขอพรให้ตัวเองก็แล้วไปเถิด เหตุใดยังจะขอพรเพื่อปวงประชาในใต้หล้าอีก? แล้วจะเลือกพรข้อใดกัน? ดวงตาคู่สวยของซูเฟิ่งหลิงจ้องมองไปยังร่างของหลี่หลงหลินอย่างไม่วางตา คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่? ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “องค์รัชทายาท เจ้าจงกล่าวมาเถิด! ปรารถนาสิ่งใด?” หลี่หลงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงดังกังวานดุจระฆังใบใหญ่ ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน “ยามนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย! ภายนอกมีหมานอี๋จ้องรุกรานแผ่นดินต้าเซี่ยของเรา! ภายในมีขุนนางชั่วขูดรีด รังแกราษฎร” “ราษฎรทุกข์ยากแสนเข็ญ เพียงเพื่อจะมีชีวิตรอดก็ยากเย็นแสนสาหัส
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค