ซูเฟิ่งหลิงยิ้ม “นี่คือยาสมุนไพรหยุนหนาน เป็นยาวิเศษที่องค์รัชทายาททรงคิดค้นขึ้น ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก กระดูกหัก”องค์ชายสามรีบตอบรับคำเขาได้ยินมานานแล้วว่าหลี่หลงหลินมักจะประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีความสามารถด้านการแพทย์ถึงเพียงนี้องค์ชายสามรู้ดีถึงอาการบาดเจ็บของตนเอง มันคืออาการป่วยเรื้อรังเขาพยายามคิดค้นทุกวิถีทาง ส่งยอดฝีมือมากมายไปเสาะหาทั่วหล้ามานานแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่มีทางรักษาให้หายขาด จนกลายเป็นอาการป่วยเรื้อรังองค์ชายสามประสานมือคำนับ “ฝากขอบพระทัยองค์รัชทายาทด้วย”ซูเฟิ่งหลิงยิ้มตอบ “ไม่ต้องขอบคุณ เพราะยานี้ปรุงขึ้นมาเพื่อท่านโดยเฉพาะ”“เพื่อข้าโดยเฉพาะ?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า “วันที่ซีเหลียงได้รับชัยชนะ องค์รัชทายาททรงนึกถึงอาการบาดเจ็บที่ขาของท่าน จึงสั่งให้คนไปปรุงยาพิเศษนี้ที่เขาทิศประจิม”“องค์รัชทายาทตรัสว่าอาการป่วยของท่านยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง หากใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง สามวันให้หลังก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง”แน่นอนว่า ซูเฟิ่งหลิงพูดเกินจริง เพื่อซื้อใจองค์ชายสามให้ภักดีต่อหลี่หลงหลินหลี่เฟิงอวิ๋นตกตะลึง “สามวันก็ห
องค์หญิงใหญ่ดีใจมากที่องค์ชายสามติดกับขอเพียงหลี่เฟิงอวิ๋นและซูเฟิ่งหลิงลงมือต่อสู้กัน ตนเองก็สามารถเข้าแทรกแซงไกล่เกลี่ยได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว แม้จะเริ่มเมามาย แต่นางก็ยังไม่เสียสติสัมปชัญญะฟังออกว่าองค์หญิงใหญ่กำลังยุยงอยู่เบื้องหลังตอนนี้ใกล้วันอภิเษกสมรสหากลงมือทำร้ายองค์ชายสามอีก เรื่องราวแพร่งพรายออกไป จะต้องมีคนฉวยโอกาสก่อเรื่องเกรงว่าจะทำให้เรื่องใหญ่ต้องเสียซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “องค์ชายสาม เกรงว่าจะไม่เหมาะ วันนี้เราต่างก็ดื่มสุรากันไปบ้าง หากลงมือกันจริงๆ เกรงว่าจะคุมกำลังไม่ได้”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ถนัดวิชากระบี่ ไม่อาจชี้แนะองค์ชายสามได้”องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มนางไม่เพียงแต่รู้จักองค์ชายสาม แต่ยังรู้จักผู้ชายดี!ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะใจกว้างเพียงใดก็คงไม่อยากพ่ายแพ้ต่อสตรียิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายคือซีเหลียงอ๋อง หลี่เฟิงอวิ๋น!ผู้กุมอำนาจทางทหาร ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ!ปกป้องบ้านเมือง อุทิศชีวิตให้กับการรบ!เรื่องนี้มักจะถูกแม่ทัพฝ่ายศัตรูนำมาเย้ยหยันในสนามรบแม้แต่เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาก็ยังแอบนำมาล้อเลียนหากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรี
เขาเพียงปรารถนาที่จะสังหารมารในจิตใจ ต่อให้ต้องพ่ายแพ้ต่อซูเฟิ่งหลิงอีกครั้ง เขาก็ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พลางเอ่ยว่า “เชิญ” จากนั้น องค์หญิงใหญ่ก็นำทั้งสองคนไปยังตำหนักข้างๆ นับตั้งแต่ฮองเฮาหลู่ถูกกักบริเวณในตำหนักเย็น ตำหนักใหญ่ๆ อันโอ่อ่าส่วนมากล้วนถูกทิ้งร้าง มีเพียงขันทีและนางกำนัลที่แวะเวียนมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว ภายในตำหนักข้างๆ ว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งของ มีเพียงกระถางธูปสองสามใบวางอยู่ องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ทั้งสองท่านสามารถประลองยุทธ์ที่นี่ได้อย่างเต็มที่ จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้” ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางสังเกตเห็นว่าตำหนักข้างแห่งนี้มีบางอย่างผิดแผกไป แม้ว่าฮองเฮาหลู่จะถูกกักบริเวณในตำหนักเย็นแล้ว แต่สิ่งของในตำหนักเฟิ่งซี ยังมิได้ถูกเคลื่อนย้าย โดยพื้นฐานแล้วยังคงจัดวางตามเดิม ทว่าในตำหนักข้างแห่งนี้ การจัดวางสิ่งของเห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกเคลื่อนย้าย “หรือว่า องค์หญิงใหญ่วางแผนไว้นานแล้วว่าให้พวกเราประลองยุทธ์ที่นี่?” ซูเฟิ่งหลิงครุ่นคิดในใจ หากหลี่หลงหลินอยู่ที่นี่ ย่อมสามารถมองทะลุแ
ภายในตำหนักข้าง ควันธูปไม้จันทน์หอมอ่อนๆ แทรกซึมเข้าสู่ลมหายใจ ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็ถาโถมเข้าใส่ทันที ซูเฟิ่งหลิงใช้มือข้างหนึ่งยันผนังไว้ พยายามจะหนีออกจากห้อง แต่ไม่นาน นางก็พบว่ายิ่งพยายามหนีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นทั่วทั้งร่างก็ทรุดลงนั่งกับพื้น ซูเฟิ่งหลิงจ้องมองหลี่เฟิงอวิ๋นเขม็ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่สำนึกผิด ยังคงมีใจคิดร้าย! อาศัยโอกาสที่จะยุติความบาดหมาง สมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่ ลงมือวางยานาง! ซูเฟิ่งหลิงอยากจะสบถด่าออกมา แต่นางพบว่า ยิ่งสูดดมกลิ่นธูปไม้จันทน์นี้เข้าไป ฤทธิ์ยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น! “ในสุรามีพิษ!” ซูเฟิ่งหลิงตระหนักได้ว่า การนัดหมายครั้งนี้ก็เป็นอุบายตั้งแต่แรกแล้ว องค์หญิงใหญ่วางแผนไว้อย่างแยบยล เพราะกลัวว่าซูเฟิ่งหลิงจะระวังตัว จึงใช้ยาที่มีฤทธิ์สองขั้นตอน! ซูเฟิ่งหลิงเคยได้ยินเรื่องยาชนิดนี้ในยุทธภพ มีชื่อว่าใยรักพันผูก ละลายในสุรา ใช้กลิ่นหอมเป็นตัวกระตุ้น! หากยาออกฤทธิ์ ทั่วร่างจะร้อนรุ่มทรมาน ราวกับมีเส้นใยแห่งรักพันผูกอยู่ทั่วร่าง ยิ่งต่อต้าน เส้นใยรักก็จะยิ่งรัดแน่นขึ้น ซูเฟิ่งห
หลี่เฟิงอวิ๋นพร่ำบอกตัวเองในใจ “ไม่ได้ ไม่ได้เป็นอันขาด จะเอาความปรารถนาส่วนตัว มาทำให้ต้าเซี่ยต้องตกสู่ห้วงเหวแห่งหายนะที่ไม่มีวันฟื้นคืนไม่ได้!” “เพื่อซีเหลียง เพื่อปวงประชา!” หลี่เฟิงอวิ๋นรำลึกถึงความหาญกล้าที่จะเข่นฆ่าศัตรูที่ชายแดนตะวันตก “ความทะเยอทะยาน หิวก็กินเนื้อศัตรู กระหายก็ดื่มเลือดพวกซงหนู!” “นอกซีเหลียงยังมีศัตรูภายนอกอีกมากมายที่ยังไม่ได้กำจัด แผ่นดินต้าเซี่ยยังไม่เป็นปึกแผ่น ข้าจะมาคิดเรื่องเหลวไหลพวกนี้ได้อย่างไร!” ซูเฟิ่งหลิงจ้องมองหลี่เฟิงอวิ๋นเขม็ง มือขวากระชับทวนเล่มยาวไว้แน่น หากหลี่เฟิงอวิ๋นกล้าก้าวเข้ามาอีกแม้เพียงนิด ซูเฟิ่งหลิงก็ไม่ลังเลที่จะแทงทวนทะลุอกเขา! ซูเฟิ่งหลิงตวาด “หลี่เฟิงอวิ๋น ข้าไม่คิดว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!” “บังอาจสมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่ วางกับดักข้า!” หลี่เฟิงอวิ๋นฝืนพยุงร่าง พลางเอ่ย “พระชายาองค์รัชทายาท นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด โปรดฟังข้าอธิบายด้วย” เอ่ยพลาง หลี่เฟิงอวิ๋นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า “อย่าขยับ!” “หากท่านบังอาจก้าวเข้ามาอีกแม้เพียงครึ่งก้าว ข้าจะเอาชีวิตท่าน!” ยอมเป็นหยกแตก ไม่ยอมเป็นกระเบื้องดี! อีกไ
นอกตำหนักเฟิ่งซี ลมหนาวพัดกระหน่ำ หิมะขาวโปรยปราย หิมะก้อนใหญ่เท่าขนนก ตกลงบนชุดเกราะสีดำของเหล่าทหาร กลายเป็นน้ำแข็งในทันที หลี่หลงหลินสวมชุดเกราะสีทอง เดินนำหน้ากองทัพ เหล่าทหารแต่ละนายสวมเกราะ ถืออาวุธครบมือ จัดเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ เดินตามหลังหลี่หลงหลิน! “หยุด!” หลี่หลงหลินยกมือขึ้นเล็กน้อย ขบวนทหารด้านหลังก็หยุดเดินตาม หนิงเซิงมองดูตำหนักเฟิ่งซีเบื้องหน้า อดไม่ได้ที่จะอุทานในความยิ่งใหญ่อลังการ คานและเสาที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง ชายคาที่เชิดโค้งรับกับโครงสร้างไม้ที่สอดประสาน ผนังปูนขาวตัดกับกระเบื้องมุงหลังคาสีเข้ม ทั้งหมดนี้เผยให้เห็นถึงความโอ่อ่าสง่างามแห่งราชวงศ์ เหล่าทหารหยุดอยู่หน้าพระราชวัง รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมา จนต้องตกตะลึงพรึงเพริด หนิงเซิงลงจากหลังม้าอย่างช้าๆ “องค์รัชทายาท ด้านหน้าคือตำหนักเฟิ่งซี” หลี่หลงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หนิงเซิง เจ้าลงจากม้าทำไม?” หนิงเซิงยืนงงงัน แน่นอนว่าต้องลงจากม้าเพื่อเดินเข้าไปในพระราชวัง มิเช่นนั้นจะนำทหารเหล่านี้บุกเข้าไปในตำหนักเฟิ่งซีหรือ? หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย จากนั้
แต่หลอกสายตาของหลี่หลงหลินไม่ได้ ตระกูลซูเข้าวังใช้เพียงเส้นทางเดียว หากซูเฟิ่งหลิงกลับไปจริงๆ ทั้งสองจะต้องพบกันระหว่างทาง! หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเย็น “เหลือเวลาอีกครึ่งก้านธูป” องค์หญิงใหญ่ก้าวเดินอย่างสง่างาม เดินมาตรงหน้าหลี่หลงหลิน จับมือเขาไว้แน่น “องค์รัชทายาท ทำไมข้าพูดอะไรท่านก็ไม่เชื่อ!” “หากไม่เชื่อ ท่านก็เข้ามาดูเองก็ได้” “พระชายาองค์รัชทายาทเป็นคนตัวใหญ่ขนาดนั้น ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ จะไปจับตัวนางไว้ได้อย่างไร?” หลี่หลงหลินก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักหลัก ภายในตำหนักอันโอ่อ่าแต่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ใต้ต้นงิ้วในสวนด้านหลัง มีโต๊ะสุราตั้งอยู่ เก้าอี้สามตัววางกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ด้านบนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ตกลงมาทับถมกันจนหนา ดูออกว่า คนจากไปนานแล้วตามที่องค์หญิงใหญ่กล่าว องค์หญิงใหญ่แสร้งทำเป็นโกรธ “องค์รัชทายาท ท่านคงมาผิดที่แล้ว ต่อให้พระชายาองค์รัชทายาทไม่ได้กลับเรือน ท่านก็ไม่ควรมาลงที่ข้า ข้าหวังดีเชิญนางมาทานอาหาร ตอนนี้กลับทำให้ข้าไม่เหลือความเป็นคนเลย” ยิ่งองค์หญิงใหญ่ทำเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็ยิ่งมั่นใจว่า นางต้องมีแผนการร้ายแน่! ยิ่งไปกว่านั้
“เฟิ่งหลิง!” ร่างของหลี่หลงหลินสั่นสะท้าน สายตาจับจ้องไปยังตำหนักข้าง ปากพึมพำ “ข้าได้ยินเสียงเฟิ่งหลิง! หนิงเซิง เจ้าได้ยินหรือไม่?” หนิงชิงโหวตกตะลึง “องค์รัชทายาท เมื่อครู่เสียงดังจอแจ ข้าไม่ได้สังเกต” ทหารคนสนิทสองสามนายก็ส่ายหน้า “ไม่ถูก!” ดวงตาของหลี่หลงหลินแดงก่ำ ชี้ไปยังตำหนักข้าง “ข้าไม่ได้หูฝาด! ต้องเป็นเสียงของเฟิ่งหลิงแน่นอน! ที่นั่น พวกเจ้าค้นแล้วหรือยัง?” หนิงชิงโหว ยังไม่ทันเอ่ยปาก องค์หญิงใหญ่ก็พุ่งเข้ามา “องค์รัชทายาท ที่นั่นเป็นตำหนักนอนของข้า จะให้ท่านค้นตามอำเภอใจได้อย่างไร? ท่านไม่กลัวเสด็จพ่อจะลงโทษหรือ?” “หลีกไป!” โทสะในร่างของหลี่หลงหลินระเบิดออก เขาผลักองค์หญิงใหญ่ล้มลง แล้วตะโกนก้อง “รีบไปค้น! หากเสด็จพ่อลงโทษ ข้าจะรับผิดชอบเอง!” ขอบตาของเขาแดงก่ำ น้ำตาร้อนผ่าวไหลริน! ยามนี้ ในใจของเขามีเพียงซูเฟิ่งหลิง! เพื่อซูเฟิ่งหลิง! ต่อให้เป็นภูเขาดาบทะเลเพลิง เขาก็ไม่หวาดหวั่น! ต่อให้เป็นถ้ำมังกร รังเสือ เขาก็กล้าบุก! เฟิ่งหลิง เจ้าอย่าได้เป็นอะไรไปนะ! หนิงชิงโหวเห็นหลี่หลงหลินน้ำตาไหลนองหน้า ความตกตะลึงในใจก็ท่วมท้น! ในใจของเขา องค์
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็