ภายในท้องพระโรง เกิดเสียงฮือฮาขึ้น!ผู้ที่องค์ชายเก้าต้องการฟ้องร้องคือ อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน ผู้นำกลุ่มขุนนาง!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ยังตกตะลึง มองไปที่หลี่หลงหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อเจ้าเก้า ข้าให้เจ้าตรวจสอบตู้เหวินยวนก็จริงแต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ เจ้าควรปรึกษากับข้าเป็นการส่วนตัวก่อน!เจ้ามาฟ้องร้องตู้เหวินยวนในราชสำนักโดยตรงเช่นนี้ หากว่าเอาหลักฐานที่แน่ชัดออกมามิได้ จุดจบจะเป็นเช่นไร?ตามสามัญสำนึกแล้วหลี่หลงหลินควรจะเข้าวังมาหารือกับฮ่องเต้หวู่ก่อน เอามาตรการตอบโต้ออกมา แล้วค่อยคิดแผนแต่คำพูดของซูเฟิ่งหลิงได้เตือนหลี่หลงหลิงตู้เหวินยวนมีพรรคพวกมากเกินไป มีอำนาจมากเกินไป!ฮ่องเต้หวู่คิดจะกำจัดตู้เหวินยวนจริงๆ หรือ?อาจจะไม่ก็ได้!เมื่อไหร่ที่ตู้เหวินยวนถูกกำจัด เช่นนั้นกลุ่มขุนนางจะได้รับผลกระทบอย่างหนักสถานะเสาสามต้นของราชสำนัก ชนชั้นสูง ขันที และขุนนาง จะต้องไม่สมดุลนี่เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้หวู่ไม่ต้องการเห็นอย่างแน่นอนดังนั้น ฮ่องเต้หวู่เพียงต้องการใช้โอกาสเอาชนะตู้เหวินยวน ปราบปรามกลุ่มขุนนาง เพื่อรวบรวมอำนาจของฮ่องเต้ให้มั่นคง แต่เขาไม่ได้อยากให้ตู้เหวินยวนตาย!
หรือก็คือว่า เว่ยซวินไม่ใช่คนส่งสมุดบัญชีเล่มนี้มา! แล้วจะเป็นของใครกัน? หลี่หลงหลินกวาดสายตามองเหล่าข้าราชการที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้เหวินยวน พลางขมวดคิ้วมุ่น หรือว่าจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในกลุ่มข้าราชการจริงๆ? ดูเหมือนจะเหลือเพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น! เว่ยซวินเดินก้าวเล็กๆ กลับไปที่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้หวู่ และนำสมุดบัญชีขึ้นถวาย ฮ่องเต้หวู่เปิดสมุดบัญชีด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จริงด้วย! สมุดบัญชีเล่มนี้เป็นของจริง! มีบันทึกการยักยอกเงินชดเชยของตู้เหวินยวน รวมถึงหลักฐานรับสินบนและบิดเบือนความยุติธรรมอื่นๆ! ปัง! ฮ่องเต้หวู่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เตะโต๊ะทรงพระอักษรจนล้ม พร้อมชี้ไปที่จมูกของตู้เหวินยวนและด่ากราด: “เจ้าตู้เหวินยวน! เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี กลับทำผิดกฎหมาย แม้แต่เงินชดเชยก็ยังกล้ายักยอก! มีอะไรอีกบ้างที่เจ้ายังไม่กล้าทำ!” ขุนนางทั้งราชสำนักต่างหน้าถอดสี องค์ชายเก้าไม่ได้พูดแบบลอยๆ งั้นหรือ? เขาหาหลักฐานการทุจริตของตู้เหวินยวนเจอจริงๆ หรือ? เป็นไปได้อย่างไร! พลั่ก! ตู้เหวินยวนคุกเข่าลง แต่ยังคงสงบนิ่ง: “ฝ่าบาท โป
องค์ชายสี่ยอมเสียสละคนในครอบครัวเพื่อความถูกต้อง ออกมายืนยันความผิดของพ่อตาตู้เหวินยวน? ทั่วท้องพระโรงเงียบสงัด ขุนนางทั้งหลายต่างตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตู้เหวินยวนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แล้วหันมองไปที่หลี่จือด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าคนที่ทรยศเขา จะเป็นหลี่จือลูกเขยของเขาเอง! “คราวนี้ยุ่งแล้ว!” สีหน้าของตู้เหวินยวนมืดมนอย่างที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตู้เหวินยวนไว้ใจหลี่จือเป็นอย่างมาก ถึงขนาดยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาด้วย หลี่จือรู้อะไรมากเกินไป แค่เปิดเผยออกมาเพียงไม่กี่เรื่อง ก็สามารถทำให้ตู้เหวินยวนไม่มีทางฟื้นตัวได้อีกตลอดกาลแล้ว! หลี่หลงหลินเองก็ตกใจไม่น้อย แล้วหันมองไปที่หลี่จือด้วยความฉงน พี่สี่ของเขาเกิดมีสำนึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมางั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้! เขาไม่ใช่คนแบบนั้น! ยิ่งไปกว่านั้น การที่พี่สี่หักหลังตู้เหวินยวน จะมีประโยชน์อะไร? หากกลุ่มข้าราชการล่มสลาย เขาก็จะจบเห่ไปด้วย! หลี่หลงหลินค่อนข้างรู้สึกสับสน สถานการณ์ตอนนี้ ชักจะมองไม่ออกแล้วว่ามันจะไปทางไหน! ฃฮ่องเต้หวู่เองก็ตกใจไม่น้อย สายตาจ้องไปที่หลี่จือ”เจ้
หลี่จือหัวเราะเสียงดังลั่น ขณะเดินออกจากท้องพระโรง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ: “เจ้าเก้า เจ้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น! ต่อจากนี้ จงดูข้าแสดงฝีมือให้เต็มที่เถิด!” หมากตัวหนึ่ง! หลี่หลงหลินเหมือนถูกฟ้าผ่าฟาด ยืนนิ่งอยู่กับที่ ความรู้สึกไร้พลังที่ห่างหายมานานถ่าโถมเข้ามาอีกครั้ง! หากข้าเป็นเพียงหมาก... แล้วใครกันคือผู้เล่น? ...... ณ คุกหลวง ตู้เหวินยวนตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือองค์ชายสี่หลี่จือ “ไอ้สารเลว!” “เจ้ากล้าทรยศข้า!” “เจ้าหมาป่าไม่รู้จักคุณคน!” ตู้เหวินยวนโกรธจนตัวสั่น จ้องหลี่จือตาเขม็งพร้อมกับด่าทออย่างเดือดดาล สิ่งที่ตู้เหวินยวนเกลียดที่สุด ไม่ใช่หลี่หลงหลิน แต่เป็นหลี่จือไอ้คนชั่วหยาบช้าไร้ยางอาย! หากตู้เหวินยวนไม่ถูกพันธการไว้จนขยับไม่ได้ เขาคงกระโจนเข้าไปสู้กับหลี่จือนานแล้ว! หลี่จือนั่งลงบนเก้าอี้อย่างใจเย็น รินชาถ้วยหนึ่งและจิบเบาๆ: “ท่านพ่อตา อย่าเพิ่งโมโห! ข้าไม่ได้ทรยศท่าน แต่กำลังช่วยท่านต่างหาก!” ตู้เหวินยวนหัวเราะเยาะ: “การแทงข้างหลัง แล้วซ้ำเติมคนอื่น นับเป็นการช่วยหรือ?” หลี่จือถอนหายใจ: “ท่านพ่อตา ท่านชาญฉลาด
สำหรับชาวบ้านทั่วไป การหย่าภรรยาไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงมีหนังสือหย่าก็เพียงพอ แต่สำหรับตระกูลชนชั้นแล้ว กลับไม่สามารถทำได้ง่ายเช่นนั้น เจ้าบอกบอกว่าจะหย่าก็หย่าได้เลยหรือ? หน้าตาของบ้านฝ่ายหญิงเล่าไม่สำคัญหรือ? ดังนั้น หากตระกูลชนชั้นสูงต้องการหย่าภรรยา จำเป็นต้องมีลายลงนามของคนในครอบครัวฝ่ายหญิงในเอกสารหย่า เพื่อแสดงว่าฝ่ายหญิงมีความผิดในด้านคุณธรรมบางประการ หากครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ลงนามชื่อ แต่ฝ่ายชายดึงดันและยืนยันที่จะหย่ากับภรรยา จะถูกตำหนิว่าทรยศและถูกสาปแช่ง ชื่อเสียงจะย่อยยับไม่มีชิ้นดี แม้แต่หลี่จือในฐานะองค์ชายก็ไม่อาจแบกรับได้! ตู้เหวินยวนไม่เคยคิดเลยว่า หลี่จือจะโหดเหี้ยมถึงขั้นต้องการหย่ากับบุตรสาวของตน! “เจ้า เจ้า เจ้า ...” ช”เจ้า เจ้าคนเนรคุณ เจ้าคนไม่มีความรับผิดชอบ!” “คิดจะให้ข้าลงนามในเอกสารหย่าหรือ? ฝันไปเถอะ!” ตู้เหวินยวนตื่นตะลึง ดวงตาจ้องมองหลี่จืออย่างแน่นิ่ง หลี่จือหัวเราะ “ท่านพ่อตา ตอนนี้ท่านเป็นเพียงนักโทษ! ข้าจำเป็นต้องตัดขาดกับท่าน ถึงจะช่วยท่านออกมาได้อย่างสะดวกไม่ใช่หรือ?” ตู้เหวินยวนชะงัก มันก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
ในโถงใหญ่ หลี่จือจิบชาอย่างช้า ๆ มองดูบรรดาขุนนางทั้งหลายด้วยรอยยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “พวกท่านวางใจได้! ในสมุดบัญชีมีเพียงหลักฐานความผิดของตู้เหวินยวนเท่านั้น! ต่อให้เจ้าเก้าตรวจสอบ ก็ไม่มีทางสาวถึงตัวพวกท่านได้!” “แต่ว่า...” “ตู้เหวินยวนล่มแล้ว แต่กลุ่มข้าราชการจะล่มไม่ได้!” “นี่ก็เป็นพระประสงค์ของเสด็จพ่อเช่นกัน!” “พวกท่านเข้าใจหรือไม่?” เหล่าขุนนางต่างรู้สึกสะดุ้ง ก็จริงอย่างที่ว่านั่นแหละ หากกลุ่มข้าราชการล่มลง เช่นนั้น สถานการณ์ในราชสำนักก็จะเสียสมดุล เมื่อถึงตอนนั้น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ฮ่องเต้หวู่เองก็ไม่ต้องการให้ราชสำนักปั่นป่วนมากเกินไป หลี่จือกล่าวต่อว่า “การล่มสลายของตู้เหวินยวนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! แผ่นดินย่อมไม่ไร้จักรพรรดิ กลุ่มข้าราชการก็ไม่ควรเป็นกลุ่มมังกรไร้หัว! พวกท่านเข้าใจหรือไม่?” บรรดาขุนนางหันมองหน้ากันไปมา คำพูดนี้ขององค์ชายสี่หมายความว่าอย่างไร? กลุ่มมังกรไม่ควรไร้หัว? หรือเขาต้องการเข้ามารับหน้าที่แทนตู้เหวินยวนและควบคุมกลุ่มข้าราชการ? แม้กลุ่มข้าราชการจะสนับสนุนหลี่จือมาโดยต
การประชุมในราชสำนัก ในท้องพระโรงที่หรูหรางดงาม บรรดาขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างอย่างสงบเสงี่ยม ฮ่องเต้หวู่ผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาช้า ประทับบนบัลลังก์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด องค์ชายเก้าหาได้มาเข้าเฝ้าไม่ ส่วนองค์ชายสี่กลับมาปรากฏตัว นอกจากขุนนางชั้นผู้ใหญ่แล้ว ในท้องพระโรงวันนี้ยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคน คือ เซียวเซวียนเช่อราชครูแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ และเซียวเม่ยเอ๋อร์องค์หญิงแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ฮ่องเต้หวู่ทรงโกรธมาก และมองไปที่ทั้งสองคนพร้อมกับกล่าวว่า“เราบอกแล้วใช่หรือไม่ว่า ภายในสามวัน พวกเจ้าต้องออกจากเมืองหลวง! เราไม่อยากเห็นหน้าพวกเจ้าอีก! พวกเจ้าเป็นคนหูหนวกหรืออย่างไร?” เซียวเซวียนเช่อกล่าวอย่างไม่หวั่นเกรง “ทูลฝ่าบาท ทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้รับบาดเจ็บที่ภูเขาประจิม พระองค์ทรงเห็นกับตา! ข้าก็อยากจะออกไป แต่ไม่อาจทำได้” ฮ่องเต้หวู่ไม่พอพระทัยยิ่งขึ้น เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ถ้าออกไปไม่ได้ ก็ไปอยู่เงียบ ๆ ในกรมพิธีการทูตเสีย! มาที่ท้องพระโรงทำไม?” ความอดทนของพระองค์ต่อชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั้นใกล้ถึ
ครั้งนี้ฮ่องเต้หวู่โกรธจริงๆ! ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเจ้าสี่หมดไปอย่างสิ้นเชิง! เหล่าขุนนางพากันมองหน้ากันอย่างลังเล ในสถานการณ์นี้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังจากที่ตู้เหวินยวนล่มสลายลง องค์ชายสี่ก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มข้าราชการ ตามหลักการแล้ว เหล่าขุนนางควรจะออกมาสนับสนุนองค์ชายสี่ แต่พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี การที่องค์ชายสี่ขอเซียวเม่ยเอ๋อร์แต่งงานนั้น เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง! ไม่เพียงแต่ฝ่าบาทจะไม่เห็นด้วย และยังเป็นการทำสิ่งที่ขัดต่อความถูกต้องที่สุดในใต้หล้า! ประชาชนในใต้หล้าย่อมไม่อาจยอมรับได้! เหล่าขุนนางล้วนเป็นผู้มีปัญญาเลิศล้ำ แต่ถึงกับคิดไม่ออกว่าจะใช้มุมไหนช่วยล้างภาพองค์ชายสี่ให้ดูดีขึ้นได้ เซียวเซวียนเช่อหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ข่าวสำคัญข่าวหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรจะกราบทูลหรือไม่” ฮ่องเต้หวู่ที่หมดความอดทนแล้วพูดขึ้นว่า “พูดมาเถอะ! แต่อย่าหวังว่าข้าจะเปลี่ยนใจ ต่อให้เจ้าพูดอะไรมาก็เถอะ ข้าก็จะไม่มีวันเห็นด้วยกับการแต่งงานของเจ้าสี่กับเซียวเม่ยเอ๋อร์!” เซียวเซวียนเช่อหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท อย่าเพิ่งกล่าวคำที่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค