หลี่หลงหลินแอบเหลือบมองกงซูหว่าน และพบว่าการแสดงออกของหญิงงามบนภูเขาน้ำแข็งนี้เย็นชากว่าน้ำแข็งหนาอายุพันปีเสียอีก ทำจนเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เห็นได้ชัดว่า แม่กุญแจหลู่ปันนี้ซ่อนสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยันของสำนักโม่ไว้ ซึ่งนี่เป็นความลับของสะใภ้รอง แต่ความลับนี้ถูกตนทําลายโดยไม่ได้ตั้งใจ บรรลัยแล้ว! หลี่หลงหลินแสร้งทําเป็นสงบ: “ แม่กุญแจหลู่ปัน เป็นแค่ของให้คนเล่นไม่ใช่หรือ? ดูความตระหนี่ของพวกเจ้าสิ! ข้าไม่ได้ทำมันพัง ประกอบกลับไปก็เหมือนเดิมแล้วไม่ใช่หรือ?” กงซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย: “ ประกอบกลับไปหรือ? แม่กุญแจที่ปราดเปรื่องและวิจิตรงดงามนี้ เป็นของเล่นที่บรรพบุรุษของข้าคิดค้น การแกะออกไม่ใช่เรื่องง่าย การประกอบกลับไปยิ่งยากกว่า! เจ้าแค่พูดว่าจะประกอบกลับ ก็ประกอบกลับไป” อย่างไรก็ตาม ซูกงหว่านยังไม่ทันพูดจบ เรียวนิ้วของหลี่หลงหลินก็ขยับราวกับโบยบิน เขาประกอบแม่กุญแจหลู่ปันกลับไปอยู่ในสภาพเดิม แม้แต่จี้หยกก็ใส่กลับคืนไปได้ “เสร็จแล้ว!” หลี่หลงหลินยื่นแม่กุญแจหลู่ปันให้กับกงซูหว่าน: “ เจ้าตรวจสอบดูได้!” กงซูหว่านหยิบแม่กุญแจหลู่ปันและตรวจสอบอย่างละเอียด จนน
ประณีตยิ่งกว่าเนรมิต ตื่นตะลึงไปจนถึงเทพสวรรค์! คำวิจารณ์แปดคำนี้ของกงซูหว่าน พูดได้เลยว่าเป็นการพูดเกิดจริง! ซูเฟิ่งหลิงดวงตาเบิกกว้าง: “ สะใภ้รอง เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่? ก็แค่เครื่องทอผ้าที่เครื่องหนึ่งไม่ใช่หรือ คู่ควรกับคำวิจารณ์ที่สูงส่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” กงซูหว่านส่ายหัว: “ น้องหญิง เจ้าไม่เข้าใจ! นี่ไม่ใช่แค่เครื่องทอผ้าธรรมดา การออกแบบมีความซับซ้อนและน่าทึ่งมาก! จากการประมาณการเบื้องต้นของข้า ประสิทธิภาพการทอผ้าสามารถเพิ่มได้สูงขึ้นอย่างน้อยห้าเท่าหรือมากกว่านั้น!” ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก เครื่องทอผ้าธรรมดาทอผ้าได้หนึ่งผืน ใช้เครื่องทอผ้านี้สามารถทอผ้าได้ห้าผืนเลยหรือ! นี่มันแนวคิดอะไรกัน? ไม่ใช่แค่ตระกูลซูเท่านั้นที่ได้สร้างโชคลาภ หากเครื่องทอผ้าเช่นนี้ได้รับความนิยม ทั้งต้าเซี่ยก็จะเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ! หลี่หลงหลินมองใบหน้าสวยของกงซูหว่าน และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ สะใภ้รองสมแล้วที่เป็นทายาทของหลู่ปัน รู้จักของจริงๆ!” กงซูหว่านเหลือบมองไปที่หลี่หลงหลิน แต่ยังคงมีท่าทางเย็นชา: “ เจ้าไม่จําเป็นต้องสอพลอข้า! บอกข้ามาว่าใครเป็นคนวาดภาพนี้? ข้า
หลี่หลงหลินเดินออกไปไกลแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ราวกับมีแสงแทงเสียดแผ่นหลัง เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็พบว่ากงซูหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็กำลังจ้องมองมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าค่อนข้างเหม่อลอย “สะใภ้รอง เจ้ายังมีอะไรอีกหรือไม่” หลี่หลงหลินที่ถูกกงซูหว่านจ้องมองจนขนหัวลุก เปิดปากเอ่ยถาม กงซูหว่านไม่ตอบ ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อขึ้น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเข้าไปในเรือน แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา “บุคลิกของสะใภ้รองช่างน่าประหลาดจริงๆ!” หลี่หลงหลินเกาหัวด้วยความงุนงง ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเยาะเย้ย: “ ผู้ชายเหม็นอย่างท่าน คิดว่าตนฉลาด ในความเป็นจริงก็เป็นแค่คนไม่ได้ความ!” หลี่หลงหลินไม่พอใจมาก: “ไม่ว่าข้าจะเขลาแค่ไหน ข้าก็ฉลาดกว่าเสืออย่างเจ้า!” “ถุย!” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยด้วยอย่างลำพองตน: “ท่านฉลาดกับผีอะไรกัน! สะใภ้รองเย็นชากับทุกคน นางไม่สนใจใครเลย มีเพียงสายตาที่มองท่านเท่านั้นที่แตกต่างออกไป! หรือท่านยังมองไม่ออกว่านี่เป็นเพราะอะไร?” หลี่หลงหลินถามอย่างสงสัย “เป็นเพราะอะไรหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างจริงจัง: “สะใภ้รองชอบคนฉลาด นางต้องตาท่านไงเล่า! ท่านคงไม่คิดหรอกนะว
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “พี่สะใภ้ท่านไม่ต้องกังวล ซูเฟิ่งหลิงดื่มไปเยอะมาก ตอนนี้นางหลับอย่างกับหมูตาย! นางไม่มีทางรู้ว่าข้ามาหาท่านในยามดึกเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีทางที่จะหึงด้วย!” ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมุ่น: “น้องหญิงไม่รู้? นั่นก็ยิ่งยุ่งยากแล้ว! ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยเถอะ” หญิงม่ายมักดึงดูดผู้คนให้มาสนใจ ดึกดื่นเที่ยงคืน ชายเปลี่ยวหญิงม่าย แม้ว่าลั่วอวี้จู๋จะมีสํานึกรู้ชอบ แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความสงสัย หากมีข่าวลือใด ๆ แพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ลั่วอวี้จู๋เท่านั้น แต่ชื่อเสียงของตระกูลซูก็จะถูกทําลายลงไปด้วย หลี่หลงหลินมองเห็นความกังวลของลั่วอวี้จู๋ จึงเอ่ยว่า “ตอนนี้ ในตระกูลซูมีข้าผู้เดียวที่เป็นผู้ชาย! มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจริงๆ! ข้าเองก็กลัวว่าซูเฟิ่งหลิงจะหึง ข้าเลยมาขอคําชี้แนะจากพี่สะใภ้” “นอกจากสะใภ้รองแล้ว ข้ายังมีพี่สะใภ้อีกกี่คน” “พวกนางล้วนอยู่ในเรือนหรือไม่?” ทันใดนั้นสีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลั่วอวี้จู๋: “ที่แท้ ท่านก็อยากมาถามเรื่องนี้หรือ! ท่านก็พูดมีเหตุผล จำเป็นต้องให้ท่านได้รู้สถานการณ์พื้นฐานของตระกลูซู เพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดความเข้าใ
ช่างน่าสังเวชจริงๆ! จู่ๆ หลี่หลงหลินก็รู้สึกว่า การเป็นฮ่องเต้แม้แต่การนอนขี้เกียจยังทำไม่ได้ มีอะไรให้น่าสนใจกัน? ยังสู้เป็นองค์ชายที่เอ้อระเหยลอยชายที่วันๆเอาแต่เข้าหอนางโลม ฟังเพลงชมละคร เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิตไม่ได้เลย ภายใต้การดูแลของสาวใช้ หลี่หลงหลินสวมเสื้อผ้า และหลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว เขาก็เดินไปทั่วจวนสกุลซู วันนี้จวนสกุลซูเงียบเป็นพิเศษ หลี่หลงหลินต้องถามสาวใช้ถึงได้รู้ ซูเฟิ่งหลิงนําทหารที่รอดชีวิต ไปตัดต้นไม้ที่ภูเขาทิศประจิม ยังไม่กลับมา ลั่วอวี้จู๋ออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว นางไปซื้อร้านค้าต่อตามคําสั่งของหลี่หลงหลิน แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่อยู่เรือน นางไปที่วัดเพื่อจุดธูปไหว้พระ ส่วนสะใภ้รอง นางกําลังยุ่งอยู่กับการทําเครื่องทอผ้า ไม่ออกจากประตูใหญ่ไม่เข้าใกล้ประตูรอง ทั่วทั้งตระกูลซู มีผู้เกียจคร้านเพียงคนเดียวคือหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้ใช้ชีวิตอย่างว่างงานในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ เขาดินไปถึงหน้าหอริมน้ำอันโอ่อ่าสง่างามโดยไม่รู้ตัว “ที่นี่คือที่ไหนอีกเนี่ย?” หลี่หลงหลินพบว่าจวนส
ความงามเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินชื่อนี้ เขาก็จําได้ทันที มิน่าหล่ะเขาถึงได้รู้สึกว่าชื่อหลิ่วหรูเยียนนั้นช่างคุ้นหูนัก ที่แท้ ก็เป็นนางคณิกาของสำนักการสังคีต! อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนหลี่หลงหลินก็เคยได้ยินมาว่าหลิ่วหรูเยียนนั้นงดงามแค่ไหน นางเป็นความงามที่หาได้ยากในโลกนี้ แต่เขากลับไม่เคยเห็นนางกับตาตัวเองสักครั้ง เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเขาไม่คู่ควร! แม้ว่าหลิ่วหรูเยียนจะเป็นนางคณิกา แต่นางก็เป็นนางคณิกาที่ไม่รับแขก นางเป็นประเภทที่ขายศิลปะไม่ขายร่างกาย นางเชี่ยวชาญด้านพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน และเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อย ลูกผู้ลากมากดีในเมืองหลวง ล้วนหลงใหลหลิ่วหรูเยียนจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครก็ตามอยากยลโฉมหลิ่วหรูเยียน อยากดื่มสุราสักจอก อยากพูดคุยสักหนึ่งประโยค ล้วนต้องโอ้อวดเงินทุน แต่ใช่ว่าใครที่ไหนก็สามารถเจอหลิ่วหรูเยียนได้ ดังคำกล่าวที่ว่า บุรุษผู้มีความสามารถคู่ควรกับโฉมงาม หลิ่วหรูเยียนมีความสามารถ ย่อมหยิ่งผยองเป็นธรรมดา หากอยากเจอนาง ไม่ว่าจะโยนเงินไปมากแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์! มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือแต่ง
แต่โบราณมาหญิงงามมักมีชะตากรรมเลวร้าย หลิ่วหรูเยียนคือตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เป็นหญิงสาวที่น่าสงสารมาก สำนักการสังคีตเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มมาหาความสำราญ แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว มันคือ นรก โดยเฉพาะหลิ่วหรูเยียนหญิงงามที่ไร้คู่เปรียบเทียบ ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มมากแค่ไหนที่หมายปองในตัวนาง ไม่ง่ายเลยสำหรับนางที่ต้องรอคอยชายอันเป็นที่รัก แต่แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน พี่ชายสี่ของตระกูลซูก็ต้องจบชีวิตในสนามรบ ซ้ำแล้ว นางยังถูกครอบครัวสามีรังเกียจ และกําลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน ในสายตาของเหล่าผู้ชาย หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป หากนางกลับไปที่สำนักการสังคีต นางจะไม่สามารถเป็นหญิงงามที่ขายศิลปะไม่ขายตัวได้อีกต่อไป และนางเหลือเพียงหนทางเดียวคือขายเรือนร่าง! ชะตากรรมอันน่าสลดของนาง แค่คิดก็รู้แล้ว! หลี่หลงหลินเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของหลิ่วหรูเยียนอย่างสุดซึ้ง ถ้าเป็นไปได้ หลี่หลงหลินก็อยากช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเช่นกัน เขาทนไม่ได้จริงๆที่จะเห็นหญิงสาวอย่างหลิ่วหรูเยียน ต้องตกนรกอีกครั้ง! เวลาผ่า
หลิ่วหรูเยียน เมื่อหลี่หลงหลินพูดชื่อนี้ขึ้นมา บรรยากาศที่เคยคึกคักในจวนสกุลซูก็เงียบสงัดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของทุกคนไม่ได้แสดงความประหลาดใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮูหยินผู้เฒ่าซู นางเอ่ยเสียงสั่นด้วยความโกรธ: “ องค์ชายเก้า หลิ่วหรูเยียนไม่ใช่คนตระกูลซู ท่านห้ามเรียกนางว่าพี่สะใภ้สี่!” หลี่หลงหลินแสดงอาการพูดไม่ออก ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายใหญ่กว่าที่เขาคิด! ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว: “องค์ชาย ผู้หญิงที่เย็บปักถักร้อยเป็นในใต้หล้านี้มีอยู่ทุกที่! เหตุใดท่านต้องเรียกหลิ่วหรูเยียนมา ทำให้ทุกคนเสียอารมณ์?” หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อยและอธิบายว่า: “ พี่สะใภ้ เครื่องทอผ้าที่ข้าคิดค้นนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ! ถ้ามีข่าวรั่วไหลออกไป เกรงว่าแผนการทำเงินของเราอาจจะพังลง!” “ไม่ว่ายังไง หลิ่วหรูเยียนก็ถือเป็นคนในครอบครัว น่าเชื่อถือกว่าคนนอก” ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า” องค์ชาย ท่านพูดมีเหตุผล ถ้าเครื่องทอผ้าเครื่องนี้ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นห้าเท่าจริง เช่นนั้นธุรกิจผ้าในเมืองหลวงนี้ก็จะพลิกจากฝ่ามือเป็นหลังมือแล้ว !” “ถ้าข่าวรั่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค