ความเห็นนี้ของลั่วอวี้จู๋ กลับไม่ถือว่าเป็นความผิดช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ก็คือช่วงเวลาที่ราคาข้าวต่ำที่สุดของปีปีหน้ากองทัพสกุลซู จะต้องจัดทัพ ออกไปปราบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือทหารม้าไม่เคลื่อนไหว ธัญพืชเดินทางไปก่อนแม้พูดว่าธัญพืชเป็นความรับผิดชอบของราชสำนักแต่ตนเองเตรียมตัวล่วงหน้า เตรียมการให้พรักพร้อมก่อนเวลา ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร!อย่างไรเสียราชสำนักในเวลานี้ แม้แต่เงินชดเชยของเหล่าทหารก็ไม่สามารถแจกจ่ายได้ ไม่อาจพึ่งพาได้อย่างแท้จริง!“ช้าก่อน!”จู่ๆ หลี่หลงหลินก็กระตือรือร้นขึ้นมา จับมือหยกบอบบางของลั่วอวี้จู๋ไว้แน่นใบหน้าอ่อนโยนของลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ พูดเสียงค่อย “องค์ชาย ท่านกำลังทำอะไร? รีบปล่อยเร็วเข้า! ถูกคนอื่นเห็นจะไม่ดี!”หลี่หลงหลินรู้ว่าตนเองเสียอาการไป รีบคลายมือลั่วอวี้จู๋ออก “พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไร? สามารถพูดอีกครั้งได้หรือไม่ สำคัญมากนัก!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว “ข้าเองก็ไม่ได้พูดอะไรพิเศษ พูดว่าพวกเราน่าจะกักตุนธัญพืช”หลี่หลงหลินรีบพูด “ประโยคก่อนหน้า...”ลั่วอวี้จู๋ใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ข้าพูดว่าระยะนี้ธัญพืชขึ้
“พอดี พวกเขาปล้นทองเหลืองเงินขาวมากมายที่แดนเหนือ ยังมีเงินอีกด้วย!”“แน่นอนว่าต้องคิดหาหนทาง นำเงินทองชุดนี้เข้ามา ไปซื้อธัญพืช!”สีหน้าลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงพรึงเพริด “คณะทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ? ท่านหมายความว่า พวกเขาใช้คณะทูตปิดบัง นำทรัพย์สินที่ปล้นจากแดนเหนือ ทั้งหมดขนส่งมายังต้าเซี่ยเพื่อซื้อธัญพืช?”หลี่หลงหลินพยักหน้า เปล่งเสียงเครียด “นี่ก็คือภารกิจที่แท้จริงของคณะทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! เพื่อทำให้ภารกิจนี้สำเร็จ พวกเขาจะต้องทำทุกวิธี อยู่ที่ต้าเซี่ยไม่ยอมจากไป!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงพรึงเพริดจนไม่มีอะไรให้พูดเสริมอีก ดวงตาเบิกกว้างเดิมทีต้าเซี่ยก็ขาดแคลนธัญพืช!กอปรกับมีผู้ลี้ภัยมาจากแดนเหนือหนึ่งแสนคน ต่อให้รวมธัญพืชทั้งหมดแล้ว ก็ยังกระเบียดกระเสียรหนัก ไม่หิวตายก็ไม่เลวแล้ว!ในช่วงเวลาสำคัญนี้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือถึงขั้นอ้างการแต่งงาน แท้จริงแล้วเพื่อมาซื้อธัญพืชธัญพืชปริมาณมาก เข้าสู่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเช่นนั้นต้าเซี่ยจะทำเยี่ยงไร?จะต้องมีคนมากมายหิวตาย!คนหิวตายมากมายนับหมื่นลี้ แลกลูกประทังชีวิต ไม่ใช่เรื่องเกินจริง!น่าแค้นใจที่สุดคื
ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว ใคร่ครวญครู่หนึ่ง พยักหน้าเห็นด้วยถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลิน ไม่ใช่กำลังทำให้คนตกใจหากราชสำนักเข้าร่วมด้วย ตรงข้ามกันอาจเกิดความโกลาหลชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะฉวยโอกาสนี้ก่อความไม่สงบ ดึงราคาธัญพืชให้สูงขึ้นราษฎร์ซื้อธัญพืชราคาสูงไม่ไหว เว้นเสียแต่ก่อกบฏแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นลั่วอวี้จู๋พูดเสียงสั่น “เช่น...เช่นนั้นพวกเราจะทำเยี่ยงไร? หรือว่า ทำได้เพียงรอความตาย? รอดูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก่อความไม่สงบ ขโมยธัญพืชของต้าเซี่ยไป?”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “ไม่! ที่พวกเราต้องทำนั้นง่ายมาก! นำเงินทุนทั้งหมดของภูเขาทิศประจิมออกมา ช่วงชิงธัญพืชกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”ลั่วอวี้จู๋ลังเลอยู่บ้าง “องค์ชายเก้า ทำเช่นนี้ จะได้แน่หรือ? หรือว่า จะไม่ทำให้ราคาธัญพืชสูงขึ้น?”หลี่หลงหลินมั่นใจมาก พูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่วางใจเถอะ! ทำตามคำสั่งข้า พวกเราจะต้องชนะ! จำไว้ นี่คือสงครามการแย่งชิง!”ร่างอรชรของลั่วอวี้จู๋สั่นสะท้าน สีหน้าเคร่งขรึมไม่ผิด!นี่คือสงครามการแย่งชิง!การค้าดุจสนามรบยิ่งไปกว่านั้นยังเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของราษฎร์มากมายในต้าเซี่ย!จะต
ฮ่องเต้หวู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “รับซื้อธัญพืชก็คือก่อกบฏ! เช่นนั้นคนทั่วหล้า ยังจะมีคนดีอยู่อีกหรือ! ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเก้าพูดกับเราตั้งแต่แรกแล้ว วางแผนกักตุนธัญพืชและหญ้า ปีหน้าจะไปปราบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”“เจ้าเก้านี่คือกำลังขจัดความกังวลแทนเรา!”เว่ยซวินไม่พูดมากอีก โค้งคำนับ “กระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ!”อย่างไรเสียผู้ตรวจการก็เป็นขุนนางบุ๋น ปลดออกหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับขันทีคนหนึ่งอย่างข้ากันเล่า?แท้จริงแล้ว เว่ยซวินอยากปลดผู้ตรวจการออกอีกสองสามคนด้วยซ้ำหลีกเลี่ยงมิให้พวกเขาเป็นแมลงวัน ส่งเสียงหึ่งๆ ทั้งวัน ซ้ายก็พูดว่าสุนัขถูกตอน ขวาก็พูดว่าขันทีบัดซบ คิดๆ ดูแล้วก็อึดอัดรำคาญใจ.........ณ จวนองค์ชายสี่นับตั้งแต่หลี่จือและเซียวเม่ยเอ๋อร์กำหนดการแต่งงานแล้วคณะทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ย้ายออกจากเสนาบดีกรมพิธีการทูต เข้ามาอยู่ในจวนขององค์ชายสี่อ้างเหตุผลน่าฟัง ทั้งคู่ต้องการสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแท้จริงแล้ว เพราะเสนาบดีกรมพิธีการทูตมีคนมาก เรื่องที่ไม่สามารถทำอย่างเปิดเผยออกมาได้มากมาย ย่อมไม่สะดวกไปทำเทียบกับจวนขององค์ชายสี่แล้ว ปลอดภัยมากก
ล้อรถสั่นสะเทือนรถม้าหรูหรานับสิบกว่าคัน กำลังมุ่งหน้าสู่ภูเขาทิศประจิมเจ้าของร้านแต่ละคนล้วนสวมใส่ผ้าไหม ลงจากรถม้า รวมตัวกันที่ห้องรับแขก สนทนาทักทายปราศรัยกัน“เจ้าของร้านหลี่ เจ้าเองก็มาแล้ว!”“คิกๆ เจ้าของร้านอู๋ พวกเราไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน!”คนเหล่านี้ล้วนเป็นพ่อค้าธัญพืชมีหน้ามีตาในเมืองหลวง ต่างรู้จักกันดีเบื้องหลังของพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ ล้วนมีขุนนางใหญ่ในราชสำนักคุ้มครองอยู่แต่หน้าตาขององค์ชายเก้า พวกเขายังต้องมอบให้เพราะเหตุนี้ พวกเขาได้รับคำเชิญจากภูเขาทิศประจิม ก็รีบเดินทางมาตอนนี้เอง ผู้เฒ่าจิตใจแจ่มใสมีชีวิตชีวา ผมขาวรัศมีไม่ธรรมดา เดินเนิบนาบเข้ามาภายในห้องรับแขกพวกพ่อค้าธัญพืชต่างตกตะลึง ลุกขึ้นโค้งคำนับ “สวี่เหล่า ลมอะไร หอบท่านมาได้เล่า!”“คารวะสวี่เหล่า!”“สวี่เหล่า ร่างกายท่านยังแข็งแรงดีจริงๆ!”พวกพ่อค้าธัญพืชต่างเรียกขานกันว่าเจ้าของร้าน เว้นเสียแต่ผู้เฒ่าท่านนี้ถูกเรียกว่าสวี่เหล่า มองออกถึงความน่าเลื่อมใสและสูงศักดิ์ส่วนสาเหตุนั้น กลับง่ายมากหลังแปดหอการค้าใหญ่ล้มลงแล้วสวี่เหล่าท่านนี้ก็โดดเด่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลายเป็นผู้นำของพวกพ่
“สัญญาหนี้ขององค์ชายเก้า อย่างไรข้าก็ไม่สามารถยอมรับได้!”“พวกเจ้าไปคิดหาวิธีกันเองเถอะ!”พวกพ่อค้าข้าวได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจแล้วสวี่เหล่าได้แสดงความตั้งใจแล้วว่าต้องการจัดการกับองค์ชายเก้าแน่นอนว่าพวกเขาอยากจะยืนข้างสวี่เหล่า!อย่างที่สวี่เหล่าเคยพูดเอาไว้เดิมทีพวกเขาก็ได้กำไรน้อยอยู่แล้ว เงินทุนหมุนเวียนยาก และจำเป็นต้องการเงินสดก้อนใหญ่เพื่อซื้อข้าวใหม่!การทำสัญญาหนี้ พวกเขาไม่มีทางรับได้จริงๆ“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาร่วมแรงร่วมใจกัน หักหน้าองค์ชายเก้าผู้นั้นกันเถอะ!”“ทุกคนเชื่อฟังท่านสวี่เหล่าก็พอแล้ว!”“เบื้องหลังของสวี่เหล่ามีผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลัง! ต่อให้เป็นองค์ชายเก้า ก็ต้องไว้หน้าผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลัง!”พวกพ่อค้าข้าวรวมตัวกันทันทีในเวลานี้ลั่วอวี้จู๋สวมชุดกระโปรงสีขาว ยิ้มอย่างอ่อนโยน เดินมาที่ห้องรับแขก ดวงตาคู่งามนั้นกวาดมองทุกคน “เถ้าแก่ร้านทุกท่าน องค์ชายเก้าเชิญไปพบ! ตามข้ามาเจ้าค่ะ!”เหล่าพ่อค้าข้าวต่างก็มองหน้ากัน ตามหลังลั่วอวี้จู๋ไป เดินผ่านโรงเรียนทหารซีซาน มุ่งหน้าไปยังอาคารสูงบนยอดเขาที่ลานฝึกซูเฟิ่งหลิงกำลังพาเหล่าทหารฝึกซ้อมกันอยู่
หลี่หลงหลินกวาดตามองกลุ่มพ่อค้าข้าว แล้วพูดเข้าประเด็น “ข้าเรียกพวกเจ้ามาเพื่อจะเรียกเก็บข้าว!”เรียกเก็บข้าว?เมื่อเหล่าพ่อค้าข้าวได้ยินอย่างนั้น ก็ตกใจจนหน้าถอดสีอย่างอดไม่ได้ ดูโศกเศร้าราวกับบิดรมารดาตายจากไปไม่ได้ซื้อ?แต่คือเรียกเก็บหรือ!หรือพูดอีกอย่าง พวกเขานั้นค่อนข้างอนุรักษนิยมเกินไป คิดว่าหลี่หลงหลินจะออกสัญญาหนี้!แต่ปรากฏว่า หลี่หลงหลินโหดเหี้ยมกว่านั้น!ต้องการเรียกกลับทันที!แบบนี้ไม่เท่ากับว่าทำการค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยหรือ?ลั่วอวี้จู๋ตกใจมาก ใบหน้างดงามของนางถอดสี “องค์ชายเก้า เจ้าคิดจะปล้นกันอย่างเปิดเผยหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ข้าได้รับพระกฤษฎีกาของเสด็จพ่อ ให้เรียกเก็บข้าวและเบี้ยหวัด ทำไม? ไม่ได้หรือ?”เขาหยิบราชโองการเปล่าของฮ่องเต้ออกมาจากช่องว่าง แล้วโบกไปตรงหน้าพ่อค้าข้าวหลี่หลงหลินขอราชโองการเปล่าของฮ่องเต้มาจากฮ่องเต้หวู่สองฉบับฉบับหนึ่งใช้เพื่อถ่ายทอดราชโองการเท็จ ให้จางไป่เจิงยอมมอบเมืองเพื่อแลกกับการช่วยเหลือเมืองซั่วเป่ยจากวิกฤติหลี่หลงหลินยังเหลืออีกหนึ่งฉบับราชโองการเปล่าของฮ่องเต้นี้ ถ้าใช้มันเป็นป้ายทองเว้นโทษตาย เหรีย
“สวี่เหล่า ท่านดูสิ...”“คนอื่นค้างชำระ ย่อมไม่ได้แน่นอน! คำพูดขององค์ชายเก้า สามารถพิจารณาได้”“ใช่ สวี่เหล่า! องค์ชายเก้าการเก็บข้าว ก็เพื่อแคว้นเพื่อราษฎร...”พวกพ่อค้าข้าวเริ่มหวั่นไหว ก่อนจะพากันพูดว่าสวี่เหล่าเป็นคนสำคัญของพวกเขา ต้องรอให้เขาตัดสินใจก่อน“เฮอะ!”สวี่เหล่าแค่นเสียงเย็นชาในใจ สีหน้าดูแคลน “พวกโง่! ลั่วอวี้จู๋กับหลี่หลงหลินเป็นพวกเดียวกัน พวกเขาสองคนกำลังเล่นละคร หลอกพวกเจ้าอยู่”เบื้องหลังของสวี่เหล่าได้รับการสนับสนุนจากกรมคลัง มีความมั่นใจมากกว่าพ่อค้าข้าวคนอื่นๆเขายืนขึ้น ยกมือขึ้นคำนับกล่าว “องค์ชายเก้า เรื่องค้างชำระ ข้าน้อยขอปฏิเสธ!”สวี่เหล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ จะเรียกตัวเองว่าข้าแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่หลงหลิน เขาไม่กล้าเสแสร้งแบบนี้ กล้าเรียกตัวเองว่าข้าน้อยเท่านั้น“โอ๊ะ?”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว ไม่ตอบ แต่ตบมือเบาๆ เมื่อประตูเปิดออก ซูเฟิ่งหลิงสวมเครื่องแบบทหาร เกราะเหล็กกระทบกันดังขึ้น มือขวากดด้ามดาบ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชาด้านหลังของนางยังมีทหารหลายสิบนายสวมชุดเกราะถืออาวุธเดินเข้ามาอย่างฮึกเหิม“เอ๋?”“นางคือเสือโคร่งผู้นั้น!”
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค