แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนนี้หลี่หลงหลินคือรัชทายาทพระมารดาของรัชทายาทได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมตามธรรมเนียมเหล่าขุนนางที่คัดค้านการแต่งตั้งหลินกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา ล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ไม่มีเหตุผลอันใดเลยฮ่องเต้หวู่ตบมือหัวเราะเสียงดัง “ในเมื่อไม่มีขุนนางคนใดคัดค้าน เช่นนั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้! ส่งราชโองการของข้าออกไป แต่งตั้งองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท พระมารดาหลินกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา! ประกาศให้ทั่วทั้งแผ่นดิน!”เหล่าขุนนางไม่มีทางเลือก ได้แต่คุกเข่าลงและกล่าวว่า “กระหม่อมน้อมรับราชโองการ!”หลังเลิกประชุมฮ่องเต้หวู่เบิกบานใจยิ่งนัก ตรงไปยังตำหนักฉางเล่อทันทีหลินกุ้ยเฟยรีบออกมาต้อนรับที่หน้าประตูตำหนัก“ฝ่าบาท!”“หม่อมฉันได้ยินว่าพระองค์ถูกวางยาพิษ เกือบเอาชีวิตไม่รอด!”“หากพระองค์เป็นอะไรไป หม่อมฉัน...หม่อมฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”หลินกุ้ยเฟยน้ำตาไหลพราก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลฮ่องเต้หวู่หัวเราะ “ข้าสบายดีมิใช่หรือ? เจ้าอย่าร้องไห้เลย! ต่อไปเจ้าต้องเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน ปกครองวังหลัง หากวันๆ เอาแต่ร้องไห้ จะดูไม่สง่างาม”
ฮ่องเต้หวู่โบกมือขันทีก็เดินเรียงแถวเข้ามาทันที แต่ละคนถือกล่องใบเล็กใบใหญ่ ภายในบรรจุหยกและอัญมณีล้ำค่ามากมายหลินฮองเฮาตกตะลึง “ฝ่าบาท นี่พระองค์...”ฮ่องเต้หวู่ลูบเคราแล้วยิ้ม “นี่คือสมบัติที่ข้าได้มาจากท้องพระคลัง มอบให้เจ้า เจ้าจงรับไว้เถิด”หลินฮองเฮาน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง “หม่อมฉันขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทเพคะ”นางเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ ไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมใดๆหากหลี่หลงหลินอยู่ที่นี่ คงอดไม่ได้ที่จะบ่นท้องพระคลัง?เสด็จพ่อ พระองค์ทรงยากจนข้นแค้น ท้องพระคลังไม่มีอะไรเลยสักชิ้น สมบัติมากมายเหล่านี้มาจากไหนกัน?อันที่จริง หยกและอัญมณีล้ำค่าเหล่านี้ ฮ่องเต้หวู่เพิ่งสั่งให้เว่ยซวิน ไปยึดมาจากตำหนักเฟิ่งซีของฮองเฮาหลู่อย่างไรก็ตาม หญิงชั่วร้ายนั่นก็ถูกส่งไปตำหนักเย็นแล้ว ไม่มีวันได้เห็นแสงตะวันอีกหยกและอัญมณีเหล่านี้ หากเก็บไว้ในตำหนักเฟิ่งซี ก็เหมือนไข่มุกที่ถูกกลบฝุ่น เป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์สู้มอบให้หลินฮองเฮาเป็นของขวัญจะดีกว่าแน่นอนว่าสมบัติเหล่านี้ แม้จะเพียงแค่ผ่านท้องพระคลังไปชั่วครู่ ยังไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็ถือว่าเป็นสมบัติของท้องพระคลัง
ฮ่องเต้หวู่ทรงปลื้มปีติและซาบซึ้งตรัสว่า “ฮองเฮา ลำบากเจ้าแล้ว! เจ้าจงอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อไปก่อน รอให้สงครามสงบ ข้าจะสร้างตำหนักหลังใหญ่ให้เจ้า!”หลินฮองเฮาส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่ต้องการตำหนัก! มีเงินสร้างตำหนัก สู้ลดภาษีให้ชาวบ้านจะดีกว่าเพคะ”ฮ่องเต้หวู่ชะงัก ตรัสเสียงหนักแน่น “ฮองเฮา คำพูดของเจ้า ข้าจำไว้แล้ว!”หลินฮองเฮาซบลงบนอกของฮ่องเต้หวู่ พลางกล่าวอีกว่า “แล้วลูกของเราเล่าเพคะ? ตอนนี้เขาเป็นรัชทายาท สมควรจะอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาท แต่หม่อมฉันได้ยินมาว่า ตำหนักองค์รัชทายาทนั้นเก่าทรุดโทรม ไม่สามารถอยู่อาศัยได้แล้ว”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น ถอนหายใจ “ข้าก็กำลังกลุ้มใจเรื่องนี้อยู่”อย่างที่หลินฮองเฮาได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินเป็นเพียงองค์ชาย อาศัยอยู่ที่จวนตระกูลซู เหมือนกับเป็นเขยแต่งเข้า ก็ไม่เป็นไร!แต่ตอนนี้เขาเป็นรัชทายาท จะยังอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลซูได้อย่างไร?หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยจะไม่กลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงหรือ?รัชทายาทย่อมต้องอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาท!แต่ปัญหาก็คืออดีตรัชทายาทหลี่เทียนฉี่ได้ก่อกบฏ ตำหนักอง
ซูเฟิ่งหลิงตะลึงงันนางมัวแต่ดีใจ ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ตนเองเป็นชายารัชทายาท ต้องออกจากจวนตระกูลซู ไปอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทแม้ว่าจวนตระกูลซูกับตำหนักองค์รัชทายาทจะอยู่ไม่ไกล ขี่ม้าไปก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปแต่ตำหนักองค์รัชทายาทก็คือวังหลวงเมื่อเข้าสู่ประตูวัง ก็เหมือนจมลงสู่ทะเลลึกต่อไปหากตนเองอยากจะออกจากวัง มาพบพี่สะใภ้ทั้งหลาย และฮูหยินผู้เฒ่าซู ก็คงจะยากแล้ว!“น้องหญิง!”“ข้าไม่ให้เจ้าไป!”เดิมทีซุนชิงไต้ยังเล่นกับซูเฟิ่งหลิงอยู่ เมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็ร้องไห้โฮออกมาทันที ดึงมือของนางไว้ ไม่ยอมให้ไปกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแน่นอนว่าคนที่ไม่มีความสุขที่สุด ก็คือซูเฟิ่งหลิง“ข้าไปเป็นชายารัชทายาทที่ตำหนักองค์รัชทายาท แล้วท่านย่าจะทำอย่างไร?”“พี่สะใภ้ทั้งหลายไม่ช้าก็เร็วก็ต้องแต่งงานใหม่”“ถึงตอนนั้น ท่านย่าอยู่คนเดียวที่จวนตระกูลซู โดดเดี่ยวเดียวดาย จะทำอย่างไรได้!”ในหัวของซูเฟิ่งหลิงปรากฏภาพฮูหยินผู้เฒ่าซูที่แก่ชราไร้ที่พึ่ง น้ำตาไหลออกมา“ไม่ได้!”“ข้าต้องไปคุยกับหลี่หลงหลิน!”“ไม่ให้เขาไปตำหนักองค์รัชทายาท!”ขณะที่ซูเฟิ
อีกอย่างวังหลวงมีกฎระเบียบมากมาย ตนเองออกจากวังก็มีคนคอยจับตาดู รายงานให้ฮ่องเต้หวู่ทราบไม่มีอิสระเลยสักนิดจะเหมือนกับการอยู่ที่จวนตระกูลซู อยากทำอะไรก็ทำได้อย่างสบายใจที่ไหนกัน“เสด็จพ่อ!”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างชอบธรรม “ลูกไม่เห็นด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ตะลึง “เจ้าไม่อยากอยู่ในตำหนักองค์รัชทายาทหรือ? ทำไม?”หลี่หลงหลินย่อมไม่พูดความจริง ว่าเป็นเพราะต้องการเกลี้ยกล่อมพี่สะใภ้ทั้งหลาย ใช้ความใกล้ชิดให้เป็นประโยชน์เขาเหลือบมองไปรอบๆ หาเหตุผลที่ฟังดูดี “นี่เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย! ภายนอกมีหมานอี๋จ้องโจมตี ภายในมีกบฏคอยก่อกวน! การคลังของราชสำนักก็ย่ำแย่ รายรับไม่พอกับรายจ่าย!”“ในเวลานี้ หากลูกเห็นแก่ความสุขสบายส่วนตัว ก่อสร้างตำหนักใหญ่โต”“จะให้ประชาชนอยู่ตรงไหน?”“จะให้แผ่นดินอยู่ตรงไหน?”ฮ่องเต้หวู่ตกใจ “เจ้าไม่อยากอยู่ในตำหนักองค์รัชทายาท? แล้วเจ้าจะอยู่ที่ไหน?”หลี่หลงหลินกวาดสายตาไปยังซูเฟิ่งหลิง และพี่สะใภ้ทั้งหลายที่งดงามราวกับดอกไม้ พลางยิ้ม “ลูกคิดว่าอยู่ที่จวนตระกูลซูก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”บรรดาสตรีในจวนตระกูลซูได้ยินดังนั้น ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาโดยเฉพาะซูเฟิ่งหลิง กำหมัดท
ขมับของฮ่องเต้หวู่เต้นตุบๆ “ฟังจากที่เจ้าพูด เจ้าก็แค่อยากจะเป็นคนไร้ค่าใช่หรือไม่? แล้วเช่นนี้เจ้าจะเป็นรัชทายาทไปเพื่ออะไร?”หลี่หลงหลินทำหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ พูดพึมพำ “ลูกก็ไม่ได้อยากเป็นรัชทายาทเองเสียหน่อย เห็นชัดๆ ว่าเป็นเสด็จพ่อที่อ้อนวอน ลูกถึงได้ยอมรับอย่างยากลำบาก!”“หรือไม่เช่นนั้น เสด็จพ่อก็ทรงถอนรับสั่งเถิด!”“ลูกเป็นองค์ชายเก้าที่ไร้ค่า ก็ดีอยู่แล้ว!”ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจนแทบคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ “เจ้าจะทำให้ข้าโมโหจนตายเลยใช่หรือไม่? อะไรคือข้าขอให้เจ้าเป็นรัชทายาท ทั้งๆ...”เมื่อตรัสมาถึงตรงนี้ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงชะงัก ตรัสต่อไม่ออกเพราะสิ่งที่หลี่หลงหลินพูดคือความจริงตำแหน่งรัชทายาทนี้เป็นฮ่องเต้หวู่ที่ขอร้องให้เขารับจริงๆ!นี่มันเรื่องอะไรกัน?องค์ชายทั้งแปด แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทกันจนหัวร้างข้างแตก พี่น้องหมางใจกันแต่เจ้าเก้าคนนี้สิ ข้าขอให้เขาเป็นรัชทายาท เขากลับไม่สนใจช่างน่าโมโหนัก!เมื่อเห็นฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้ว หลี่หลงหลินก็ปลอบประโลม “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงคิดให้ดีเถิด ลูกไม่ได้เป็นคนไร้ค่าจริงๆ เสียหน่อย แต่เพื่อประชาชน เพื่อแผ่นดิน จึงต้องแสร้งทำเป็นคนไร้
ฮ่องเต้หวู่ทรงตรัสถามด้วยเสียงสั่นเครือหลี่หลงหลินพยักหน้า กล่าวอย่างหนักแน่น “ใช่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ตรัสต่อ “ถ้าเช่นนั้น หากมีเงิน โรคภัยไข้เจ็บของต้าเซี่ยก็จะหายไป ราชบัลลังก์ของข้าก็จะมั่นคง?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลิน “เจ้าสามารถช่วยข้าหาเงินได้?”หลี่หลงหลินยิ้ม “ใช่พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงยื่นมือออกมา ตบลงบนไหล่ของหลี่หลงหลิน ตรัสอย่างตื่นเต้น “ลูกรัก! เพียงเจ้าหาเงินได้ เช่นนั้นเจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ใช้ชีวิตเหลวแหลกให้เต็มที่เถิด!”หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”อันที่จริง ตั้งแต่แรกเริ่ม หลี่หลงหลินก็คิดแผนนี้ไว้การปกครองบ้านเมือง ช่างเหนื่อยยากเพียงใด!ตื่นแต่เช้ามืด ต้องประชุมทุกวันไม่พอยังต้องตรวจฎีกา ทำงานจนเหนื่อยสายตัวแทบขาดที่สำคัญคือ มีประโยชน์หรือไม่?ฮ่องเต้หวู่ทรงทุ่มเททำงานหนักมาหลายปี ประชุมทุกวัน เหนื่อยแทบตายชาวบ้านก็ยังด่าว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ทรราชมิใช่หรือ?บรรดาองค์ชายทั้งหลายผลัดกันแสดงบทบาท ใครจบการแสดง อีกคนก็ขึ้นเวที ต่างคนต่างคิดจะก่อกบฏกันทั้งนั้นฮ่องเต้หวู่ทรงทำเช่นนี้ ล้
ฮ่องเต้หวู่ทรงมีสีหน้าตกตะลึง จ้องมองหลี่หลงหลินเดิมทีเขาคิดว่า เจ้าเก้าแค่ลุ่มหลงในรูปโฉม อยู่ที่จวนตระกูลซูนานวันเข้า จึงเกิดความรู้สึกดีๆ กับพี่สะใภ้ทั้งหลายนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดามนุษย์มิใช่พืชพรรณ จะไม่มีความรู้สึกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น สตรีในจวนตระกูลซู ล้วนงดงาม มีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่าว่าแต่หลี่หลงหลินแม้แต่ฮ่องเต้หวู่ หากอยู่ใต้ชายคาเดียวกันนานวันเข้า ก็ยากที่จะไม่หวั่นไหวอย่างไรก็ตามก็เป็นเพียงความหวั่นไหว!ชายชาติบุรุษไยต้องกังวลว่าจะไร้ภรรยา?ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ภายภาคหน้าเมื่อได้เป็นฮ่องเต้ จะมีสนมนางในมากมาย จะไม่ได้สตรีใดเชียวหรือ?ไยต้องแต่งงานกับพี่สะใภ้ทั้งหลายด้วย?ดังนั้นฮ่องเต้หวู่จึงคิดว่าเพียงตักเตือน ก็จะทำให้หลี่หลงหลินตาสว่าง กลับตัวกลับใจได้คาดไม่ถึงหลี่หลงหลินจะดื้อรั้นเพียงนี้ ถึงขั้นจะตัดขาดกับเขาเพื่อพี่สะใภ้ทั้งหลาย?“เจ้าเก้า...”“เจ้า... มีใจให้พวกนางจริงๆ หรือ ถึงขั้นจะแต่งงานกับพวกนาง?”ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ทรงกริ้ว ตรัสถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหลี่หลงหลินพยักหน้า น้ำเสียงจริงใจ “เสด็จพ่อ ลูกสัญญากับฮูหยินผู้เฒ่าซู
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค