ณ ภูเขาทิศประจิมนิ้วเรียวยาวดุจหยกของลั่วอวี้จู๋ กำลังดีดลูกคิดอย่างว่องไวนางคิดบัญชีครั้งแล้วครั้งเล่า ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ“พี่สะใภ้ใหญ่!”หลี่หลงหลินเดินเข้ามาด้วยท่าทางเอ้อระเหย พูดยิ้มๆ “ปีนี้ภูเขาทิศประจิมของพวกเราได้กำไรมากน้อยเพียงใด?”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ ยื่นสมุดบัญชีที่คิดไว้ดีแล้วให้หลี่หลงหลิน “ไม่ได้กำไร ยังขาดทุนอีกด้วย...”หลี่หลงหลินตกตะลึงพรึงเพริดนี่เรื่องอะไรกัน?ข้าทำงานหนักมาตลอดทั้งปี เพิ่มรายการมากมายถึงเพียงนั้น มีอย่างใดไม่มีเงินเข้าเป็นกอบเป็นกำทุกวันบ้าง?จะเป็นไปได้เยี่ยงไร?“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคำนวณผิดไปหรือไม่...”หลี่หลงหลินถือสมุดบัญชี ดูอย่างละเอียดไม่ดูก็ไม่รู้ เพียงได้ดูก็ตกตะลึงพรึงเพริดถึงขั้นขาดทุนจริงๆ!ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดทุนไม่น้อย เพียงช่องโหว่ที่ปรากฏขึ้นบนบัญชี ก็มีนับล้านตำลึงแล้วแท้จริงแล้วไม่ว่าเครื่องปั่นด้ายจักรเย็บผ้า ร้านที่ตลาดทิศทักษิณ น้ำตาลทรายขาว รวมถึงสุราเหินเวหา ไปจนถึงการรับสมัครของโรงเรียนทหารซีซาน เหล่านี้ล้วนสามารถหาเงินได้รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพียงพอให้มีเงินมากนับสิบล้านตำลึงแต่ภูเขาทิศประจิมม
เพราะเหตุใดลัทธิขงจื๊ออยู่มานานนับพันปีไม่ล่มสลาย?เพราะเหตุใดกลุ่มขุนนางบุ๋นยั่วยุไปยั่วยุมาในราชสำนัก ฮ่องเต้หวู่กลับไม่สามารถทำอันใดพวกเขาได้?หลายพันปีมานี้ ลัทธิขงจื๊อมีสิทธิ์ในการพูดมาโดยตลอด!หากใครล่วงเกินลัทธิขงจื๊อ นั่นก็จบสิ้นแล้ว!บัณฑิตในใต้หล้า ล้วนเขียนเรียงความ เขียนบทกวีด่าเจ้าต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ห้ามไว้ไม่ได้!หลี่หลงหลินหน้าหนา คำสบถด่าของบัณฑิต เขาฟังหูซ้ายทะลุหูขวาทว่า ครั้งนี้พวกเขาทำเลยเถิดเกินไปแล้ว ถึงขั้นตัดเส้นทางหาเงินของตน?หลี่หลงหลินมิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป!ตัดเส้นทางหาเงิน ดุจฆ่าบิดามารดา!บิดามารดาของหลี่หลงหลินคือฮ่องเต้และฮองเฮาฆ่าฮ่องเต้ฮองเฮา นั่นจะเป็นเช่นไร?ก็คือก่อกบฏอย่างไรเล่า!“ฮึ พวกปัญญาชนยุคปฏิวัติ คอยดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจัดการพวกเจ้า!”หลี่หลงหลินสบถด่าภายในใจโดยไม่สนใจความจริงที่ว่า ตนเองก็เป็นเจ้าเก้าเฉกเช่นเดียวกันสรุปคือ เส้นทางการเงินเรียกเก็บค่าเล่าเรียนนี้ ไม่สามารถเดินได้ชั่วคราวหลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดว่า “เช่นนั้นสุราเหินเวหาและน้ำตาลทรายขาวเล่า? ของสองสิ่งนี้ถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ใกล้ปีใหม่แล้ว น่าจะ
“พี่สะใภ้ใหญ่”หลี่หลงหลินทอดสายตามองลั่วอวี้จู๋ผู้งดงามดุจบุปผา “การค้าของร้านขายผ้าสกุลซู ตอนนี้เป็นเช่นไร?”ลั่วอวี้จู๋มุ่นคิ้วถอนหายใจ “ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง พูดได้เพียงว่าเฉยๆ...”หลี่หลงหลินชะงักเบาๆ งุนงงอยู่บ้างไม่กระมัง!การค้าร้านขายผ้าก่อนหน้านี้ แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเหตุใดจึงตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องได้เล่า?ตกลงเกิดปัญหาที่ใดกันแน่?หรือว่าการค้าไม่ดี?เป็นไปไม่ได้!การค้าของร้านขายผ้าสกุลซู ล้วนเป็นลั่วอวี้จู๋ดูแลเองกับมือมาโดยตลอดความสามารถทางการค้าของนางเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน ไม่มีทางที่แม้แต่ร้านขายผ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งจะไม่สามารถจัดการได้ดูท่าแล้วกำลังเกิดปัญหาบางอย่าง!หลี่หลงหลินถามเสียงเครียด “พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดเรื่องใดขึ้น? หรือว่าผ้าของร้านพวกเราไม่ใช่ของดีราคาถูกกระนั้น?”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตอนนี้ น่ากลัวว่าผ้าไม่ดี ราคาก็ไม่ถูกแล้ว”หลี่หลงหลินงุนงงผ้าฝ้ายของสกุลซู สาเหตุที่สามารถเปิดตลาดได้ มุ่งเน้นที่ความคุ้มค่าและราคาทว่าฟังความนัยของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วความคุ้มค่าและราคาของผ้าฝ้ายหมด
เปิดตลาด แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายขนส่ง โฆษณา แรงงานคน ทุกด้านล้วนต้องจ่ายเงินมหาศาลทว่า ลั่วชิงซานเมาแล้วก็พลั้งปาก ทำความผิดใหญ่หลวง ทำให้ความน่าครั่นคร้ามของหลี่หลงหลินตกฮวบลั่วอวี้จู๋รู้สึกผิดอยู่ภายในใจ ต้องการชดใช้ลั่วอวี้จู๋ถึงขั้นเคยคิดมาก่อน ขอเพียงหลี่หลงหลินรับปาก ต่อให้สกุลลั่วต้องล้มละลาย ก็จะควักกระเป๋า ขายผ้าทั้งหมด แก้ปัญหาเร่งด่วนหลี่หลงหลินจะไม่เข้าใจความคิดลั่วอวี้จู๋ได้อย่างไร จับจ้องนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง หวั่นไหวภายในใจพี่สะใภ้ทำเพื่อตน ยอมนำชีวิตของสกุลลั่วมาเสี่ยง!ความรู้สึกนี้ สูงเหนือภูเขา ลึกกว่ามหาสมุทรแต่หลี่หลงหลินส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “พี่สะใภ้ใหญ่ วิธีที่ท่านพูดนี้ ใช้ไม่ได้!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึง เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเผยแววแปลกใจ “ไม่ได้? เพราะเหตุใด?”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พี่สะใภ้ใหญ่ น้ำใจของท่าน ข้ารับไว้แล้ว! แต่ ทำการค้า เดิมทีก็เพื่อหาเงิน! การค้าขาดทุน ไม่ทำยังจะดีเสียกว่า!”“การผลิตผ้าไหมของเจียงหนาน ราคาทุนต่ำยิ่งกว่าเมืองหลวง”“แม้ว่าผ้าของพวกเราที่เมืองหลวงราคาต่ำ แต่ไปที่เจียงหนาน รวมต้นทุนการขนส่งแล้ว ราคายังส
หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ภูเขาไม่มาหาข้า ข้าก็ไปพบภูเขา! แทนที่จะทำการค้าผ้าที่เมืองหลวง ขนส่งไปขายที่เจียงหนาน ยังมิสู้ทำการค้าที่เจียงหนาน ขายที่เจียงหนานโดยตรง”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงพรึงเพริด ทันใดนั้นเข้าใจความนัยของหลี่หลงหลินแล้ว “ท่านกำลังพูดว่า...ส่งเครื่องทอผ้ารูปแบบใหม่ ไปที่เจียงหนาน ให้สกุลลั่วรับผิดชอบตั้งโรงงานทอผ้า?”หลี่หลงหลินพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆ “ใช่แล้ว! เจียงหนาน เดิมทีก็เป็นแหล่งกำเนิดของเส้นไหมผ้าฝ้ายลินินสดอยู่แล้ว! ค่าขนส่งลดลง ราคาวัตถุดิบก็สามารถลดลงได้อีกด้วย!”“ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ อุตสาหกรรมการทอผ้าของเจียงหนานรุ่งเรืองมาก มีช่างทอผ้าที่เชี่ยวชาญมากมาย”“ขอเพียงอบรมเพิ่มสักหน่อย พวกนางก็สามารถใช้เครื่องทอผ้าใหม่นี้ได้แล้ว ไม่คล้ายเมืองหลวง ต้องใช้เวลาอบรมนาน ต้นทุนของแรงงานคนเองก็เพิ่มขึ้น!”“ความร่ำรวยของเจียงหนาน ราษฎร์มีเงิน ขอเพียงพวกเรารับประกันความคุ้มค่าของราคาได้ จะต้องสามารถเปิดตลาดได้อย่างแน่นอน!”ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง หลี่หลงหลินไม่ได้พูดสร้างโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งที่ชายฝั่งเจียงหนาน มีข้อดีมากนักต่อให้ตลาดอิ่มตั
ซูเฟิ่งหลิงเองก็รู้ ปีนี้ขาดทุนไม่น้อยนางกลัวงบประมาณจะถูกตัดลดมากเกินไป กระทบต่อพวกทหาร นางถึงต้องระมัดระวังมากถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินรับรายงานแผนงบประมาณจากมือซูเฟิ่งหลิง อ่านอย่างละเอียด ขมวดคิ้วน้อยๆซูเฟิ่งหลิงใจเต้นตึกตักดังคาด รายจ่ายมากเกินไปแล้วกระมัง?แต่ข้าพยายามตัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดแล้วหากลดลงมากกว่านี้ จะฝึกทหารเยี่ยงไร?หลี่หลงหลินโยนรายงานแผนงบประมาณไว้ที่ฝั่งหนึ่ง พูดเสียงเย็น “นี่สิ่งเหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า? ไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย!”เพียงซูเฟิ่งหลิงได้ยิน กำหมัดสองข้างแน่น รู้สึกอึดอัดคับข้องใจนางพยายามอย่างที่สุดแล้วจริงๆนี่คือนางเค้นสมอง ถึงสามารถวางแผนออกมาได้ทองแดงหนึ่งแผ่น ล้วนต้องหักครึ่งเพื่อใช้จ่ายไม่ได้ฟุ่มเฟือยเลยแม้แต่น้อย!สรุปคือ ได้ยินความนัยของหลี่หลงหลิน ยังไม่พอใจ คิดว่ารายจ่ายมากเกินไป!แต่กองทัพใหม่สกุลซูเป็นทหารม้า เป็นทหารชั้นยอด ทำเกินกำลังตน เดิมทีก็มีรายจ่ายมหาศาลอยู่แล้วซูเฟิ่งหลิงอับจนหนทางแล้วจริงๆ!หลี่หลงหลินถือรายงานไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนนอีกมือดีดเบาๆ “เจ้าดูตรงนี้! ไม่มีเหตุผล จะต้องแก้ไข! เหล่าทหารฝึกลำบา
แท้จริงแล้วซูเฟิ่งหลิงได้ยินทางฝั่งลั่วอวี้จู๋พูดว่าภูเขาทิศประจิมเผชิญหน้ากับความอันตรายใหญ่หลวงทางการเงิน ขาดทุนไม่น้อยหลี่หลงหลินกำลังเค้นสมอง หาทางสร้างรายได้เพราะเหตุนี้ ซูเฟิ่งหลิงจึงคิดว่าหลี่หลงหลินจะต้องตัดรายจ่ายของทหารภูเขาทิศประจิมอย่างแน่นอนสรุปคือ กลับตรงข้ามกัน หลี่หลงหลินไม่เพียงไม่ตัดรายจ่ายออก แต่ยังเพิ่มรายจ่ายมากยิ่งขึ้นยากจนอย่างไรก็ไม่สามารถยากจนไปถึงทหารได้!นี่ต่างหากคือรักทหารดุจลูกชายอย่างแท้จริง!ซูเฟิ่งหลิงซาบซึ้งใจ เปล่งเสียงสะอื้น “ข้าขอเป็นตัวแทนเหล่าทหาร ขอบคุณองค์ชาย! พวกข้าจะบุกน้ำลุยไฟ ตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”สีหน้าหลี่หลงหลินเคร่งขรึม พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ชายารัก คำเรียกแทนตนของเจ้า ต้องเปลี่ยนได้แล้วใช่หรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงชะงักคำเรียกแทนตน?ข้าสมควรเรียกว่าอะไรเล่า?หรือจะเป็น...หม่อมฉัน?ซูเฟิ่งหลิงหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงแผ่วเบา “หม่อม...หม่อมฉัน...เข้าใจแล้ว”หลี่หลงหลินเห็นท่าทางเขินอายของซูเฟิ่งหลิง พึงพอใจอย่างมากภายในใจ รูขุมขนทั่วทั้งสรรพางค์กายเปิดออก สบายอย่างบอกไม่ถูกซูเฟิ่งหลิงอายแทบตาย อยากหาแผ่นดินมุดลง
อาศัยโอกาสนี้ ข้าลอกบทกวีมีชื่อเสียงมาอีกหน่อย เปิดเผยต่อหน้านางจากนั้นหลี่หลงหลินเพิ่งเดินถึงหอละอองฝน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของหลิ่วหรูเยียน ดังออกมา“เหตุใดร้องไห้อีกแล้ว...”หลี่หลงหลินสับสนภายภาคหน้าพี่สะใภ้สี่เปลี่ยนชื่อเป็นหลินไต้อวี้ท่าจะดี!หลี่หลงหลินเดินขึ้นชั้นบน ก็มองเห็นหลิ่วหรูเยียนนั่งข้างหน้าต่าง ทอดสายตามองสีท้องฟ้าดำดุจหมึกที่ภายนอก น้ำตารินไหล กำลังร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ คนเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลิ่วหรูเยียนหันหน้ามา พบว่าเป็นหลี่หลงหลินก็ว้าวุ่น รีบเช็ดคราบน้ำตา ฝืนยิ้มต้อนรับ “องค์ชาย ท่านมาแล้ว...”หลี่หลงหลินเดินขึ้นมา รอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าเพิ่งผ่านหอละอองฝน ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ไม่วางใจ จึงขึ้นมาดู”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดง พูดเสียงแผ่วเบา “หม่อมฉัน...ทำให้องค์ชายตกใจ องค์ชายโปรดอภัยด้วย...”หลี่หลงหลินสบมองใบหน้างดงามเป็นอันดับหนึ่งของหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ เมื่อครู่ท่านร้องไห้ด้วยเหตุใด? หรือว่า คิดถึงท่านพี่สี่อีกแล้ว?”หลิ่วหรูเยียนรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องของท่านพี่สี่ องค์ชายท่านฆ่าเซียวเซวียนเ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค