บทที่ 1
'ล้วนมีสิทธิ์ทั้งสอง'
.
.
ภายในห้องหอที่ประดับประดาอย่างหรูหราโอ่อ่าสมกับฐานะองค์หญิงที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด แสงเทียนสะท้อนกับผ้าม่านไหมสีแดงสดที่ปักลวดลายมังกรและหงส์อันวิจิตรงดงาม โจวหลิงในร่างขององค์หญิงซ่งหลิงซูนั่งอยู่บนเตียงที่ถูกปูด้วยผ้าแดงและโปรยด้วยกลีบดอกไม้นานาพันธุ์ มือเรียวบางของนางกำกันแน่นหัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล
“ข้าต้องเข้าหอกับใครก่อนกันล่ะ เซียวหยางชุนหรือเหยียนอี้ สวรรค์ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว”
นางถอนหายใจยาวขณะที่สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องหอที่โอ่อ่าราวกับฉากในซีรีส์จีนพีเรียด นางยังคงไม่ชินกับการข้ามภพมาอยู่ในร่างขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์ และยิ่งไปกว่านั้น การแต่งงานกับบุรุษถึงสองคนในคราวเดียวกันก็เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ข้าแค่เป็นผู้หญิงธรรมดาในยุค 2000 อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาแบกรับชะตากรรมแบบนี้ แล้วคืนนี้ข้าจะต้องทำตัวยังไง หรือข้าควรหนีออกจากห้องหอนี้ไปเลยดีไหม?”
เพียงแค่คิดนางก็ส่ายหัวแรง ๆ กับตัวเอง “ถ้าข้าหนีไปตอนนี้ คงถูกจับกลับมาแน่แล้วจะยิ่งดูแย่กว่าเดิมอีก”
ในจังหวะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตูทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าบุรุษคนไหนจะเปิดประตูเข้ามาก่อน นางนั่งตัวตรง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมความกล้าแม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยคำถามและความกังวลมากมาย
“คืนนี้จะเป็นคืนที่เปลี่ยนชีวิตข้าไปตลอดกาลแน่”
เสียงประตูไม้หนักถูกผลักออกอย่างแรงจนแทบจะหลุดจากบานพับ ซ่งหลิงซูสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าบ่าวทั้งสองต่างพุ่งเข้ามาในห้องพร้อมกัน
“ข้าจะเป็นคนเข้าหอกับนางคืนนี้!” เซียวหยางชุนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“องค์หญิงเป็นคนของแคว้นหลง กระหม่อมต่างหากที่สมควรอยู่กับพระองค์!” เหยียนอี้สวนกลับทันควัน
ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละราวกับกำลังจะเปิดศึกกลางห้องหอ ซ่งหลิงซูมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน
“เดี๋ยวก่อนสิ! ทำไมพวกเจ้าถึงมาพร้อมกันล่ะ ข้าเข้าใจว่าคืนนี้ควรจะมีแค่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
คำถามของนางทำให้บุรุษทั้งสองหันมามองหน้านางพร้อมกัน แต่แทนที่จะตอบคำถาม พวกเขากลับเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง
“นางเป็นชายาของข้า อีกอย่างข้าเป็นถึงองค์ชายส่วนเจ้าเป็นเพียงสามัญชน ข้าย่อมมีสิทธิ์ก่อน!” เซียวหยางชุนกล่าวเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังเหยียนอี้
“สิทธิ์อะไรของพระองค์กัน ที่นี่แคว้นหลงไม่ใช่แคว้นเฟิง องค์หญิงเป็นคนของแคว้นหลง กระหม่อมต่างหากที่อยู่กับองค์หญิงมาตั้งแต่เยาว์วัย สิทธิ์ของบุรุษคนแรกสมควรเป็นของกระหม่อมที่รู้ความชอบขององค์หญิงมากที่สุด” เหยียนอี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
การโต้เถียงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใครและดูเหมือนว่าความอดทนของพวกเขาจะหมดลงในไม่ช้า เพราะทั้งคู่เริ่มขยับตัวเข้าหากันราวกับจะลงไม้ลงมือประทุษร้ายกัน
ซ่งหลิงซูรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ห้องหอของนางคงกลายเป็นสนามรบเป็นแน่ นางสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คืนนี้เข้าหอพร้อมกันทั้งสองคนนั่นแหละจะได้ไม่ต้องแย่งกัน!”
คำพูดของนางทำให้ทั้งเซียวหยางชุนและเหยียนอี้หยุดชะงักทันที ทั้งคู่หันมามองนางด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับไม่อยากเชื่อว่าองค์หญิงผู้สง่างามจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้
“อะไรนะ?” เซียวหยางชุนเลิกคิ้วสูงน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“พระองค์พูดจริงหรือ?” สีหน้าของเหยียนอี้ดูประหลาดใจปนลังเลเล็กน้อย
ซ่งหลิงซูถอนหายใจ “ใช่ ข้าพูดจริง ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีใครยอมใครก็เข้ามาพร้อมกันเลยจะได้จบเรื่องเสียที”
เซียวหยางชุนกับเหยียนอี้ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันกลับมามองซ่งหลิงซูอีกครั้ง แม้พวกเขาจะยังคงรู้สึกไม่พอใจกันอยู่แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งขององค์หญิงแคว้นหลงที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าพวกเขาได้
ภายในห้องหอเต็มไปด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด ซ่งหลิงซูยังคงนั่งอยู่กลางเตียงขณะที่เจ้าบ่าวทั้งสองนั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะกลมเล็กที่วางสุรามงคลไว้
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองตกลงจะเข้าหอพร้อมกัน ข้าคิดว่าเราควรเริ่มจากการดื่มสุรามงคลก่อน” ซ่งหลิงซูพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้สงบที่สุดแม้ในใจจะปั่นป่วนมากก็ตาม
เซียวหยางชุนกับเหยียนอี้ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เต็มใจนัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยอมยกจอกสุรามงคลขึ้นดื่ม ทั้งสามคนดื่มพร้อมกันขณะที่ซ่งหลิงซูแอบคิดในใจว่า
‘แค่ต้องทำให้คืนนี้ผ่านไปได้โดยที่ข้าไม่ตายก็พอ’
แต่ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นานนักหรอกเมื่อเซียวหยางชุนวางจอกสุราลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ท่าทางเอาแต่ใจสมเป็นองค์ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ
“ในเมื่อเราดื่มสุรามงคลแล้วก็ควรถึงเวลาที่องค์หญิงจะต้องเลือกว่าผู้ใดจะเป็นคนได้รับความบริสุทธิ์ของนางก่อน”
คำพูดนั้นทำให้เหยียนอี้ขมวดคิ้วทันที “เลือกอะไรกัน? องค์หญิงเป็นคนแคว้นหลง กระหม่อมต่างหากที่สมควรได้รับสิทธิ์นั้น
“สิทธิ์อะไรของเจ้ากัน! ข้าเองก็เป็นสามีนางเหมือนกันแล้วยังเป็นองค์ชายแคว้นเฟิงอีกด้วย!” เซียวหยางชุนสวนกลับอย่างเอาแต่ใจ
ทั้งสองเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนซ่งหลิงซูที่นั่งฟังอยู่กลางวงแทบอยากจะหาอะไรมาทุบหัวตนเองให้สลบไป
‘พวกเขาจะทะเลาะกันเรื่องนี้ไปจนถึงเช้าเลยหรือไง?!’ นางบ่นในใจก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อหยุดความวุ่นวายนี้
ซ่งหลิงซูหันไปคว้าขวดสุรามงคลที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะแล้วเทกรอกปากตนเองทันทีโดยไม่ลังเลสักนิดเดียว
“องค์หญิง!” เซียวหยางชุนและเหยียนอี้ร้องออกมาพร้อมกัน
ซ่งหลิงซูกลืนสุราเข้าไปหลายอึกจนรู้สึกว่าความร้อนแล่นพล่านไปทั่วเรือนร่าง นางวางขวดสุราลงอย่างแรงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเพราะฤทธิ์สุรา
“จะถกเถียงกันทำไม ข้ามีตั้งสองรูข้างหน้าข้างหลัง พวกเจ้าก็เข้ามาพร้อมกันเลยได้เปิดบริสุทธิ์ข้าทั้งสองคนนั่นแหละ!”
คำพูดของนางทำให้บุรุษทั้งสองชะงักไปชั่วขณะ แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของตัวเองสักนิดเดียว ด้วยความที่ดวงวิญญาณของนางคือหญิงสาวจากยุค 2000 ที่เรื่องเซ็กซ์มันเปิดกว้างแล้ว การจะโดนสองรูพร้อมกันในคราวเดียวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนางเองก็ชอบกินแซนด์วิชมาตั้งแต่ชีวิตก่อนแล้ว
แต่บุรุษทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยความลังเลเพราะไม่เคยหลับนอนกับสตรีร่วมกับชายอื่นมาก่อน อายุของพวกเขาไม่ใช่น้อยย่อมเคยผ่านการอุ่นเตียงกับหญิงสาวแช่มช้อยมาบ้างแล้วแต่ล้วนหลับนอนกันลำพังแต่นี่ต้องร่วมกันหลับนอนกับสตรีพร้อมกันจึงเป็นเรื่องที่แปลกไม่น้อยสำหรับพวกเขาทั้งสองคน
ซ่งหลิงซูเป็นคนคออ่อนมาตั้งแต่ชีวิตก่อน นางเริ่มรู้สึกว่าหัวหมุนเล็กน้อย ร่างกายร้อนผ่าวเพราะนอกจากฤทธิ์สุราแล้วแท้จริงนั้นสุรามงคลนี้ยังผสมยาปลุกกำหนัดเพื่อให้บ่าวสาวได้หรรษากันในค่ำคืนนี้อีกด้วย
“พวกเจ้าจะรอช้าอยู่ไย?” ซ่งหลิงซูเอนตัวลงบนเตียง แผ่นหลังนอนราบลงกับพื้นก่อนจะยกขาขึ้นตั้งฉากแล้วอ้าออกกว้างด้วยท่าทางเชิญชวนสองบุรุษเสียเต็มประดา
มือเล็กเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ดวงตาหวานเยิ้มเมื่อฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดเริ่มทำงานในร่างกาย
“เข้ามาสิ มาสมสู่ข้าให้ตายคาอกพวกเจ้า”
บทที่ 2'ร่วมหอลงโรง'..สองบุรุษต่างลอบกลืนน้ำลายลงคอยามได้เห็นท่าทางยั่วยวนขององค์หญิงสามแห่งแคว้นหลงที่ผู้คนต่างยกย่องว่านางนั้นงดงามราวกับเทพธิดา กิริยามารยาทเรียบร้อยสง่างามสมเป็นองค์หญิงของแผ่นดิน แต่บัดนี้กลับนอนแหวกขาเชื้อเชิญบุรุษทั้งสองให้เข้าหาพร้อมกันราวกับนางโลมในหอโคมไม่มีผิดเหยียนอี้เป็นแม่ทัพแคว้นหลงจึงยังลังเลที่จะก้าวเข้าไปล่วงเกินองค์หญิงผู้สูงส่งต่างจากเซียวหยางชุนที่เป็นองค์ชายต่างแคว้นที่ปรารถนาในตัวขององค์หญิงซ่งหลิงซูมานานถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อเดินทางมาแต่งงานกับนางถึงแคว้นหลง แต่งเข้าราชวงศ์ซ่งด้วยความเต็มใจ ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมีแต่สตรีต้องแต่งออกไม่ใช่บุรุษแต่งเข้าเช่นนี้ร่างสูงขององค์ชายต่างแคว้นก้าวเข้าไปหาซ่งหลิงซูทันที นางสบตากับผู้กล้าหาญคนแรกอย่างหงานเยิ้ม วงแขนเล็กยกขึ้นโอบกอดลำคอหนาเอาไว้ก่อนจะยื่นใบหน้าขึ้นไปประทับจูบลงบนริมฝีปากหนา สองลิ้นสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะ ปลายลิ้นแลบออกมาถูไถกันอย่างเร่าร้อนแน่นอนว่าภาพเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตาของเหยียนอี้ที่จ้องมองอยู่ ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแต่ช่วงล่างกลับแข็งดุนดันเน
บทที่ 3‘บริการทุกระดับประทับใจ’..เซียวหยางชุนหันไปรินน้ำชาใส่ถ้วยก่อนจะยกขึ้นดื่มเพื่อแก้กระหาย แต่น้ำชากลับกระฉอกยามร่างกายของเขากำลังขยับโยกเพราะยังคงซอยเอวใส่ช่องทางอ่อนนุ่มของซ่งหลิงซูไม่พักในยามนี้เรือนกายของซ่งหลิงซูนอนคว่ำราบลงบนโต๊ะกลม สะโพกแอ่นขึ้นและกำลังถูกองค์ชายหนุ่มกระแทกแก่นกายเข้ามาจนลึกสุดลำยาวผ่านรูจีบด้านหลังของนางที่ถูกย่ำยีเสียจนบวมช้ำ เนื่องด้วยเซียวหยางชุนไม่ยอมน้อยหน้าเหยียนอี้ที่ได้เข้าด้านหลังเขาจึงขอทำบ้าง แม้ซ่งหลิงซูจะเหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็ยอมตามใจสามีเอาแต่ใจผู้นี้เหยียนอี้ที่สุขสมไปแล้วสองรอบนั่งมองดูการกระทำของเซียวหยางชุนที่ยังไม่ยอมหยุด แม้อีกฝ่ายจะขึ้นสวรรค์ไปสามรอบแล้วก็ตามแต่ก็ยังอยากมีรอบที่สี่ทั้งที่เขาก็ตะเตือนแต่แรกแล้วว่าองค์หญิงไม่ไหวแล้ว แต่องค์ชายต่างแคว้นผู้นี้กลับเอาแต่ใจเกินควบคุมได้“หมดรอบนี้พระองค์ก็ควรพอได้แล้ว องค์หญิงจะได้พักผ่อน”“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องมาสั่ง!”เซียวหยางชุนตวัดสายตาดุดันจ้องหน้าเหยียนอี้อย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายเป็นแค่แม่ทัพแต่กลับกล้ามาออกคำสั่งกับองค์ชายอย่างเขา และเลือกจะเอาความหงุดหงิดนั้นมาลงกับซ่งหลิงซูด้วยการ
บทที่ 4'จวนหลังใหม่'..“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ยามเหม่าแล้ว”เสียงปลุกดังขึ้นข้างหูมันทำให้ซ่งหลิงซูที่กำลังหลับสบายลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย นางบิดขี้เกียจเล็กน้อย ยืดขาเรียวเหยียดยาวเพราะรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่เพื่อพยายามปรับแสงที่สาดส่องเข้ามากระทบในม่านตา“ลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ นี่ยามเหม่าแล้ว ประเดี๋ยวต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับฮองเฮา”เสียงนั้นดังมาจาก ‘สวีกงกง’ ขันทีคนสนิทขององค์หญิงซ่งหลิงซูที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เยาว์วัยจึงเป็นขันทีที่อายุรุ่นราวคราวมารดา ก่อนจะย้ายมาดูแลซ่งหลิงซูเขาก็เคยดูแลมารดาของนางที่เป็นสนมมาก่อน เมื่อมารดาเสียไปจึงถูกโยกย้ายให้มาดูแลซ่งหลิงซูต่อ“ยังเช้าอยู่เลยจะรีบตื่นไปไหนกัน” ซ่งหลิงซูมุดใบหน้าเข้าไปใต้ผ้าห่มเช่นเดิมด้วยความขี้เกียจแต่ก็ถูกสวีกงกงดึงผ้าห่มออก“ลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรกัน” นางพึมพำออกมาเมื่อถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้งหนึ่ง “นี่ข้าอุตส่าห์ได้มาเกิดใหม่เป็นองค์หญิงแล้ว แต่ก็ยังต้องตื่นเช้าอีกหรือไง?”“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?” สวีกงกงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพึมพำไม่ถนัดนัก“ไม่มีสิ่งใดหรอก”ซ่งหลิงซูขยับตัวลุกขึ้นเตร
บทที่ 5‘สองบุรุษร่วมแรง’..“จะ… เจ้าปล่อยข้าได้หรือไม่?” ซ่งหลิงซูหันมาร้องขอเหยียนอี้ให้ปลดพันธนาการออกเพราะถ้าขืนนางยังถูกมัดเช่นนี้คงถูกพวกเขาย่ำยีจนฟ้ามืดเป็นแน่“ขออภัย แต่ข้าชอบเวลาเจ้าถูกมัดมากกว่าเสี่ยวซู”ขาเรียวถูกยกขึ้นพาดบ่าพร้อมแรงกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงมากกว่าเดิม แก่นกายลำอวบใหญ่ผลุบเข้าผลุบออกผ่านช่องทางอ่อนนุ่มที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยน้ำเฉอะแฉะปลายลิ้นไล้เลียไปตามขาอ่อนขาว“อ๊า! จะ… เจ็บ!” นางร้องออกมายามถูกขบกัดลงบนเนื้อที่ขาจนขึ้นรอยฟันแดงแต่ยิ่งเหยียนอี้เห็นน้ำตาของซ่งหลิงซูเขาก็ยิ่งมีอารมณ์มากกว่าเดิมเสียอีก ร่างกายพลุ่งพล่านไปด้วยไฟราคะที่ยากจะดับมอดลงได้ การขบกัดจึงตามมาไม่หยุดหย่อนทั่วทั้งขาของซ่งหลิงซูทั้งสองข้างล้วนมีแต่รอยขบกัดจนแดงเถือก“เจ้าเป็นสุนัขหรือไง!”“ถ้าข้าเป็นสุนัขก็หมายความว่าเจ้ากำลังถูกสุนัขสมสู่อยู่”“งั้นก็ปล่อยข้าสิ ข้าจะคลานสี่ขาให้เจ้าสมสู่เยี่ยงสุนัข”“เจ้ากล่อมข้าไม่สำเร็จหรอก ข้ารู้ว่าปล่อยเจ้าตอนนี้เจ้าก็จะหนีไป”เมื่อโดนรู้ทันซ่งหลิงซูก็ได้แต่ชักสีหน้ามุ่ยใส่เหยียนอี้ มันก็จริงถ้าเขาปล่อยนางตอนนี้นางจะรีบวิ่งหนีไปเลย ไม่เช่นนั้นคงได
บทที่ 6‘ยาบำรุงกาย’..“องค์หญิงอย่าวิ่งพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะล้ม”เสียงของเหยียนอี้ตะโกนตามหลังซ่งหลิงซูที่กำลังวิ่งกลับตำหนักด้วยท่าทางรีบร้อน แต่นางกลับหันใบหน้ากลับมาพร้อมสายตาดุดันที่กวาดมองสองบุรุษ “คืนนี้พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้าเลย ข้าจะปิดตำหนัก”“แล้วพวกข้าจะไปนอนที่ไหน?” เซียวหยางชุนถาม มือของเขายังคงโบกสะบัดพัดไปมาด้วยท่าทางสบายอุรา“จะไปนอนที่ไหนก็เรื่องของพวกเจ้า แต่ไม่ต้องมานอนกับข้า!”ว่าจบซ่งหลิงซูก็รีบหันหน้าวิ่งกลับตำหนักจนชายอาภรณ์ปลิดปลิว แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บช่วงล่างมากก็ตามแต่ก็ฝืนทน เมื่อเข้ามาถึงด้านในตำหนักยามหันไปเห็นสวีกงกงจึงเอ่ยคำสั่งทันที“ปิดประตูหน้าต่างให้หมด ห้ามผู้ใดเข้าตำหนักข้า!”“ราชบุตรเขยทั้งสองด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” สวีกงกงมีสีหน้าประหลาดใจ“ใช่ โดยเฉพาะพวกเขา ยิ่งต้องห้าม!” นางมองไปที่ประตูหน้าต่าง “ปิดสิ ปิดให้หมดเลย อย่าให้เหลือสักบาน!”สวีกงกงหันไปพยักหน้าให้กับเหล่านางกำนัล ทุกคนจึงช่วยกันปิดประตูหน้าต่างทันที ภายในตำหนักตกอยู่ในความมืดไม่นานก็สว่างไสวขึ้นจากเปลวเทียนที่ถูกจุดทั่วห้อง สวีกงกงเดินเข้ามาหาซ่งหลิงซูก่อนจะรินน้ำชาให้“ดื่มน้ำชาให้หาย
บทที่ 7'ความสงสัย'..ซ่งหลิงซูเดินเข้ามาในตำหนักของลี่จิ่นฮองเฮาด้วยท่าทางสง่างาม แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง นางรู้ดีว่าฮองเฮาผู้นี้ไม่เคยมีเจตนาดีต่อองค์หญิงสาม ยิ่งความทรงจำเดิมบอกเล่าถึงความบาดหมางระหว่างมารดากับลี่จิ่นฮองเฮา ความสงสัยที่ว่ายาบำรุงร่างกายที่ฮองเฮาประทานให้อาจมีพิษปะปนก็ยิ่งชัดเจนขึ้น“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” ซ่งหลิงซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลลี่จิ่นฮองเฮายิ้มบาง แววตาเต็มไปด้วยความเมตตายามทอดมองหลานสาว “ซูเอ๋อร์ วันนี้เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ?”ซ่งหลิงซูยิ้มตอบ “หม่อมฉันเพียงอยากมาขอบพระทัยสำหรับยาบำรุงที่พระองค์ประทานให้ ดื่มแล้วรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมากเพคะ”คำพูดนั้นทำให้ลี่จิ่นฮองเฮายิ้มกว้างขึ้น “ดีแล้ว ยานั้นเป็นตำรับพิเศษที่ข้าสั่งให้คนจัดหามาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้เจ้าฟื้นตัวเร็วขึ้น”ซ่งหลิงซูพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ตำรับพิเศษเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าคงหายากมากใช่ไหมเพคะ พระองค์ทรงจัดหามาเองหรือ?”“แน่นอน ข้าสั่งให้คนจัดหามาเองทุกขั้นตอน เพื่อให้เจ้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”คำตอบนั้นทำให้ซ่งหลิงซูเริ่มมั่นใจในความ
บทที่ 8'ค่ามัดจำ'..ในยามนี้ซ่งหลิงซูและสามีทั้งสองย้ายออกมาจากวังหลวงเพื่อมาอยู่อาศัยที่จวนนอกวังแล้ว เหยียนอี้ยังคงออกไปทำงานเช่นเคยในทุก ๆ วัน ต่างกับเซียวหยางชุนที่เขาไม่ต้องทำงานสิ่งใด เนื่องจากเป็นองค์ชายต่างแคว้นแล้วยังร่ำรวยจากทรัพย์สมบัติติดตัวจนใช้กินอยู่ได้อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องทำการทำงานให้ลำบากกายในเรือนส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สง่างาม เซียวหยางชุนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบเชียบลำพัง ซ่งหลิงซูเดินเข้ามาด้วยท่าทีมุ่งมั่น เงาของนางพาดผ่านไปตามแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาภายในเรือน“หยางชุนข้ามีเรื่องอยากขอร้อง” ซ่งหลิงซูกล่าวพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าเขาเซียวหยางชุนละสายตาจากหนังสือแล้วเงยมองหน้านางด้วยความสนใจ “เรื่องอะไรหรือคนงามของข้า?”ซ่งหลิงซูเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าไม่ไว้ใจหมอหลวงในแคว้นหลงกลัวว่าพวกเขาจะถูกฮองเฮาควบคุม ขอให้เจ้าช่วยส่งยาที่ข้ากินไปให้หมอหลวงในแคว้นเฟิงตรวจสอบหน่อย”นางวางถุงยาที่ยังไม่ได้ถูกต้มลงตรงหน้าของเซียวหยางชุนเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “เจ้าสงสัยในยาเหล่านี้หรือ?”“ใช่ ข้ารู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งได้ยินเรื่องของเสด็จแม่ ข้ายิ่งกลัวว
บทที่ 9'ค่ายฝึกทหาร'..แสงแดดสาดส่องลงมายังค่ายฝึกทหารที่เต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายของเหล่าทหารที่กำลังเตรียมตัวออกไปช่วยเหลือชาวบ้าน ฤดูแล้งที่ยาวนานทำให้แม่น้ำหลายสายแห้งขอด พืชผลทางการเกษตรเสียหายและชาวบ้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนักเหยียนอี้ในชุดแม่ทัพเต็มยศกำลังยืนอยู่กลางลานฝึกท่ามกลางเสียงรายงานจากเหล่าทหาร เขากำลังจัดการงานอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าที่ปกติสงบนิ่งบัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของความเหนื่อยล้า“ท่านพี่อี้!” เสียงหวานใสดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เขาหันไปมองซ่งหลิงซูในชุดเรียบง่ายแต่สง่างามเดินเข้ามาพร้อมกับปิ่นโตในมือ ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“องค์หญิงสาม” เหยียนอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “เหตุใดพระองค์ถึงมาที่นี่ ค่ายทหารไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับสตรี”“ข้าได้ยินว่าท่านยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือชาวบ้าน จึงนำอาหารมาให้ท่าน”เหยียนอี้มองปิ่นโตในมือของนาง “ขอบพระทัยพระองค์มาก แต่ตอนนี้ข้ายังมีงานต้องจัดการอีกมากนัก คงยังกินข้าวไม่ได้”ซ่งหลิงซูมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะป้อนให้ท่านเอง ท่านจะได้ทำงานไปพร้อมกัน”เขามองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหล
บทที่ 19‘อยู่ด้วยกันสามคนสุขสันต์’..“อ๊ะ… อ๊า อู้ยยย~”“กระแทกแรง ๆ ข้าชอบ พวกเจ้าไม่ต้องถนอมข้า!”เสียงครางกระเส่าดังระงมไปพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะ บนเตียงใหญ่ในยามนี้มีเงาร่างของคนสามคนกำลังบรรเลงบทรักกันอย่างมัวเมาในตัณหาราคะโดยเฉพาะซ่งหลิงซูที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วมีแต่ความปรารถนาเข้ามาแทนที่นางหันใบหน้าเข้าหาเหยียนอี้จึงถูกเขาจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่มในขณะที่รูหน้าถูกแก่นกายของเหยียนอี้กระแทกจนสุดลำยาว ส่วนรูด้านหลังถูกครอบครองโดยเซียวหยางชุนที่กระแทกท่อนเอ็นลำอวบใหญ่เข้ามาจนคับแน่นจังหวะกระแทกของเซียวหยางชุนทำให้ร่างกายของซ่งหลิงซูขยับโยกไปด้วยเลยส่งผลให้แก่นกายอวบใหญ่ของเหยียนอี้ที่เสียบคาไว้ที่รูหน้าได้ความเสียวซ่านไปด้วยแต่เขาก็เลือกจะซอยเอวสวนขึ้นมากระแทกเข้าลึกจนมดลูกสะเทือน“ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะชอบโดนพวกข้าเสียบพร้อมกันสองรูแล้วสินะ” เซียวหยางชุนกล่าวพลางยกฝ่ามือขึ้นตีก้นของนางซ่งหลิงซูหันไปสบตากับเขาแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “ข้ามีสามีสองคนก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาให้สามีทั้งสองคนสิ ส่วนพวกเจ้าเป็นสามีข้าย่อมต้องทำหน้าที่สามี จะเข้ามาคนเดียวได้อย่างไรก็ข้า
บทที่ 18‘ไหน้ำส้มแตก’..ซ่งหลิงซูนั่งสางผมหน้าคันฉ่องทองเหลืองแผ่วเบา ใบหน้าของนางแจ่มใสยามความสุขมันล้นปรี่ขึ้นมาในอก ชีวิตอันสุดแสนมหัศจรรย์ของผู้หญิงธรรมดาที่ดันข้ามภพมาอยู่ในร่างขององค์หญิง มันไม่ได้ย่ำแย่เลยถึงจะลำบากไปบ้างแต่ก็สนุกดี โดยเฉพาะการมีสามีสองคนที่ขยันเอาอกเอาใจและเอานางยิ่งนัก“องค์หญิงยามาแล้วเพคะ” นางกำนัลยกถ้วยยาต้มมาให้ซ่งหลิงซูนางรับถ้วยยามาดื่มจนหมด แม้รสชาติของมันจะขมมากแต่ก็ต้องจำใจกิน จังหวะที่หันไปส่งถ้วยยาคืนให้นางกำนัลเหยียนอี้ก็เข้ามาพอดี เขามองถ้วยยาคิ้วกดต่ำลงอย่างสงสัย“เจ้ากินยาอะไรอีก?”“ยาระงับบุตร” นางตอบไปตามความจริงอย่างไม่คิดปิดบังเหยียนอี้ที่ได้ฟังกลับยิ่งสงสัย “เจ้าไม่อยากมีบุตรหรือ?”“ถ้าเกิดมีขึ้นมา ใครจะเป็นพ่อเด็กเล่า?” เสียงของเซียวหยางชุนดังขึ้น เขาก้าวเข้ามาภายในเรือนก่อนจะตรงเข้ามาหาซ่งหลิงซูแล้วประทับจูบลงบนผมของนางอย่างนุ่มนวล“เจ้าหมายความเช่นไร?” เหยียนอี้ยังคงไม่เข้าใจ“เจ้านี่มันแก่แล้วสินะถึงเข้าใจอะไรยากนัก” เซียวหยางชุนส่ายหัวเล็กน้อย แต่มือของเขาไม่อยู่สุขสักนิดเมื่อเลื่อนลงมาบีบนมของซ่งหลิงซูไปด้วยจนนางต้องขยับตัวหนีมื
บทที่ 18‘ไหน้ำส้มแตก’..ในยามสายที่ตลาดเต็มไปด้วยความคึกคัก ซ่งหลิงซูเดินเล่นอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายพร้อมกับเซียวหยางชุนและเหยียนอี้ ทั้งสามคนต่างเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหารซ่งหลิงซูหยุดที่ร้านขายเครื่องประดับ นางเลือกดูปิ่นปักผมและสร้อยคอที่ประดับด้วยอัญมณีอย่างตั้งใจขณะที่สองสามีของนางเดินไปยังร้านเหล้าต่างแดนที่อยู่ใกล้ ๆ กันตามประสาบุรุษ“พระองค์สนใจปิ่นอันนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เจ้าของร้านถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะรู้ว่านางคือองค์หญิงสามผู้มีชื่อเสียงทั้งด้านดีและไม่ดีในคราวเดียวกัน“ใช่ ข้าคิดว่ามันสวยดี” ซ่งหลิงซูกล่าวด้วยรอยยิ้มหวานในขณะที่นางกำลังเลือกเครื่องประดับ มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาหา เขาถือดอกไม้สดในมือ และยื่นให้นางด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงสามข้าขอมอบดอกไม้นี้ให้พระองค์ พระองค์ช่างงดงามเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”ซ่งหลิงซูรับดอกไม้ไว้ด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมาก ดอกไม้งามยิ่งนัก”สองบุรุษที่กำลังเลือกซื้อเหล้าอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำพูดของชายคนนั้น เซียวหยางชุนหันมามองทันที ดวงตาของเขาฉายแววเย็นชาเล็กน้อยก่อนจะทิ้งทุกอย่างแล้วรีบเดินเข้ามาหา“ขอบคุ
บทที่ 17‘ป่าเขาลำเนาไพร’..หลายวันผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในราชสำนักและการเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับลี่จิ่นฮองเฮา ชื่อเสียงขององค์หญิงซ่งหลิงซูเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านที่เคยเข้าใจผิดและวิพากษ์วิจารณ์นาง ตอนนี้กลับจับกลุ่มพูดคุยกันถึงความดีของนางแทน“องค์หญิงสามเป็นคนดีจริง ๆ นางไม่ได้เลวร้ายแบบที่เราคิด”“นางช่วยเหลือประชาชนในช่วงภัยแล้ง และยังกล้าต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองจากความอยุติธรรมอีกด้วย”เสียงพูดคุยเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านและเมืองหลวง ทำให้ชื่อเสียงของซ่งหลิงซูค่อย ๆ ฟื้นฟู และชาวบ้านเริ่มมองนางในแง่ดีมากขึ้นในยามสายที่แสงแดดอ่อนส่องลงมายังทุ่งกว้าง ซ่งหลิงซูขี่ม้าคู่ใจออกเดินทางพร้อมเหยียนอี้และเซียวหยางชุน ทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปยังเขาใหญ่ใกล้เมืองเพื่อหวังจะขึ้นไปสักการะศาลเจ้าบนยอดเขาอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อเข้ามาถึงป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และเสียงนกร้อง ทั้งสามคนเลยเลือกหยุดพักบนลานหญ้าที่ปกคลุมด้วยแสงแดดอ่อน ม้าที่พวกเขาขี่อยู่ถูกปล่อยให้กินน้ำจากลำธารเล็กที่ไหลผ่านซ่งหลิงซูนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ นางมองดูธรรมชาติรอบตัวด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความสงบ เหยีย
บทที่ 16‘อ่างน้ำหรรษา’..ซ่งหลิงซูกลับมายังจวนของตัวเองพร้อมกับสามีทั้งสองคน หลังจากผ่านพ้นวันที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ในท้องพระโรง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างราบรื่นจากการร่วมแรงร่วมใจของพวกเขาทั้งสามคนภายในห้องอาบน้ำมีไอน้ำลอยสูงจนปกคลุมไปทั่วห้อง ซ่งหลิงซูทิ้งตัวลงนั่งในอ่างไม้ใบใหญ่อย่างหมดสภาพ ดวงตาของนางหลับลงเล็กน้อยขณะที่ถอนหายใจยาวราวกับต้องการปลดปล่อยความหนักอึ้งในใจ“เหนื่อยชะมัด” นางพึมพำเบา ๆเหยียนอี้ก้าวเท้าลงในอ่างนั่งลงข้างซ่งหลิงซู และเริ่มบีบนวดไหล่เล็กด้วยมือที่แข็งแรงแต่แฝงความอ่อนโยน “พักผ่อนเถิด ข้าจะช่วยคลายความเหนื่อยล้าให้เอง”ในขณะเดียวกันเซียวหยางชุนเองก็ตามลงมาในอ่าง เขานั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง มองดูเหยียนอี้ที่กำลังบีบนวดตัวให้ซ่งหลิงซูซ่งหลิงซูเปิดตาขึ้นเล็กน้อยมองดูสามีทั้งสองคนก่อนจะเลือกหันไปหาเหยียนอี้ที่อยู่ใกล้สุดแล้วดึงใบหน้าของเขาลงมาจูบอย่างดูดดื่ม แม้เขาจะตกใจในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ปล่อยกายปล่อยใจไปกับจูบอันหอมหวานนี้นางผละใบหน้าออกมาก่อนจะกางแขนออกอย่างเชื้อเชิญ “ข้าอยากโดนพวกเจ้ากอดแรง ๆ มากอดข้าเถิดนะ”เหยียนอี
บทที่ 15'เปิดโปงแผนการชั่ว'..ท้องพระโรงอันโอ่อ่าของวังหลวงในยามนี้แน่นขนัดไปด้วยขุนนางและข้าราชบริพารที่มาร่วมรับฟังการไต่สวนลี่จิ่นฮองเฮา พระนางถูกนำตัวมานั่งคุกเข่าอยู่กลางท้องพระโรงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่พระนางยังคงรักษาท่าทีสง่างาม สายตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง ดวงตาของพระองค์จ้องมองลี่จิ่นฮองเฮาด้วยความเย็นชา “ฮองเฮาเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางยาพิษอิงหวงกุ้ยเฟยและองค์หญิงสาม เจ้าจะปฏิเสธหรือไม่?”ลี่จิ่นฮองเฮาเงยหน้าขึ้นสบตาฮ่องเต้หย่งซวีด้วยสายตาแน่วแน่ “หม่อมฉันไม่ได้ทำ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หากหม่อมฉันผิดจริง ขอให้ฝ่าบาทนำหลักฐานมาแสดงต่อหน้าทุกคน!”คำพูดของพระนางทำให้บรรยากาศในท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบ ขุนนางบางคนเริ่มลังเล“สวีกงกงสารภาพว่าเจ้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง” ฮ่องเต้ทรงกล่าวต่อลี่จิ่นฮองเฮาหัวเราะออกมา “สวีกงกงเป็นเพียงขันทีผู้ต่ำต้อย คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักพอที่จะเอาผิดหม่อมฉันได้ หากฝ่าบาทต้องการเอาผิดหม่อมฉันจริง ๆ ก็หาหลักฐานมา”“ข้าเกรงว่าเจ้าจะมั่นใจเกินไปฮองเฮา”เซียวหยางชุนก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรงพร้อ
บทที่ 14‘ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง'..ไม่นานหลังจากนั้น ข่าวการเสียชีวิตขององค์หญิงซ่งหลิงซูก็แพร่กระจายไปทั่ววังหลวง ทหารนำศพของอดีตสนมที่ถูกจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นศพขององค์หญิงสามออกมาและประกาศว่าพระนางถูกทำร้ายจนสิ้นพระชนม์ในตำหนักเย็นอีกมุมหนึ่งของวังหลวงเหยียนอี้และฮ่องเต้หย่งซวีกำลังซ่อนตัวอยู่ใกล้ตำหนักของลี่จิ่นฮองเฮา ทั้งสองตั้งใจฟังบทสนทนาที่จะเกิดขึ้นภายในตำหนัก หลังจากที่ส่งสวีกงกงเข้าไปตามแผนสวีกงกงเดินเข้ามาในตำหนักฮองเฮาด้วยท่าทีเร่งรีบ ดวงหน้าของเขายิ้มกว้างราวกับกำลังยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อมาถึงเบื้องหน้าลี่จิ่นฮองเฮาจึงคุกเข่าลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“กระหม่อมขอแสดงความยินดีที่พระองค์สามารถกำจัดศัตรูได้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดนั้นทำให้ลี่จิ่นฮองเฮาหัวเราะออกมาอย่างสะใจ พระนางลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังหน้าต่าง ดวงตาฉายแววความสุขอย่างเปี่ยมล้น“ในที่สุด ข้าก็ทำสำเร็จ!” ลี่จิ่นฮองเฮาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดังลั่น“อิงหวงกุ้ยเฟยผู้ที่คิดจะเอาชนะข้าและลูกสาวผู้โง่เขลาของนาง พวกมันตายไปหมดแล้ว”สวีกงกงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พระนางทรงชาญฉลาดยิ่งนัก กระหม่อมไม
บทที่ 14‘ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง'..ในยามดึกสงัดที่ไม่ควรมีผู้ใดย่างก้าวไปมาในวังหลวงได้ แต่เหยียนอี้กำลังเดินเข้ามาในตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ด้วยท่าทีเคร่งขรึม ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นขณะที่มือลากคอสวีกงกงมาด้วยฮ่องเต้หย่งซวีนั่งรออยู่ก่อนแล้วเพราะขันทีคนสนิทเข้ามารายงานแต่แรกแล้วว่าเหยียนอี้ขอเข้าเฝ้า “แม่ทัพเหยียนเจ้าเข้ามาพบข้าในยามดึกเช่นนี้ มีเรื่องอะไรสำคัญ?”เหยียนอี้ผลักสวีกงกงลงไปตรงพื้นเบื้องหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท กระหม่อมพบว่าขันทีผู้นี้เป็นคนของฮองเฮาจึงนำตัวเขามาให้ฝ่าบาทสอบสวนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองสวีกงกงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคือคนของฮองเฮาจริงหรือ?”สวีกงกงตัวสั่นเทิ้ม ดวงหน้าซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหน้าลงต่ำ สารภาพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พ่ะย่ะค่ะ กะ… กระหม่อมเป็นคนของฮองเฮา กระหม่อมได้รับคำสั่งให้คอยรายงานเรื่องของอิงหวงกุ้ยเฟยและองค์หญิงซ่งหลิงซูให้พระนางทราบ”คำสารภาพนั้นทำให้ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น “แล้วฮองเฮาได้ทำร้ายอิงหวงกุ้ยเฟยหรือไม่?”สวีกงกงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เมื่อเห็นสายตาดุดันของฮ่องเต้ เขาก็จำต้องสารภาพ “พ่ะย่ะค่ะ ฮองเ
บทที่ 13‘ต่างคนต่างทำหน้าที่’..ค่ำคืนแรกในตำหนักเย็นเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมพัดผ่าน ซ่งหลิงซูนั่งอยู่บนเตียงไม้เก่าในห้องที่เย็นยะเยือก แม้จะเป็นสถานที่ที่หลายคนหวาดกลัวแต่ดวงตาของนางกลับฉายแววมั่นคง“ถ้าคิดจะใช้ที่นี่เพื่อทำลายข้า คงต้องพยายามมากกว่านี้หน่อย”เสียงฝีเท้าเบาดังขึ้นจากด้านนอกตำหนัก ซ่งหลิงซูที่กำลังหลับตาอยู่รู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ นางไม่ได้ขยับตัว แต่เงี่ยหูฟังเสียงอย่างระมัดระวังประตูห้องถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในความมืดพร้อมกับมีดเล่มหนึ่งในมือ ซ่งหลิงซูลืมตาขึ้นทันทีและพลิกตัวหลบมีดที่แทงลงมาอย่างเฉียดฉิว“เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ?” นางพูดขณะที่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วคนร้ายไม่ตอบแต่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง มีดในมือสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ซ่งหลิงซูคว้าหมอนบนเตียงขึ้นมาป้องกันการโจมตีก่อนจะใช้จังหวะนั้นเตะเข้าที่ข้อมือของคนร้ายจนมีดหลุดจากมือคนร้ายไม่ยอมแพ้พยายามต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ซ่งหลิงซูใช้ความคล่องตัวของนางหลบการโจมตีทุกครั้ง และสวนกลับด้วยการเตะเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มลงกับพื้นนางคว้ามีดที่ตกอยู่ขึ้นมาและในจังหวะที่คนร้ายพยาย