Masukในช่วงเวลานี้ อ๋องฟู่หยางเซินกำลังหลงระเริงในอำนาจของตนอย่างสุดขีด ครอบครองทุกสิ่งในราชสำนักและเมืองหลวงได้ตามใจชอบ ความกลัวถูกแผ่ปกคลุมไปทุกหนแห่ง ทุกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาต่างต้องยอมจำนน เขาทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง โดยไม่ลังเลที่จะทำลายชีวิตใครก็ตามที่กล้าคัดค้านหรือขัดขวางการกระทำของเขา ทุกคำสั่งของเขาถูกเชื่อฟังโดยไม่มีข้อสงสัย และไม่ว่าใครที่คิดจะท้าทาย จะต้องจบลงด้วยความหายนะ ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางความทะเยอทะยานที่ไร้ขีดจำกัดของเขาได้
ในขณะที่ท่านอ๋องมัวเมาอยู่ในอำนาจที่ตัวเองครอบครอง กลับมีสตรีนางหนึ่งที่ไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอเดินเข้ามาในโลกแห่งการทรยศและการหักหลังอย่างมั่นใจ เธอไม่ได้มองเห็นอำนาจของอ๋องฟู่หยางเซินเป็นสิ่งที่ทำให้เธอหวั่นเกรง กลับกัน เธอกล้าที่จะท้าทายเขาอย่างเต็มตัว โดยการสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติครอบครัวของเขา ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและบุตรหลานของเขาทุกคน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาชั่งน้ำหนักและใช้ในการวางแผนการตอบโต้
ในช่วงยามสายของวัน ลูกน้องของเยี่ยจิงหลินที่ได้รับมอบหมายให้ไปสืบข่าวจากที่ต่างๆ ก็เดินกลับมายังที่ของนาง โดยมีสีหน้าที่เคร่งขรึม ร่างกายของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความเคารพและระมัดระวัง เมื่อพวกเขามาถึงและนั่งลงก็เริ่มรายงานสิ่งที่ได้ค้นพบมา
"ท่านอ๋องมีบุตรชายทั้งหมด 5 คน" ลูกน้องคนหนึ่งเริ่มรายงานด้วยเสียงต่ำที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง "แต่ละคนล้วนมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป บางคนติดสุราจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บางคนใช้ชีวิตเสพสุขกับสตรีอย่างไม่เลือกหน้า ไม่ว่าเป็นลูกของใคร หรือแม้กระทั่งเมียของใคร พวกเขาก็ไม่มีข้อจำกัด"
ลูกน้องคนนี้หยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ "แม้แต่สิ่งผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ทุกอย่างที่ท่านอ๋องต้องการก็ล้วนเกี่ยวข้องกับบุตรหลานของท่านอ๋องทั้งหมด" เสียงของเขาดังก้องไปในห้อง แม้จะเงียบ แต่ท่าทีที่ยืนของเยี่ยจิงหลินยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทางใดๆ
"โดยรวมแล้ว...พวกมันคือเศษสวะ" ลูกน้องกล่าวต่อไปด้วยความเคารพ "ไม่มีสิ่งใดที่น่าสรรเสริญ พวกมันแค่เงาของท่านอ๋อง และคอยเสพสุขจากอำนาจที่พ่อของพวกมันได้ครอบครอง" เขาพูดถึงบุตรหลานของท่านอ๋องอย่างชัดเจนว่า พวกมันไม่มีคุณค่าหรือความสามารถที่น่าชื่นชม
เยี่ยจิงหลินนั่งฟังทุกคำพูดอย่างสงบ ราวกับว่าเธอได้เตรียมตัวรับข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว ความเย็นชาในท่าทางของนางไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ
"สตรีที่อยู่ข้างกายเขานั้น แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความละโมบโลภมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นภัยร้ายแรงอะไร" ลูกน้องพูดต่อ ขณะที่เขาสังเกตเห็นท่าทางที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จากนายหญิงของเขา แม้แต่การพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสพสุขของลูกชายท่านอ๋อง
"ดีมาก" นางกล่าวเบาๆ ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงของนางเย็นชาและเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก "ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าควรจะจัดการกับคนพวกนี้อย่างไร" นางคิดที่จะจัดการกับคนที่สมควรจะถูกกำจัดเท่านั้นนางไม่ใช่คนประเภทฆ่าคนไม่เลือกหน้าเหมือนท่านอ๋อง
ไม่เพียงแค่ข้อมูลเกี่ยวกับบุตรหลานของท่านอ๋องที่ลูกน้องของเยี่ยจิงหลินได้รวบรวมมา แต่ยังมีข่าวที่สำคัญเกี่ยวกับสถานที่ที่ท่านอ๋องพักอาศัยและการบริหารราชการในช่วงนี้อีกด้วย เมื่อท่านอ๋องขึ้นมาเป็นผู้รักษาการแทนพระองค์ ทุกสิ่งในราชสำนักเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ตามรายงานที่ได้รับมา ท่านอ๋องไม่ได้พักอาศัยในตำหนักอสรพิษเช่นเคย แต่ท่านอ๋องได้ย้ายที่พักไปอยู่ในตำหนักที่ภายในวังหลวง ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งอำนาจและความมั่งคั่งของราชสำนักในปัจจุบัน
ตำหนักอสรพิษนั้นไม่ใช่แค่สถานที่พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนเมืองนอกกฎหมาย ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครรู้ได้ มันเป็นแหล่งรายได้หลักที่ช่วยเสริมอำนาจของท่านอ๋อง
เพื่อติดตามการบริหารจัดการตำหนักอสรพิษ ท่านอ๋องได้เลือกให้บุตรชายคนโตของเขา ฟู่ซิวเหิง เป็นผู้ดูแล โดยฟู่ซิวเหิงไม่เพียงแต่เป็นบุตรชายที่ท่านอ๋องไว้วางใจมากที่สุด แต่ยังเป็นชายที่มีความสามารถสูงสุดในบรรดาบุตรทั้งหมด ชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่มีความฉลาดหลักแหลม แต่ยังชื่นชอบการพนันและการเสี่ยงโชคเป็นชีวิตจิตใจ ความสามารถในการคำนวณและการเข้าใจการจัดการทางการเงินของเขาทำให้เขาเป็นคนที่ท่านอ๋องเลือกให้ดูแลกิจการที่สำคัญอย่างตำหนักอสรพิษ
"หากข้าคิดที่จะจัดการกับชายผู้นี้ เริ่มต้นข้าจะต้องจัดการกับความมั่นคั่งของเขาก่อน" เยี่ยจิงหลินพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะคิดถึงความทรัพย์สมบัติและความร่ำรวยที่ท่านอ๋องสะสมจากการคุมธุรกิจที่มืดมิดและอำนาจที่เขากุมอยู่ “แต่ช่างน่าเสียดายที่ข้าเล่นการพนันไม่เป็น ไม่เช่นนั้นข้าก็จะสามารถไปหลอกเอาเงินพวกมันมาได้โดยง่าย” เสียงของนางเบาและทุ้มต่ำ นางรู้ดีว่า การทำลายความมั่งคั่งที่สร้างมาจากตำหนักอสรพิษนั้นสำคัญที่สุดแต่มันก็มีอุปสรรคเพราะตัวของนางเองก็ใช่ว่าจะเก่งไปทุกเรื่อง
หมอเทวดาหลานซือหมิง ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินคำพูดนั้นและเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะกล่าวออกมา"หากเจ้าเล่นพนันไม่เป็น แต่ตัวของข้านั้นรู้จักเทพพนันผู้หนึ่ง" น้ำเสียงของเขาภาคภูมิใจอย่างมาก "ชายผู้นี้เล่นพนันไม่เคยแพ้ ฝีมือของมันนั้นนับว่าเป็นหนึ่งของแผ่นดิน ขุนนางมากมายล้วนแล้วแต่หมดเนื้อหมดตัวก็เป็นเพราะมัน"
เยี่ยจิงหลินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ "เทพพนัน?" นางกล่าวเสียงเรียบ สายตาของนางตั้งใจฟังคำอธิบายต่อไป
"สุดท้ายแล้วมันจึงถูกตามล่าสังหารโดยผู้หมดเนื้อหมดตัว" หมอเทวดาหลานซือหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ฉายาของมันคือ เจ้าหนุ่มพันหน้า ทุกครั้งที่มันหนีตายมันจะมาหาข้าเพื่อทำการผ่าตัดแปลงโฉมค่าจ้างที่ค่าได้จากมันในแต่ล่ะครั้งนั้นมันไม่ใช่น้อยๆเลย"
หมอเทวดาพูดออกมาพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกาย ดวงตาของเขาส่องสว่างไปด้วยความภูมิใจในทรัพย์สินเงินทองที่เขาได้รับจากการช่วยเหลือเทพพนันผู้นี้
เยี่ยจิงหลินฟังไปเงียบๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่เจ้ายังเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาได้อีกเหรอ เจ้าก็แค่หมอเถื่อนชัดๆ” นางอดไม่ได้ที่จะพูดจาเสียดสีออกมา
"ข้ามีข่าวดีจะบอก" หมอเทวดาหลานซือหมิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ "เจ้าหนุ่มพันหน้าในตอนนี้มันอยู่ที่จวนของเจ้าพอดี เพราะมันต้องการมาหาข้าเพื่อให้ผ่าตัดแปลงโฉมให้มันอีกครั้ง"
คำพูดของหมอเทวดาทำให้เยี่ยจิงหลินหยุดคิดไปชั่วขณะ นางถึงกับยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น... ข้าคงต้องใช้ประโยชน์จากเทพพนันผู้นั้นซะแล้ว” หมอเทวดาหลานซือหมิงยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเบิกบานเขาต้องการให้นางรับรู้ว่าเขาไม่ได้มีดีแต่เพียงกินนอนอยู่ที่จวนของนางเฉยๆการที่ได้เขาผู้นี้เข้าร่วมด้วยสร้างคุณประโยชน์ให้กับนางแค่ไหนแน่นอนว่าตัวของหมอเทวดาผู้นี้ยังคงรู้สึกผูกใจเจ็บกับท่านอ๋องไม่หายที่กล้าสั่งให้คนมาตามล่าสังหารตนถึงแม้ว่าตัวของตนเองนั้นจะเฉือนความเป็นชายของลูกน้องของท่านอ๋องไปแล้วกว่า 500 นายแต่มันก็ยังไม่สามารถดับแค้นความในใจของเขาได้เลยการได้ติดตามสตรีนางนี้ วิธีการแก้แค้นของนางช่างเจ็บแสบยิ่งนักตัวเขาก็เปรียบเสมือนกับผู้ชมธรรมดาทั่วไปที่ได้นั่งชั้นแถวหน้าสุด
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







