เข้าสู่ระบบเมื่อเยี่ยจิงหลินเดินทางมาถึงตำหนักอสรพิษ นางยืนอยู่ในเงามืดและมองไปยังสถานที่แห่งนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ สถานที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากสวรรค์ของกลุ่มคนนอกกฎหมายและผู้ที่หลีกหนีจากกฎเกณฑ์ของสังคม อุดมไปด้วยสิ่งที่สามารถเติมเต็มความปรารถนาและอารมณ์ด้านมืดของผู้คนที่เข้ามาเยือน ทุกซอกมุมของสถานที่นี้ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการอันมืดมนของแต่ละคน
เยี่ยจิงหลินไม่แปลกใจเลยทำไมซุนฮ่าว พี่ชายผู้ไม่รู้จักตัวตนของตนเองถึงได้ลุ่มหลงในสถานที่แห่งนี้นัก สถานที่ที่มีทั้งร้านสุราอาหาร บ่อนการพนัน หอนางโลม หอนักฆ่าและทุกสิ่งที่สามารถตอบสนองความปรารถนาที่มืดมนที่สุดได้ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยการหลอกลวงและการพนัน บ่อนขนาดใหญ่เป็นแหล่งทำเงินที่สำคัญที่สุดในตำหนักอสรพิษ จึงไม่น่าแปลกใจที่มันดึงดูดผู้คนมากมายมาที่นี่ พวกเขาหลงไปกับการเล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว บ่อนการพนันแห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนเสียเงิน แต่ยังทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
เยี่ยจิงหลินรู้ดีว่าซุนฮ่าวก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของบ่อนแห่งนี้ ตระกูลซุนถูกยึดไปก็เพราะการพนัน ทำให้ตัวของมันตกอยู่ในความเสื่อมเสีย แม้กระทั่งเกียรติยศของตระกูล
ในช่วงเวลานี้เยี่ยจิงหลินไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังมีเทพพนันติดตามมาด้วย นอกจากนั้นยังมีลูกน้องที่มีฝีมือดีที่สุดของนางมากกว่า 100 คนที่มาด้วย พวกเขาทั้งหมดถูกสั่งให้ทำหน้าที่เป็นคนคุ้มกันห่างๆ
"ฮ่าฮ่าฮ่า สถานที่แห่งนี้มันน่าสนใจใช่ไหมล่ะสาวน้อย?" เสียงหัวเราะของเทพพนันจางหยูซินดังออกมาด้วยความเบิกบานใจ เขาเคยทำเงินได้มหาศาลจากสถานที่แห่งนี้ในอดีต หลังจากที่เขาผ่าตัดแปลงโฉมกลายเป็นหนุ่มหล่อเหลา ไม่เพียงแค่เขาดูแตกต่างจากเดิมแล้ว แต่ยังไม่มีใครสามารถจำเขาได้ เขาเริ่มกล่าวถามนางด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นการเป็นงานขึ้นมาบ้าง "เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใด? ว่ามาเลย"
เยี่ยจิงหลินยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความแยบยลและแฝงไปด้วยแผนการ "เจ้าจงใช้ทักษะการพนันของเจ้าอาละวาดให้เต็มที่ ใครกล้าเล่นกับเจ้าก็จงกินเงินมันให้หมด" น้ำเสียงของนางหนักแน่นและชัดเจน "เป้าหมายของเราคือปลาตัวใหญ่"
รอยยิ้มของเทพพนันค่อยๆ จางหายไป เมื่อเขาฟังคำพูดของเยี่ยจิงหลิน เขาถามด้วยความระมัดระวัง "นี่เจ้าจะบ้ารึ? หากทำเช่นนั้น ข้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?" เขารู้ดีว่าการที่เขาเคยทำเงินอย่างมากมายจากสถานที่แห่งนี้ก็ได้สร้างศัตรูไว้มากมายจนสุดท้ายต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาชีวิตรอด
เยี่ยจิงหลินฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "เจ้ามีอะไรต้องกลัว?" นางยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจและยื่นมือไปทางด้านหลัง "ทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันเจ้าตอนนี้ ล้วนแต่เป็นอดีตทหารเอกของแม่ทัพซุนเทา บิดาผู้ล่วงลับของข้าทั้งสิ้น" เสียงของนางหนักแน่นและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ปลาซิวปลาสร้อยไม่มีทางทำอะไรพวกเราได้เด็ดขาด"
เทพพนันหันมาจ้องมองเหล่าคนคุ้มกันที่ยืนอยู่ห่างๆ แล้วเขาก็ฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง ท่าทางของเขาเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อเขารู้ว่าฝีมือของทหารพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล "ฮ่าฮ่า แบบนี้ข้าค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย" เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความสนุกสนาน "ข้ารู้ถึงฝีมือคนพวกนี้เป็นอย่างดี พวกมันเคยทำงานให้กับแม่ทัพซุนเทาและสร้างชื่อเสียงกันมาแล้ว แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะยินดีติดตามสาวน้อยเช่นเจ้า"
การมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เทพพนันจางหยูซินรู้ดีว่าการใช้ชื่อจริงของเขาคงไม่ปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้ชื่อปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตามล่าจากผู้คนที่เคยสูญเสียเงินจากการพนันกับเขา "ในตอนนี้นั้นข้าชื่อว่า หวังเฉิน" เทพพนันกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ห้ามมีผู้ใดหลงลืมเป็นอันขาด เพราะชื่อที่แท้จริงของข้าเปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับนักเสี่ยงโชค"
เยี่ยจิงหลินพยักหน้า "เข้าใจแล้วพี่ชาย หวังเฉิน" นางเรียกชื่อชายผู้นี้ออกไป แม้จะรู้สึกกระดากปากเล็กน้อย เพราะนางรู้อายุที่แท้จริงของเขามีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาตอนนี้กลับดูเหมือนชายหนุ่มอายุเพียงแค่ 30 ต้นๆ เท่านั้น
เทพพนันจางหยูซินคือผู้ที่แสดงละครได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในครั้งนี้เขาสวมบทบาทเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่ทั้งหล่อเหลามีเสน่ห์และร่ำรวย การปลอมตัวในรูปแบบนี้ทำให้เขาดูเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่โลกการพนันครั้งแรก ด้วยท่าทางที่สง่างาม เขามีลูกน้องเดินตามหลังไม่ห่าง พร้อมทั้งขนเงินมาเป็นหีบๆ ทำให้เขาดูเป็นผู้ที่มีอำนาจและฐานะสูงส่ง ราวกับว่าโลกนี้ไม่อาจทัดเทียมเขา
ทางด้านเยี่ยจิงหลินเพียงแค่สวมผ้าคุมปิดบังใบหน้าและทำตัวราวกับสาวใช้ผู้มีหน้าที่ติดตามคุณชาย ท่าทางของนางนั้นเต็มไปด้วยความสงบและระมัดระวัง เมื่อถึงด้านหน้าทางเข้าบ่อน เด็กรับใช้ของบ่อนการพนันรีบเข้ามาต้อนรับอย่างดี
"เชิญขอรับคุณชาย" เด็กรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและเคารพอย่างมาก เขารู้ดีว่าคุณชายผู้มาเยือนในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นบุคคลที่มีฐานะสูง เพราะลักษณะท่าทางและการมาพร้อมกับลูกน้องที่มีความน่าเกรงขาม
เทพพนันจางหยูซินยิ้มออกมาอย่างร่าเริงและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม "ข้าเพียงแค่ต้องการมาเล่นเสี่ยงโชคเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นนั่นเป็นเพราะข้าเล่นการพนันไม่เป็น" เขาทำตัวราวกับเป็นหนุ่มน้อยที่เพิ่งจะเริ่มต้นกับโลกการพนัน ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะเป็นการเสี่ยงโชคที่ไม่เป็นเรื่องใหญ่
เด็กรับใช้ยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพ "งั้นเรียนเชิญท่านมาเดิมพันโต๊ะที่มีขนาดเล็กที่สุด เพราะการเดิมพันนั้นไม่สูงมากขอรับ" เด็กรับใช้จัดการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม เขามั่นใจว่าจะตอบสนองความต้องการของแขกผู้มีเกียรติได้อย่างไร้ที่ติ
การเริ่มต้นของเทพพนันในบ่อนการพนันแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา เขาทำตัวราวกับเพียงแค่ลูกค้าคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในโลกการพนัน เขาเริ่มต้นอย่างเงียบๆ กับการเดิมพันที่แทบจะไม่มีอะไรโดดเด่น นักพนันคนอื่นๆ ต่างก็เห็นเขาเป็นแค่ชายหนุ่มที่น่าสงสาร ผู้ที่ยังไม่สามารถควบคุมโชคของตัวเองได้ ทุกครั้งที่เขาลงเดิมพัน ดูเหมือนเขาจะต้องเสียเงินไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ทำให้เขาดูเหมือนเป็นเพียงแค่หมูในอวยในสายตาของผู้คน
แต่ความแพ้และการเสียเงินในช่วงแรกนั้นเป็นเพียงแค่การวางแผนเพื่อหลอกล่อเท่านั้น เทพพนันไม่ได้กังวลหรือรู้สึกท้อแท้ เขายังคงสั่งสุราและอาหารมาทานเพลิดเพลินไปกับการเสี่ยงโชค ทั้งหมดนี้คือการสร้างภาพลวงตาให้กับคนอื่นๆ เขากลับยิ้มและหัวเราะไปกับการพ่ายแพ้ในช่วงเริ่มแรก เสมือนหนึ่งว่าเขาคือชายหนุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นการพนันและไม่มีอะไรที่โดดเด่น
เวลาไม่ผ่านไปนานนัก ฝีมือที่แท้จริงของเทพพนันก็เริ่มเผยออกมาอย่างช้าๆ เขาเริ่มจับจังหวะเกมและทำการเล่นได้เสียบ้าง สลับกันไปมา เพื่อหลอกล่อให้คู่ต่อสู้คิดว่าเขายังคงไม่สามารถควบคุมเกมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้น
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







