เข้าสู่ระบบแม้ว่า เยี่ยจิงหลิน จะเพิ่งเข้ามาในโรงเรียนฝึกตนแห่งนี้ แต่ชื่อเสียงของนางกลับเริ่มโด่งดังในทิศทางที่ไม่ค่อยดีนัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้ชื่อของนางเป็นที่รู้จักไปทั่ว แต่ก็เป็นการรู้จักในด้านที่น่ากลัวมากกว่าผู้คนต่างก็เริ่มกลัวและไม่กล้าที่จะกลั่นแกล้งนางแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นพวกศิษย์รุ่นพี่หรือแม้แต่ผู้คุมสอบที่เคยหมายจะจัดการนาง ต่างก็พากันหลีกเลี่ยงนางอย่างเห็นได้ชัด
ชีวิตของนางในโรงเรียนนี้จึงเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว ความนิ่งเงียบและเย็นชาของนางไม่ทำให้ใครเข้าหานางมากนัก นางไม่ได้ต้องการมิตรภาพหรือการยอมรับจากใครในที่นี้ ตรงกันข้าม นางมาที่นี่เพียงเพื่อจุดหมายเดียวเท่านั้น คือการศึกษาทักษะเกี่ยวกับการใช้ปราณให้มีความท่องแท้ยิ่งขึ้น
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยข้อแตกต่างจากสถานที่ฝึกฝนอื่นๆ ที่ เยี่ยจิงหลิน เคยได้ยินมา ที่นี่ไม่มีระยะเวลาเรียนที่ตายตัว ไม่มีตารางการสอนที่ชัดเจนหรือหลักสูตรที่ต้องปฏิบัติตามแบบที่คุ้นเคย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อมและความมั่นใจในทักษะของตัวเอง
ผู้ที่มีความสามารถจริงๆ และมั่นใจในความรู้หรือทักษะที่ตนเองมี สามารถยื่นเรื่องเพื่อเข้ารับการทดสอบและจบการศึกษาได้ทันที บางคนที่มีฝีมือสูงอาจไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่นๆ เพราะพวกเขาสามารถทดสอบและพิสูจน์ความสามารถของตนเองได้โดยตรง ความสำเร็จในที่นี้ไม่ได้วัดจากระยะเวลาในการฝึกฝน แต่จากผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนจากความสามารถของแต่ละคน
เยี่ยจิงหลิน ใช้เวลาส่วนใหญ่ภายในห้องสมุดของโรงเรียนฝึกตน เพื่อศึกษาทักษะเกี่ยวกับการใช้ปราณอย่างทุ่มเทและไม่ย่อท้อ อาจารย์ในที่นี่แม้จะมีความสามารถในการฝึกฝนคนทั่วไป แต่ไม่มีใครที่สามารถสั่งสอนนางได้ เนื่องจากฝีมือของนางใกล้เคียงกับ แม่ทัพซุนเทา ผู้มีชื่อเสียงในด้านการใช้ปราณ จนทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกว่าไม่มีใครที่เหมาะสมจะเป็นผู้แนะนำเธอในเรื่องนี้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชีวิตของเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว เธอเลือกที่จะอยู่ในที่เงียบสงบ ใช้เวลาศึกษาและฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครเข้าหานางมากนัก และนางก็ไม่เคยรู้สึกเหงาหรือเบื่อหน่าย สิ่งที่นางต้องการคือความเข้าใจลึกซึ้งในทักษะการใช้ปราณ เพื่อจะก้าวไปสู่ความสามารถที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย
ความโดดเดี่ยวของนางกลับกลายเป็นความพึงพอใจ เพราะมันทำให้นางมีเวลาและสมาธิเต็มที่ในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง สิ่งที่เธอปรารถนาคือการเข้าใจและเป็นเจ้าของทักษะในการใช้ปราณที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่การค้นหามิตรภาพหรือการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
หลังจากสองปีของการทุ่มเทให้กับการฝึกฝน ตอนนี้เยี่ยจิงหลินได้เข้าใจการใช้ปราณอย่างท่องแท้ ทักษะต่างๆ ที่เธอได้เรียนรู้จากตำราและการฝึกฝนด้วยตัวเอง ทำให้เธอสามารถใช้พลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น
เยี่ยจิงหลิน ก้าวออกจากห้องสมุดด้วยความตั้งใจแน่วแน่ในใจ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทดสอบความสามารถของตนเองเพื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนฝึกตนแห่งนี้ นางเข้าหา ท่านอาจารย์ ผู้แก่ชราที่มีพลังฝีมืออันล้ำลึกในสถานที่แห่งนี้ และกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงและความตั้งใจ "ท่านอาจารย์ ข้าต้องการที่จะได้รับการทดสอบเพื่อที่จะจบการศึกษา"
ท่านอาจารย์มองดูนางด้วยแววตาที่ลึกซึ้งและพยักหน้าช้าๆ โดยไม่แสดงท่าทีตกใจหรือคาดหวังมากนัก เพราะเขารู้ดีว่าเยี่ยจิงหลินมีความสามารถที่เหนือกว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสถานที่แห่งนี้ จึงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความชื่นชม "เยี่ยจิงหลิน ข้าไม่มีอะไรที่จะทดสอบเจ้า สถานที่แห่งนี้อาจจะเล็กเกินไปสำหรับเจ้า แต่มันก็เพียงพอที่จะเปิดโลกใหม่ให้กับเจ้ามากขึ้น ข้าขอรับรองว่าเจ้าจะสามารถจบการศึกษาแล้ว"
คำพูดของอาจารย์ทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและการยอมรับในความสามารถของตนเอง
เมื่อ เยี่ยจิงหลิน จบการศึกษาและออกจากโรงเรียนฝึกตนแห่งนั้น ความตั้งใจที่เคยมีตั้งแต่แรกก็ได้บรรลุผลแล้ว เธอเดินทางกลับไปยังจวนของ แม่ทัพซุนเทา ทันที เมื่อไปถึงที่จวน สภาพของ แม่ทัพซุนเทา ก็แสดงออกถึงความตื่นตะลึงและความตกใจที่เห็นบุตรสาวของเขากลับมาพร้อมกับความสำเร็จที่ไม่เคยคาดคิด
แม่ทัพซุนเทา มองดู เยี่ยจิงหลิน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารู้ดีว่าโรงเรียนฝึกตนแห่งนั้นไม่ใช่สถานที่ที่สามารถผ่านการทดสอบได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่สองปีเท่านั้น และแม้ว่าชื่อเสียงของบุตรสาวจะไม่ดีนัก แต่ผลงานที่เธอทำได้นั้นกลับสามารถพิสูจน์ถึงพลังฝีมือที่น่าเกรงขามของเธอได้อย่างชัดเจน
"สองปี..." แม่ทัพซุนเทา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ "เพียงแค่สองปีเจ้าก็สามารถผ่านหลักสูตรของโรงเรียนฝึกตนได้? นี่มัน... ไม่น่าเชื่อจริงๆ" เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ในตัวบุตรสาวของเขามากขึ้น
เมื่อมองถึงความสามารถของ เยี่ยจิงหลิน ในตอนนี้ แม่ทัพซุนเทา ไม่สามารถมั่นใจในฝีมือของตนเองได้เลย หากเขาต้องปะทะกับบุตรสาวของเขาตอนนี้ แม้แต่เขาที่มีประสบการณ์มากมายก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกัน ลูกหลานของ แม่ทัพซุนเทา คนอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่าหรือมีตำแหน่งสูงกว่าก็ยังไม่เคยสามารถผ่านหลักสูตรที่ เยี่ยจิงหลิน เพิ่งจบได้เลยแม้แต่คนเดียว การที่เธอเป็นคนแรกที่ทำได้ในเวลาอันสั้นนี้ ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามองในตระกูล
“ท่านพ่อตลอด2ปีที่ผ่านมาข้ายินดีที่จะทำเพื่อท่านทุกอย่างขอข้ากลับไปหาท่านแม่ได้รึไม่” นางร้องขอท่านแม่ทัพผู้ที่มีหัวใจเย็นชาสำหรับนางและแม่เสมอมานางขอเขาเพียงแค่นี้นางคาดหวังว่าเขาจะตามใจนางบ้าง
“จงกลับไปเถอะให้แม่ของเจ้าชื่นชมในความสำเร็จของเจ้า” ท่านแม่ทัพพูดอย่างอารมณ์ดีตัวของเขาในช่วงเวลานี้นั้นรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้ชื่นชมความสำเร็จของนางการที่นางร้องขอกลับไปเยี่ยมแม่ของนางผู้ซึ่งเป็นอดีตสาวใช้ของเขาถือว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยเป็นอย่างมากถ้าหากอยากที่จะได้ใจบุตรสาวคนนี้บางทีเขาต้องอ่อนตามนาง
เยี่ยจิงหลินเดินทางกลับไปยัง หมู่บ้านไท่ผิงชุน โดยไม่รอช้า เมื่อได้รับอนุญาตจากท่านแม่ทัพ แม้เวลาจะผ่านไปสองปีแล้วแต่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงมีความแร้นแค้นและทุรกันดารเหมือนเดิม สถานที่ที่เคยเป็นบ้านของนางนั้นยังคงแสดงให้เห็นถึงความยากลำบาก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือความรักและความอบอุ่นที่นางรู้สึกจากแม่ของนาง
แม้หมู่บ้านจะเต็มไปด้วยความยากจนและไม่มีการพัฒนาเหมือนกับที่เยี่ยจิงหลินเคยพบเจอในสถานที่ฝึกฝน แต่ทุกก้าวย่างที่นางเดินเข้าไปในหมู่บ้านกลับทำให้หัวใจของนางอบอุ่นขึ้น ภายในใจของนางยังคงเต็มไปด้วยความผูกพันและความทรงจำที่ดี
นางเดินผ่านถนนที่คุ้นเคย ท่ามกลางบ้านเรือนที่ยังดูเรียบง่ายและทุรกันดาร เหมือนกับในอดีต แต่ทุกอย่างที่ผ่านตานั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกถึงบ้านที่แท้จริง บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มีความหรูหราเหมือนกับสถานที่อื่น ๆ ที่นางเคยไปพบเจอ แต่สำหรับนางแล้ว หมู่บ้านไท่ผิงชุน คือที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความทรงจำที่มีค่า
เมื่อมาถึงบ้านของนาง นางเห็นแม่ยืนรออยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความหวัง หญิงสาวคนที่นางรักและเคารพที่สุด รอคอยนางกลับมาเสมอ แม้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความรักของแม่ก็ไม่เคยจางหายไปจากใจของนาง
"แม่..." เยี่ยจิงหลินเรียกเสียงเบา ขณะที่เดินเข้าไปใกล้แม่ของนาง
"เยี่ยจิงหลิน" เสียงของผู้เป็นแม่เอื้อนเอ่ยด้วยความยินดีและความรักล้นใจ
เยี่ยจิงหลินยิ้มอย่างอบอุ่น "ข้ากลับมาแล้วท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว" นางกล่าวด้วยความรู้สึกอบอุ่นและความสุขที่ไม่ได้เห็นมานาน
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







