เข้าสู่ระบบในความโกลาหลที่ปะทุขึ้นภายในจวน เยี่ยจิงหลินที่เคยเฝ้าสังเกตการณ์จากในเงามืดก็ต้องออกมาแสดงฝีมือเพียงเล็กน้อยเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้สมดุล หากปล่อยให้ทหารภายในจวนจัดการกันเอง พวกเขาคงพากันล้มตายเสียก่อนที่จะกำจัดชายผู้นี้ได้สำเร็จ
นางเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ร่างบางของนางเหมือนแสงสว่างที่พุ่งผ่านความมืด ทักษะอันแหลมคมและการเคลื่อนที่ที่เปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงทำให้ทหารในจวนที่ยังมีสติถึงกับหยุดชะงักมองตามนางด้วยความตกตะลึง เยี่ยจิงหลินใช้นิ้วเรียวบางหยิบเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา ซัดเข็มนั้นด้วยพลังปราณที่แม่นยำและรุนแรงเข้าใส่ร่างของอดีตคนสนิดของอัครมหาเสนาบดี เข็มเงินปักเข้าไปในจุดพลังปราณสำคัญภายในร่างกายของมัน ร่างของชายผู้นั้นกระตุกทันทีเมื่อสัมผัสพลังแฝงของเข็มเงิน
ชายคนนั้นพยายามที่จะรีดพลังปราณในตัวออกมาเพื่อต่อสู้ แต่กลับพบว่าพลังของเขาไม่ตอบสนอง มันหันมาจ้องเยี่ยจิงหลินด้วยความตกใจและโกรธแค้น "เจ้าคิดว่าแค่เข็มเงินจะหยุดข้าได้หรือ?!" มันตะโกนด้วยความโมโห ก่อนพุ่งตัวเข้ามาหานาง
เยี่ยจิงหลินไม่หวั่นไหว เธอรับมือกับการโจมตีของมันอย่างง่ายดาย นางประมือกับชายผู้นั้นด้วยการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายแต่ว่องไว ราวกับนางกำลังเล่นสนุกกับการต่อสู้ ดาบในมือของมันฟาดฟันไปมา แต่ไม่มีการโจมตีใดที่สัมผัสร่างของเยี่ยจิงหลินได้แม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายตน นางหยุดการโจมตีและปล่อยให้ทหารภายในจวนจัดการส่วนที่เหลือต่อ “ข้าคงไม่จำเป็นต้องลงมือมากกว่านี้...” นางคิดในใจ หากเธอแสดงฝีมือมากจนเกินไป ตัวของเธออาจจะตกเป็นที่สงสัย
เยี่ยจิงหลินถอยกลับเข้าไปในเงามืดอย่างสงบ ปล่อยให้เสียงอาวุธกระทบกันและเสียงตะโกนก้องยังคงดังกังวานในจวน สถานการณ์ดำเนินไปอย่างที่เธอวางแผนไว้ ท่ามกลางความโกลาหลนี้ เธอยังคงเฝ้าดูด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในจวนเริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นมือเป็นเท้าคู่ใจของอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน บัดนี้ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสดๆ ไหลโชกชุ่มทั่วร่าง สายตาอันดุดันของเขาเริ่มพร่ามัว ความแข็งแกร่งที่เคยทำให้ใครต่อใครเกรงกลัว บัดนี้กลายเป็นเพียงเงาของอดีต
เสียงหอบหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ ราวกับร่างกายของเขากำลังยอมจำนนต่อแรงกดดันและความเจ็บปวด ทหารในจวนหลายคนล้อมกรอบเขาไว้ พวกเขามองเห็นความเหนื่อยล้าของชายผู้นี้และเตรียมพร้อมที่จะปลิดชีพเขาในจังหวะที่เหมาะสม
ในขณะที่ชายผู้นั้นพยายามฝืนร่างกายของตนเองเพื่อสวนกลับ คมดาบของหนึ่งในทหารก็พุ่งเข้าใส่อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ดาบนั้นฟันเข้าสู่จุดสำคัญของร่างกายเขา เสียงร้องสั้นๆ ของชายผู้นั้นดังขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงไปกับพื้น เลือดทะลักออกมาจากบาดแผลที่ลึกจนไม่อาจเยียวยาได้
เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างกายจะหมดแรงและล้มลง ลมหายใจของเขาสิ้นสุดในที่สุด เสียงที่เคยตะโกนสั่งการหรือคำรามด้วยความโกรธแค้น บัดนี้เงียบสงัดราวกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่
สีหน้าของเยี่ยจิงหลินในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจและสงบนิ่ง ภายใต้ความเงียบสงัดของจวน ความสำเร็จที่เธอวางแผนมานานเริ่มปรากฏเป็นจริง แผนการ "ยืมมือฆ่า" ที่เธอวางไว้อย่างแยบยลได้บรรลุผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ เธอไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง การที่จะดับลมหายใจของชายผู้แข็งแกร่งสักคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางเลย หากแต่ความซับซ้อนอยู่ที่ตำแหน่งและอำนาจของเขา
อัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน ชายผู้มีอำนาจล้นฟ้า เขาไม่เพียงแค่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ ซึ่งทำให้การสังหารเขาตรงๆ เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป องค์ฮ่องเต้คงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ การลงมืออย่างตรงไปตรงมาจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด
"การยืมมือสังหารเช่นนี้ ช่างสะอาดและงดงามเสียจริง" นางคิดในใจ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่แฝงไว้ด้วยความสะใจ การปล่อยให้ทหารผู้จงรักภักดีต่ออัครมหาเสนาบดีเป็นผู้ลงมือฆ่ากันเอง ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถโยงความผิดนี้กลับมาถึงตัวนางได้ และเรื่องราวทั้งหมดก็ดูเหมือนจะเป็นการแก้แค้นส่วนตัวของทหารคนนั้น
เยี่ยจิงหลินมองไปยังร่างไร้วิญญาณของถังเหวยหมินที่นอนจมกองเลือดอยู่เบื้องหน้า ตำแหน่งใหญ่โตและความเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ไม่สามารถช่วยเขาจากจุดจบที่นางวางแผนไว้ได้ "แม้เจ้าอ้วนจะเป็นคนโปรดของฮ่องเต้...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอมตะ" นางพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไม่นานนัก ทหารจากภายนอกจวนได้มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับความตกใจที่แล่นเข้ามาเต็มหัวใจ เมื่อพบว่าอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน ผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจได้สิ้นชีพลงแล้ว ท่ามกลางซากความวุ่นวายและกลิ่นคาวเลือดที่ยังคงคละคลุ้งในอากาศ เสียงกระซิบกระซาบของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและตื่นตระหนก
ทางด้านของเยี่ยจิงหลิน นางนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้สีเลือด ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าภาพความตายและความโหดร้ายที่อยู่เบื้องหน้าได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่จิตใจของนางจนมิอาจรับมือไหว ร่างเล็กๆ ของนางสั่นเทาราวกับลูกนกที่หลุดจากรัง ทหารที่เห็นภาพนั้นถึงกับใจอ่อน ไม่อาจคาดคิดว่าสาวน้อยบริสุทธิ์เช่นนี้จะต้องมาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้
"คุณหนูเยี่ย ท่านไม่ต้องกลัวไป เราจะพาท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัย" หนึ่งในทหารพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะพยายามประคองนางขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง
เยี่ยจิงหลินพยักหน้าช้าๆ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่หยุด ราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะที่หวาดกลัวสุดขีด นางไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา นอกจากเสียงสะอื้นเบาๆ ที่ฟังแล้วช่างน่าสงสารอย่างยิ่ง
ไม่นานนัก ทหารกลุ่มนั้นได้ส่งตัวนางกลับไปยังจวนแม่ทัพซุนเทาอย่างเร่งด่วน พวกเขาแสดงความเห็นใจและระมัดระวังนางราวกับว่ากำลังดูแลสมบัติอันล้ำค่า ในสายตาของพวกเขา เยี่ยจิงหลินคือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โชคร้ายต้องมาเผชิญกับภาพเหตุการณ์ที่โหดร้ายเกินกว่าจะรับไหว
เมื่อถึงจวนแม่ทัพซุนเทา ทหารที่มาส่งกล่าวคำลาและรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ผู้คนในจวน ก่อนจะจากไปด้วยความอาลัย เยี่ยจิงหลินถูกพากลับเข้าห้องส่วนตัวของนางทันที สีหน้าของนางยังคงแสดงความอ่อนล้าและเสียขวัญ ราวกับว่าความกลัวได้กัดกินจิตใจของนางจนแทบไม่เหลือพลัง
ทว่า เมื่อประตูห้องปิดลง เยี่ยจิงหลินปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างเบามือ ดวงตาที่เคยดูไร้เดียงสาเปลี่ยนเป็นประกายเย็นชา ริมฝีปากของนางคลี่ยิ้มเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







