เข้าสู่ระบบประสบการณ์ในการร่วมรักของเจ้าอ้วนนั้นนับว่าไม่เสียเปล่าชายผู้นี้นั้นมักมากไปด้วยความปรารถนาเขาเคยผ่านเรือนร่างของสาวงามมาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนดังนั้นแล้วลีลาที่เจ้าอ้วนใช้ลิ้นนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากศิลปินที่รังสรรค์ผลงาน ลิ้นของเขาพลิ้วไหวไปมาอย่างเร่าร้อนจนทหารคนสนิดเรือนร่างแทบที่จะอ่อนระทวยลิ้นของเขาตอบรับคำของผู้เป็นนายอย่างไม่รู้ตัวลิ้นของคนทั้งสองพลิ้วไหวราวกับกำลังเต้นระบำภายในริมฝีปากของกันและกัน
“นายท่านได้โปรด” ตัวของเขาในยามนี้นั้นมีลมหายใจที่เหนื่อยหอบหลังจากที่แรกรสริมฝีปากกับผู้เป็นนายอย่างหนักหน่วงเยี่ยจิงหลินจ้องมองฉากร่วมรักของคนทั้งสองอย่างไม่วางตาพร้อมทั้งนางกล่าวเสียงหวานใสด้วยสีหน้าระรื่น
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกท่าน คิก คิก” นางส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“นางสารเลว ตัวเจ้านั้นมันช่างต่ำช้านัก” ชายผู้นี้เริ่มกลับมีสติกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งเมื่อได้รับฟังคำถากถางของนาง ทางด้านของอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน เขาเริ่มทำการลูบไล้เรือนร่างของลูกน้องอีกครั้งความรู้สึกของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา
“นายท่านได้โปรด!!!” เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะดิ้นรนขัดขืนเมื่ออัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน รุกเร้าหนักยิ่งขึ้นหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเขาก็เบิกตากว้างในที่สุดเขาก็ถูกพรากพรากพรหมจรรย์ไปจนได้ เจ้าอ้วนขย่มเรือนร่างของทหารรับใช้อย่างหนักหน่วงและรุนแรง
“บัดซบที่สุด บัดซบที่สุด” เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่ยินยอมนี่ตนเองกำลังฝันไปอย่างงั้นเหรอแล้วเมื่อไหร่ตนจะตื่นจากฝันร้ายในครั้งนี้สักที
เยี่ยจิงหลินยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม นางยกมือขึ้นโปรยผงดอกไม้หอมชนิดหนึ่งลงในอากาศ กลิ่นหอมอันลึกลับนั้นค่อยๆ ล่องลอยไปทั่วทั้งจวน ราวกับมีชีวิตของมันเอง ผงดอกไม้หอมนี้เป็นสิ่งที่นางเตรียมไว้อย่างดี มันจะช่วยปลุกผู้คนที่ถูกทำให้หลับใหลกลับมาสู่ความตื่นตัว และเริ่มเผยโฉมความสับสนอลหม่านในจวนที่ดูสงบเงียบมาเนิ่นนาน
ไม่นานนัก เสียงขยับตัวและเสียงพึมพำของผู้คนที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลก็ดังก้องไปทั่ว เสียงเรียกหากันด้วยความสับสนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เยี่ยจิงหลินยังคงยืนอยู่ในมุมมืด รอยยิ้มของนางเผยออกมาราวกับกำลังชื่นชมบทละครที่นางเป็นผู้กำกับอยู่
“ช่วยด้วย… ช่วยด้วย…” นางเปล่งเสียงออกมาเบาๆ แต่แผ่วเบานั้นกลับแทรกซึมไปในอากาศได้อย่างน่าประหลาด จากนั้นเสียงของนางก็ทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความโกลาหลที่เริ่มก่อตัวในจวน
“ช่วยด้วย! ช่วยท่านอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน ด้วย!” นางตะโกนเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือราวกับนางเป็นเหยื่อผู้ทุกข์ร้อน ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ราวกับกำลังสนุกสนานกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เสียงของนางปลุกให้เหล่าทหารและคนรับใช้ในจวนที่เพิ่งตื่นพากันวิ่งกรูมาทางห้องโถงอาหาร เมื่อพวกเขามาถึง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ร่างของนายทหารคนสนิทของถังเหวยหมินอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู โซ่ตรวนที่ล่ามแขนขาของเขาไม่เพียงแค่นั้น อัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน ที่ผู้คนต่างเคารพนับถือกำลังขย่มเรือนร่างของชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่งผู้คนที่เห็นฉากตรงหน้าพวกตนแทบที่จะหยุดลมหายใจเพราะมันเป็นภาพที่อุจาดตาเป็นอย่างมาก
ทหารคนสนิดผู้เป็นถึงผู้ใช้พลังปราณขั้นปลายหลั่งน้ำตาออกมาแทบเป็นสายเลือดเมื่อถูกผู้เป็นนายย่ำยีเรือนร่างของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายความเคลิบเคลิ้มอะไรนั้นไม่หลงเหลืออีกแล้วมีเพียงแต่ความอับอายและความเจ็บแค้นเท่านั้น
อ๊ากกก!!! เขาส่งเสียงร้องราวกับสัตว์อสูรที่คลุ้มคลั่งที่ถูกหยามเกียรติ เยี่ยจิงหลินคิดในใจว่าบางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว พร้อมกับปลดปล่อยโซ่ตรวนที่พันธนาการนายทหารคนสนิทออกด้วยพลังปราณที่แฝงไว้ในตัว
หลังจากที่โซ่ตรวนหลุดออก นายทหารคนสนิทที่ถูกปลดปล่อยกลับมามีอิสระ ร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและความโกรธเคืองที่ถูกอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมิน กระทำกับเรือนร่างของเขา
อย่างหยาบช้า
นายทหารคนสนิทรวบรวมพลังปราณในร่างกายของเขาและปล่อยออกไปในทันที แรงพลังนั้นรุนแรงจนทำให้อากาศรอบตัวเขาสั่นสะเทือน ร่างของถังเหวยหมินถูกพลังปราณกระแทกเข้าอย่างจัง เสียงกระแทกของพลังอัดเต็มไปด้วยความดุดัน ราวกับแผ่นดินแตกสลาย ทุกสิ่งรอบตัวกลับเงียบลงไปชั่วขณะ
เมื่อพลังปราณนั้นกระทบเข้ากับร่างของถังเหวยหมินอย่างหนัก ทหารที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจ้องมองไปที่การกระทำของนายทหารคนสนิทอย่างไม่เชื่อสายตา ความตกใจและความไม่เข้าใจปกคลุมใบหน้าของพวกเขา
"นี่ท่านทำอะไรลงไป?! ท่านเป็นบ้าแล้วอย่างงั้นเหรอ?" เสียงหนึ่งตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ชายผู้นี้ไม่ยินยอมให้ความลับหรือความอับอายใดๆ ของตนถูกเปิดเผยออกไป เขามีดวงตาดุจสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาจึงตัดสินใจที่จะทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาให้หมดสิ้น เพื่อหลบหนีไปในความมืดและไม่มีร่องรอย
ชายผู้นี้เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ราวกับสัตว์ร้ายที่หนีจากการถูกล่า เขาจัดการกับทหารที่อยู่ในจวนทีละคนอย่างเงียบเชียบและไร้ความปรานี ไม่มีใครรู้ว่าความตายจะมาเยือนจากทิศทางไหน ความกลัวในหัวใจของทหารที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้นยิ่งทำให้เขาควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย
ทางด้านเยี่ยจิงหลิน ยิ้มบางๆ ขณะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอรู้ดีว่าแผนการที่เธอวางไว้นั้นกำลังเดินไปในทิศทางที่เธอต้องการ นี่คือผลลัพธ์ที่นางคาดหวังไว้ หากนางลงมือจัดการสังหารถังเหวยหมินด้วยมือของตนเอง มันอาจจะก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมา โดยเฉพาะหากเรื่องราวนี้ไปถึงหูขององค์ฮ่องเต้ ซึ่งจะทำให้นางต้องเผชิญกับการแก้แค้นจากผู้มีอำนาจที่สูงกว่า
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่ในเงามืด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจที่ได้เห็นการล่มสลายของผู้อื่นอย่างไม่มีทางเลือก การต่อสู้และการฆ่าฟันระหว่างทหารภายในจวนที่ทำให้สถานการณ์ลุกลามไปในทางที่นางต้องการ ชายผู้ที่เคยมีอำนาจสูงส่ง กำลังดิ้นรนเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง แต่มันกลับกลายเป็นการล่มสลายของเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
"พวกเราต้องร่วมมือกันกำจัดชายผู้นี้..." เสียงของเยี่ยจิงหลินดังขึ้นในห้อง เธอพูดจาปลุกระดมทหารที่ยังเหลืออยู่ในจวนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง "อย่าให้การตายของอัครมหาเสนาบดี ถังเหวยหมินต้องเสียเปล่า"
คำพูดของนางเหมือนกับการส่งสัญญาณให้ทหารทุกคนที่ยังคงเหลืออยู่เตรียมพร้อมที่จะลงมือทำสิ่งที่นางต้องการ การที่เห็นพวกเขาฆ่ากันเองไม่ใช่เรื่องน่าสลดสำหรับนาง แต่มันกลับกลายเป็นการแสดงออกถึงความสุขภายในจิตใจที่เยี่ยจิงหลินไม่สามารถปกปิดได้ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อยในความเพลิดเพลินที่ได้เห็นการล่มสลายนี้
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"




![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


