로그인หลังจากที่เยี่ยจิงหลินได้เข้าร่วมสมาคมนักผจญภัย นางก็เลือกดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยรับทำเพียงภารกิจที่ดูเหมือนไม่ค่อยท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการหาพืชสมุนไพรในป่าลึก หรืองานรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันพ่อค้าแม่ค้าระหว่างเดินทางขนส่งสินค้า ภารกิจที่นางเลือกล้วนแต่เป็นงานที่ไม่ต้องใช้พลังฝีมือมากมาย แต่กลับให้ความรู้สึกสงบและไม่เร่งรีบ
เยี่ยจิงหลินเดินทอดน่องอย่างสบายใจไปตามเส้นทางที่ถูกปกคลุมด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ขณะที่ในมือมีตะกร้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรสด เธอทอดสายตาไปยังทิวทัศน์รอบตัว พลางคิดว่าโลกภายนอกนี้มีเสน่ห์มากกว่าที่คาด นางไม่ได้สนใจเรื่องค่าตอบแทนจากภารกิจเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพราะในยามนี้ ทรัพย์สมบัติเงินทองที่นางครอบครองอยู่นั้นมากมายจนเกินพอ
"เงินทอง... ของเหล่านี้ข้าไม่ต้องการเพิ่มอีกแล้ว" นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า งานที่นางทำในแต่ละวัน เป็นเพียงเพื่อฆ่าเวลาและค้นหาความสงบในจิตใจ นางไม่ได้ต้องการสร้างชื่อเสียงหรือไต่ระดับขึ้นไปในหมู่นักผจญภัยเลยแม้แต่น้อย
หลายคนในสมาคมต่างรู้สึกแปลกใจที่หญิงสาวผู้มีฝีมือโดดเด่นขนาดนี้กลับเลือกทำแต่ภารกิจง่าย ๆ ราวกับคนไร้เป้าหมายในชีวิต แต่นางไม่สนใจคำถามเหล่านั้น ในใจของเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยความเรียบง่าย นางเพียงอยากใช้ชีวิตในแบบที่นางพอใจ ไม่ต้องผูกมัดกับความวุ่นวายใด ๆ
ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นและเสียงจอแจของผู้คนภายในเมืองหลวง เยี่ยจิงหลินเดินทอดน่องอย่างสงบ สายตาสำรวจรอบตัวเพื่อซึมซับบรรยากาศอย่างไม่เร่งรีบ แต่ในจังหวะนั้นเอง คิ้วของนางพลันยกขึ้นสูง แววตาที่เคยเรียบเฉยกลับเปลี่ยนไปด้วยความไม่คาดคิด
ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน สตรีที่นางจำได้ขึ้นใจ ผู้หญิงที่นางเคยมีโอกาสเกือบปลิดชีพเมื่อครั้งอดีตปรากฏตัวต่อหน้านางในเวลานี้
"นาง... มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?" เยี่ยจิงหลินกระซิบกับตัวเองเบา ๆ ดวงตาคมกริบของนางจับจ้องไปที่ร่างของสตรีผู้มาเยือน นางไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจไว้ได้ เพราะสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดไม่ใช่การที่อันเหยาเหวินปรากฏตัว แต่เป็นการที่นางมาเพียงลำพัง ไม่มีข้ารับใช้หรือผู้ติดตามใด ๆ ทั้งที่โดยปกติแล้ว ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลซุนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ ควรมีผู้ติดตามล้อมรอบทุกย่างก้าว
เยี่ยจิงหลินก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ ใจหนึ่งของนางเต้นระรัว ความทรงจำในอดีตหวนกลับมาอย่างชัดเจน ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นที่นางตัดสินใจจะปลิดชีพอันเหยาเหวินอย่างเยือกเย็นแต่กลับถูกพ่อของนาง แม่ทัพซุนเทา ผู้ชายที่เยี่ยจิงหลินไม่เคยเคารพในฐานะพ่อ ขัดขวางไว้ในวินาทีสุดท้าย
“นางมาอยู่ที่นี่คนเดียว ทำไมกัน?” เยี่ยจิงหลินครุ่นคิด พลันหัวใจของนางพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งความแค้นที่ไม่เคยจางหาย และความสงสัยในเจตนาของอันเหยาเหวินที่มาเยือนสถานที่นี้อย่างผิดวิสัยเยี่ยจิงหลินสูดลมหายใจลึก ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะค่อย ๆ สะกดรอยตามฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวินไปอย่างระมัดระวัง นางเก็บซ่อนตัวเองอยู่ในมุมมืดของฝูงชนและหลบสายตาของคนทั่วไป มือเรียวของนางจับผ้าคลุมบนศีรษะให้ปิดบังตัวเองมิดชิด
“น่าสนใจจริง ๆ… ฮูหยินใหญ่มากับความลับอะไรอีกหนอ?” เยี่ยจิงหลินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ความสงสัยที่พลุ่งพล่านในหัวใจทำให้นางไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป
ทางด้านอันเหยาเหวิน นางเดินทอดน่องผ่านตลาดที่คึกคัก แต่สายตาของนางกลับมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา ราวกับกำลังระแวดระวังบางสิ่งบางอย่าง หรือเกรงว่าจะพบเจอใครที่ไม่ต้องการให้เห็นตัว นางมีสีหน้าตึงเครียดแต่ยังพยายามรักษาท่าทางสงบเสงี่ยมในฐานะฮูหยินใหญ่ของตระกูลซุน
ในที่สุด อันเหยาเหวินก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกซอยแคบแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากตลาดพลุกพล่าน เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยเงามืดและแทบไม่มีผู้คนผ่านไปมา ตรอกนั้นนำไปสู่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ที่ดูเงียบสงบผิดปกติเมื่อเทียบกับความวุ่นวายของตลาดด้านนอก
เยี่ยจิงหลินหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของตรอก สายตาของนางจ้องไปยังร้านน้ำชาอย่างพินิจพิเคราะห์ นางยังคงรักษาระยะห่างเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของอันเหยาเหวิน ก่อนจะก้าวเข้าไปเงียบ ๆ
แต่แล้วนางก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อชายฉกรรจ์สองคนก้าวออกมาขวางทางนาง พวกมันยืนตัวตรง ท่าทางสงบนิ่งแต่กลับแผ่พลังปราณออกมาจาง ๆ โดยไม่ทันได้ตั้งใจ พลังปราณนั้นหนาแน่นเกินกว่าคนธรรมดาจะมีได้ ทำให้นางรับรู้ได้ทันทีว่าพวกมันไม่ใช่คนธรรมดา
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "สาวน้อย วันนี้ร้านน้ำชาปิดแล้ว เชิญเจ้ากลับไปเถิด" น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยคำสั่งที่ไม่ต้องการการปฏิเสธ
เยี่ยจิงหลินเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางมองชายฉกรรจ์ทั้งสองอย่างพินิจพิเคราะห์ แม้จะมีความอยากรู้มากเพียงใด แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะรีบร้อนทำอะไรโดยไม่คิด นางส่งยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นว่าง่าย "อื้อ... เช่นนั้น วันหน้าข้าจะมาใหม่"
ท่าทีที่สงบเสงี่ยมของนางทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย พวกมันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกลับไปยืนขวางหน้าประตูร้านน้ำชาเช่นเดิม ราวกับกำแพงที่ไม่อาจฝ่าไปได้
เยี่ยจิงหลินหมุนตัวกลับ เดินออกมาจากตรอกอย่างช้า ๆ แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่านางยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
"ดูเหมือนว่าข้างในร้านน้ำชานั้นจะมีความลับบางอย่างที่พวกมันต้องการปกปิด...หรือไม่ก็มีการพบปะที่สำคัญเกิดขึ้น" นางคิดในใจพร้อมกับหาทางอื่นที่จะสืบหาความจริง
เยี่ยจิงหลินค่อย ๆ หาที่หลบซ่อนตัวในมุมที่เหมาะสมใกล้ตรอกซอยนั้น สายตาของนางจับจ้องไปยังร้านน้ำชาอย่างไม่ลดละ "หากเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ ข้าก็จะเฝ้ารอ…ต้องมีบางอย่างที่ข้าได้รู้ในวันนี้แน่"
เยี่ยจิงหลินเฝ้ารออยู่นานหลายชั่วยาม นางซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอย่างอดทน ราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังจับจ้องเหยื่ออย่างไม่ละสายตา ในที่สุดเป้าหมายของนางก็ปรากฏตัวออกมาจากร้านน้ำชา ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ก้าวเดินออกมาอย่างระมัดระวัง ทว่าผู้ที่เดินตามออกมาพร้อมกันกลับทำให้นางถึงกับชะงักงัน นัยน์ตาของนางหดวูบด้วยความไม่คาดฝัน นางแน่ใจว่าตนเองไม่ได้มองผิด ชายคนนั้นคือแม่ทัพไป่เฉิน คู่แข่งคนสำคัญของแม่ทัพซุนเทา บิดาของนาง
แม่ทัพไป่เฉินและฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวินเดินเคียงข้างกัน สายตาของทั้งสองคนดูสนิทสนมอย่างประหลาด ทั้งยังจับมือกันแน่น ราวกับไม่สนใจว่าภาพที่พวกเขาแสดงออกมานั้นจะดึงดูดความสงสัยได้เพียงใด ท่าทีของพวกเขาไม่ได้ดูเหมือนความสัมพันธ์ธรรมดา
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







