LOGINแม่ทัพซุนเทาเป็นบุรุษที่ไม่เคยลืมเลือนความแค้น ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความอาฆาตในใจเขายังคงคุกรุ่นราวกับเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ
"หากคิดจะฆ่าไป่เฉินง่ายๆ เกรงว่ามันจะสบายเกินไป..." เขาพึมพำกับตัวเอง ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ
ซุนเทาไม่ต้องการแค่ให้ไป่เฉินตาย แต่เขาต้องการให้มันรู้สึกถึงความทรมานอย่างถึงที่สุด ต้องการให้มันได้ลิ้มรสของความสูญเสีย ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดที่เขาเคยเผชิญมาก่อน
"มันเคยทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมานเพียงใด ข้าก็จะตอบแทนมันคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า"
วิธีใดที่ไป่เฉินเคยใช้เล่นงานเขาในอดีตซุนเทาจะทบต้นทบดอกให้ทั้งหมด ไม่เพียงแต่ร่างกาย แต่จิตใจของไป่เฉินจะต้องพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี
และจุดเริ่มต้นของแผนการแก้แค้นครั้งนี้... ก็คือ ฮูหยินชิงซูหยา นางจะกลายเป็นอาวุธที่คมกริบที่สุดที่เขาใช้ปลิดชีพศัตรูของเขาอย่างช้าๆ และแสนทรมาน...
ค่ำคืนนี้ไม่ต่างจากทุกคืนที่ผ่านมาหรืออย่างน้อยแม่ทัพไป่เฉินคิดเช่นนั้น
ในห้องโถงที่ประดับประดาด้วยโคมไฟสลัว ฮูหยินชิงซูหยาค่อยๆ รินชาใส่จอกด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย กลิ่นหอมของใบชาชั้นเลิศอบอวลไปทั่วห้อง ร่างอ้อนแอ้นของนางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ยกยิ้มบางๆ พลางยื่นจอกชาไปให้เขาด้วยมือเรียวขาว
"ท่านแม่ทัพ เวลานี้อากาศเย็นนัก ดื่มชาอุ่นๆ ก่อนเถิด" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
แม่ทัพไป่เฉินรับจอกชามาดื่มโดยไม่ทันเฉลียวใจ มันเป็นเรื่องปกติที่ฮูหยินของเขาจะคอยดูแลเอาใจใส่เช่นนี้เสมอ รสชาติของชานั้นนุ่มลึกและหอมละมุน แต่ภายใต้รสสัมผัสอันแสนคุ้นเคยนั้นมีบางสิ่งแปลกปลอมที่แอบแฝงมา
ไม่นานนัก เปลือกตาของแม่ทัพไป่เฉินก็เริ่มหนักอึ้ง ดวงตาคมเข้มพร่าเลือน ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกลับอ่อนแรงลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
"ข้า...รู้สึก...แปลกๆ..." เขาพึมพำออกมา พลางพยายามตั้งสติ
ฮูหยินชิงซูหยายังคงนั่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของนางเรียบเฉย ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ นางเพียงแค่ยิ้มบางๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน
และแล้ว... ความมืดมิดก็ค่อยๆ กลืนกินสติสัมปชัญญะของแม่ทัพไป่เฉิน เขาทรุดตัวลงกับโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปในพริบตา...
ค่ำคืนเงียบสงัด ไม่มีเสียงฝีเท้าของเวรยาม ไม่มีแม้แต่แสงจากโคมไฟส่องทาง บรรยากาศรอบจวนแม่ทัพไป่เฉินเต็มไปด้วยความเงียบงันราวกับทุกสิ่งตกอยู่ภายใต้ม่านแห่งความลี้ลับใต้เงามืดของราตรี เงาร่างหลายร่างเคลื่อนที่อย่างไร้สุ้มเสียง คนของแม่ทัพซุนเทาในชุดดำสนิทลอบเข้ามาในจวนอย่างว่องไว พวกเขาเคลื่อนตัวราวกับเงาไร้ตัวตน ก่อนจะเข้าไปในเรือนของแม่ทัพไป่เฉิน ซึ่งบัดนี้เหลือเพียงร่างของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนแท่นไม้
ฮูหยินชิงซูหยายืนอยู่ข้างเตียง นางมองดูร่างของสามีด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ในดวงตาคู่นั้นมีทั้งความลังเลและความมุ่งมั่นปะปนกันไป
"จงทำให้มันจบเร็วที่สุด" นางเอ่ยเสียงเบาหวิว
ชายชุดดำพยักหน้า ก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะก้าวไปอุ้มร่างของแม่ทัพไป่เฉินขึ้นมา พวกเขาพาร่างนั้นออกจากจวนโดยไร้เสียงใดๆ ราวกับเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน
ปลายทางของพวกเขาคือสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง นอกเขตเมือง บริเวณที่ถูกทอดทิ้งมาเนิ่นนาน ที่นั่นปราศจากผู้คน ไม่มีแม้แต่แสงจากโคมไฟ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้แห้งกรอบ เสียงหรีดหริ่งของแมลงยามค่ำคืน และกลิ่นอับชื้นของสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ให้ผุพัง
เมื่อมาถึง เปลวไฟจากคบเพลิงถูกจุดขึ้น เผยให้เห็นเงาของชายผู้หนึ่งยืนรออยู่เบื้องหน้าแม่ทัพซุนเทา
เขามองร่างที่ไม่ได้สติของแม่ทัพไป่เฉิน ดวงตาเต็มไปด้วยแววเย็นชาและสาแก่ใจ ในที่สุด... หมากตัวสำคัญก็ตกลงสู่มือของเขาแล้ว
"ไป่เฉิน... เจ้าคงไม่คิดว่าวันหนึ่งจะตกอยู่ในมือของข้าเช่นนี้หรอกกระมัง?" แม่ทัพซุนเทาเอ่ยเสียงแผ่ว พลางยกยิ้มเย้ยหยัน
ค่ำคืนนี้กำลังจะยาวนานสำหรับแม่ทัพไป่เฉิน แต่เป็นค่ำคืนแห่งชัยชนะสำหรับซุนเทาและเป็นค่ำคืนที่ไม่อาจหวนกลับสำหรับฮูหยินชิงซูหยา...
แม่ทัพไป่เฉินที่ไม่ได้สติมานานบัดนี้สติของเขาเริ่มที่จะฟื้นคืนขึ้นเขากระพริบตาถี่ๆ พยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดรอบตัว ลมหายใจหนักหน่วงของเขาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่
เมื่อสติคืนกลับมาเต็มที่ ความรู้สึกแรกที่แล่นเข้าสู่หัวใจของเขาคือ ความเย็นเยียบของโซ่ตรวน ที่พันธนาการร่างกาย รัดแน่นจนขยับเขยื้อนแทบไม่ได้ ตามมาด้วยความเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากพิษของยา เขาถูกล่ามไว้แน่นหนาราวกับสัตว์ที่รอเชือดแต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าความหนาวเย็นของค่ำคืนนี้ คือ เงาร่างของบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แม่ทัพซุนเทา!
ศัตรูคู่แค้นของเขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ไป่เฉินขบกรามแน่น เมื่อก่อนหน้านี้แม่ทัพซุนเทาโดนยาพิษสลายลมปราณของเขาจนใกล้ที่จะกลับบ้านเก่าเต็มที แต่ซุนเทาที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ทำตัวราวกับว่าไม่เคยเจ็บไม่เคยป่วยมาก่อน
"เจ้าคงสงสัยสินะ... ว่าทำไมข้ายังยืนอยู่ตรงนี้ได้"
น้ำเสียงของซุนเทาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เขาก้าวเข้าไปใกล้ขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูของไป่เฉิน
"ข้าเคยเฉียดตายเพราะเจ้า แต่โชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ยังไม่ต้องการข้า... โชคดีที่ข้ามี นาง คอยอยู่เคียงข้าง"
ไป่เฉินชะงัก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเริ่มสั่นไหว
"ฮูหยินของเจ้าเองน่ะหรือ... นางช่างซื่อสัตย์ต่อเจ้าจริงๆ นะ ไป่เฉิน" ซุนเทาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา และในมือของเขาคือ ปิ่นปักผมหยกที่เขาเคยมอบให้นาง
ปิ่นที่นางรับไปด้วยแววตาเปี่ยมสุข...
ปิ่นที่เคยเป็นของภรรยาเก่าของซุนเทา...
ปิ่นของคนทรยศ!
ไป่เฉินจ้องมองมันราวกับมันเป็นเหล็กร้อนที่พร้อมจะแผดเผาหัวใจของเขา ความจริงแล่นเข้ามาในหัวราวกับสายฟ้าฟาด
"เจ้า... เจ้ากับนาง..." เสียงของไป่เฉินสั่นสะท้าน ทั้งโกรธและปวดร้าวจนแทบระเบิดออก
ซุนเทายิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มของเขาไม่ต่างจากปีศาจที่กำลังขบขันกับเหยื่อของตนเอง
"ใช่แล้ว" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
"นางเป็นของข้าแล้ว... ทั้งตัวและหัวใจ!"
ไป่เฉินกัดฟันแน่น ความโกรธพุ่งทะยานถึงขีดสุด แต่ร่างกายของเขาในยามนี้ช่างอ่อนแอเกินกว่าที่จะดิ้นรนหนีจากพันธนาการได้
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







