เข้าสู่ระบบการแย่งชิงสตรีคนรักของคนอื่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ชั่วช้าไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นตัวของแม่ทัพซุนเทาก็ไม่ได้รู้สึกผิดบาปแม้แต่เพียงสักนิดเดียว เพราะชายผู้นี้ยังลักลอบมีความสัมพันธ์สวาทกับฮูหยินของตนมา 20 กว่าปี แล้วทำไมตัวของเขานั้นจะแย่งชิงคนรักของมันไม่ได้? ยิ่งคิดตัวของแม่ทัพก็ยิ่งแค้น จิตใต้สำนึกของเขานั้นลุกโชนดุจเปลวไฟที่ไม่อาจดับลงได้ ความเกลียดชังและความต้องการที่รุนแรงกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว แม่ทัพซุนเทาก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการที่พุ่งพล่านในใจได้ เขาเดินเข้าไปใกล้ฮูหยินชิงซูหยา นัยน์ตาของเขาฉายแววของความปรารถนาอย่างรุนแรง เมื่อมือของเขาแตะสัมผัสร่างอันบอบบางของฮูหยิน ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจได้แปรเปลี่ยนเป็นการกระทำที่ไม่อาจย้อนกลับได้ รสจูบที่เขามอบให้กับเธอไม่เพียงแค่เป็นการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อฮูหยิน แต่ยังเป็นการตอบสนองถึงความโกรธแค้นที่เขาสะสมมานาน
แม่ทัพไป่เฉินถึงกับเบิกตากว้าง แขนและขาที่ถูกตึงด้วยโซ่ล้วนแล้วแต่เกิดอาการสั่นเทาในตอนนี้ เขารู้ซึ้งอย่างแท้จริงแล้วว่าการถูกแย่งชิงคนที่รักนั้นมันเป็นเช่นไร ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทั้งความรู้สึกถึงการสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขและความอับอายที่ยากจะทนทาน
ฮูหยินของเขาผู้หญิงที่เขารักและเคารพเพลิดเพลินไปกับรสจูบของแม่ทัพซุนเทา ทุกสัมผัสที่เธอได้รับในขณะนี้ เหมือนเป็นการยืนยันว่าความรักที่เขามอบให้นั้นไม่เคยมีความหมายในสายตาของเธอเลย นี่คือการประจักษ์แจ้งถึงความอ่อนแอและความทุกข์ที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบเจอ
ไป่เฉินมองไปที่ฮูหยินชิงซูหยา ขณะที่เธอแสดงท่าทางที่เต็มไปด้วยความพอใจและปรารถนา เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขากำลังพังทลายลงต่อหน้า ในขณะที่น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม เขารู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ลึกที่สุดในใจ และจิตใจที่เคยมั่นคงกลับกลายเป็นมลทินของความอับอายที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ในตอนนี้ ไป่เฉินไม่เพียงแต่เจ็บปวดจากการถูกแย่งชิงคนรัก แต่ยังรู้สึกถึงการสูญเสียความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีในฐานะชายผู้เคยยิ่งใหญ่ การได้เห็นฮูหยินที่เขารักและเคารพไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่นนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกทำลายจากภายใน
“ซุนเทาเจ้าช่างเป็นชายที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก จะฆ่าก็ฆ่าตัวของข้านั้นพร้อมแล้ว ข้าจะไม่ยอมร้องขอความเมตตาต่อเจ้าอย่างเด็ดขาด” แม่ทัพไป่เฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว เขาไม่หวาดกลัวต่อความตายแม้แต่เพียงนิดเดียวน้ำตาแห่งลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมา บรรยากาศรอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งในจิตใจ แม้ว่าเขาจะถูกล่ามโซ่และตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่ความภาคภูมิใจและเกียรติยศในตัวเองยังคงยืนหยัดอยู่เหนือทุกสิ่ง
ท่ามกลางความโศกเศร้าและความเจ็บปวดจากการสูญเสียฮูหยินที่เขารัก ท่านแม่ทัพซุนเทาก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เหมือนกับว่าเขาได้รับความสะใจจากการเห็นความทุกข์ของไป่เฉิน ความโกรธแค้นที่เขาเก็บกดมาตลอดหลายปีได้ระเบิดออกมาในคำพูดที่เย็นเยือกของเขา
“โอ้...โอ๋...ไม่ต้องร้องนะ เพราะนรกที่แท้จริงนั้นกำลังที่จะเริ่มต้นหลังจากนี้” เสียงของซุนเทาดังออกมาเยือกเย็น ดุจขุมนรกที่ไม่มีใครจะสามารถหลุดพ้นได้ แม้แต่แสงสว่างก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เขารู้ดีว่าความแค้นที่เขาได้รับนั้นมันลึกซึ้งและยากเกินจะหยั่งถึง ไม่มีอะไรจะสามารถชดเชยหรือเยียวยาความเจ็บปวดของเขาได้
“ชอบยุ่งผู้หญิงของชาวบ้านนักจับมันตอนซะ!” แม่ทัพซุนเทาสั่งให้ลูกน้องของตนเฉือนความเป็นชายของแม่ทัพไป่เฉิน เมื่อคำสั่งของเขาดังขึ้น ร่างกายที่แข็งแกร่งดุจหินผาของไป่เฉินถึงกับสั่นสะเทือนในทันที การกระทำของซุนเทาดูเหมือนจะเป็นการลงโทษที่เกินกว่าที่ยอมรับได้ เขาไม่เคยคิดว่าความเจ็บปวดที่เขาจะได้รับจะรุนแรงถึงขนาดนี้
“เฮ้ย...อย่าทำบ้าๆ นะ!” น้ำเสียงของไป่เฉินสั่นระริก ร่างกายของเขาที่เคยยืนหยัดแข็งแกร่งก็เริ่มอ่อนแรงลง ราวกับว่าเขาถูกกระชากให้ตกลงไปในความมืดของความกลัวและความเจ็บปวดที่ไม่อาจหนีไปไหนได้ เมื่อความกล้าหาญที่เคยมีหายไปจากตัวเขา เขากลับกลายเป็นเพียงแค่สัตว์ที่ถูกล่ามโซ่ รอคอยโชคชะตาที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้
เนื้อตัวสั่นเทา ความหล้าหาญที่แสดงออกมาเมื่อครู่สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความวิตกกังวลที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ความรู้สึกถึงความอับอายและความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป
ลูกน้องของซุนเทายิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความวิปริต เขาก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความเย้ยหยันแฝงอยู่ "นายท่านอย่าเป็นกังวลไป ตัวข้านั้นจะเฉือนมันอย่างเบามือให้มากที่สุด หึ หึ" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและความสนุกสนานที่ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของผู้ที่ต้องเผชิญ
ทางด้านของแม่ทัพไป่เฉินน้ำเสียงของเขาสั่นสะท้านออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ "อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา! ฉั่ว!!!" เขาตะโกนเสียงดัง หวังให้คำขอร้องของเขาสามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเสียงของเขาจะไร้ผล สิ่งที่เขาพูดออกไปกลับเหมือนกระซิบอยู่ในลม
มีดที่แหลมคมตัดอากาศเสียงแหวกผ่านความเงียบด้วยความรวดเร็ว ไม่มีเวลาที่จะหยุดยั้ง ทุกสิ่งรอบตัวของแม่ทัพไป่เฉินกลายเป็นเพียงแค่ภาพที่ช้าลงไปในสมองของเขา ความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเริ่มจะใกล้เข้ามาแล้ว ความกลัวที่เคยมีในตัวเขากลับกลายเป็นสภาวะที่ไม่สามารถหนีไปได้ จิตใจของเขาว้าวุ่นไปหมดแต่ก็ไม่สามารถหาทางหลีกหนีจากความโหดร้ายนี้ได้
มีดที่เฉือนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงแต่ความเจ็บปวดและความอับอายที่ไม่อาจลบล้างได้
ความเป็นชายของแม่ทัพไป่เฉินล่วงหล่น ลูกน้องของแม่ทัพซุนเทาหยิบมันขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความขบขันหลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “ไป่เฉินนี่คืออาหารมื้อนี้ของเจ้า” มีสุนัขตัวหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อเหมือนแม่ทัพไป่เฉินมันรีบเข้ามากินอย่างมูมมาม
แม่ทัพไป่เฉิน ที่ต้องทนเห็นภาพสุนัขตัวใหญ่กินความเป็นชายของตนต่อหน้า ตัวของเขานั้นทั้งตกใจและเสียใจจนเป็นลมสิ้นสติในทันทีท่านแม่ทัพซุนเทาในขณะที่เห็นสถานการณ์นั้น ยังคงมีท่าทีเย็นชาและไม่สะทกสะท้าน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและไร้ความรู้สึก "จงรักษามันเร็วเข้าข้ายังไม่ต้องการให้มันจบชีวิตลงในตอนนี้" ลูกน้องของเขารับคำสั่งและรีบดำเนินการทันที ร่างกายของแม่ทัพไป่เฉินที่อ่อนแรงและบอบช้ำเริ่มแสดงให้เห็นถึงสภาพที่ย่ำแย่
“ฮูหยิน ชิงซูหยา ต่อไปชายผู้นี้มอบความสุขให้เจ้าไม่ได้แล้วนะข้าจะเป็นผู้มอบความสุขให้เจ้าเอง” แม่ทัพซุนเทาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาในขณะที่มือของเขากระชับร่างของนางให้แน่นขึ้นและมอบรสจูบให้กับนางชนิดที่ไม่มีวันลืมในขณะที่เขาเพลิดเพลินไปกับริมฝีปากของนางสายตาของเขาก็จับจ้องภาพที่สุดแสนจะน่าสมเพชของแม่ทัพไป่เฉิน ไปด้วยราวกับว่านี่คืออย่าปลุกกระตุ้นอารมณ์ชั้นดีการแก้แค้นของแม่ทัพซุนเทานั้นแท้ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเขาจริงกำลังที่จะเริ่มหลังจากนี้
แม่ทัพไป่เฉิน ปรารถนาให้ทุกอย่างจบลง เพียงแค่ต้องการตื่นจากฝันร้าย ความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้เขาไม่สามารถควบคุมความคิดได้อีกต่อไป ทุกสิ่งรอบตัวเขากลายเป็นภาพมัวที่เขาพยายามจะหนีจากมัน แต่การที่จะหลุดออกจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไร้ทางออกนี้กับเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







