เข้าสู่ระบบแสงแดดยามสายทอประกายลอดผ่านช่องหน้าต่างเก่าโทรมของสถานที่รกร้าง แต่แทนที่มันจะให้ความอบอุ่น กลับยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังให้กับแม่ทัพไป่เฉิน ร่างของเขายังคงนอนแน่นิ่ง แขนขาถูกพันธนาการไว้แน่น ความเจ็บปวดจากบาดแผลทั่วร่างกายยังไม่ทันจางหาย แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าความเจ็บทางกายคือความหวาดกลัวที่กำลังเกาะกินจิตใจ
ของเขาอย่างช้า ๆเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายดังขึ้นมาแต่ไกล มันเป็นเสียงที่แม่ทัพไป่เฉินไม่มีวันลืมเสียงของ แม่ทัพซุนเทา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องชอบสินค้าชิ้นนี้แน่”
ร่างสูงใหญ่ของซุนเทาก้าวเข้ามาพร้อมกับบุรุษอีกคน ร่างกายของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำ เสื้อผ้าสีฉูดฉาดที่เขาสวมใส่ตัดกับหนวดเครารุงรังและสายตาหื่นกระหายที่กำลังจับจ้องเรือนร่างของไป่เฉินอย่างไม่ปิดบัง
แววตานั้น... มันทำให้หัวใจของไป่เฉินเต้นรัว ความกลัวแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่าง
ชายร่างใหญ่กวาดสายตามองเขาอย่างพิจารณา ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา “ฮืม... แม่ทัพไป่เฉิน เรือนร่างแข็งแกร่งดุจชายชาตรี ไม่เลวเลยจริง ๆ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “แค่ข้าเห็นแผงอกแน่น ๆ นั่น... ก็ชวนให้ใจสะท้านหวั่นไหวแล้ว”
ไป่เฉินรู้สึกเหมือนร่างกายของเขาถูกจับเปลื้องด้วยสายตา แม้เขาจะสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นและเปรอะเปื้อน แต่ก็ไม่ได้ช่วยบดบังรูปร่างที่แข็งแกร่งสมกับเป็นนักรบของเขาได้เลย
“ตกลง ข้ายินดีที่จะซื้อเขา ราคาเท่าไหร่ก็ว่ามา ข้ายินดีจ่ายให้ไม่อั้น” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แม่ทัพไป่เฉินเบิกตากว้าง ลมหายใจสะดุด ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งด้วยความหวาดหวั่น
ขาย…?
เขากำลังจะถูกขาย…!?
ถูกขายให้กับบุรุษผู้นี้ ถูกส่งไปยังหอนางโลมชาย!?
ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงมากลางใจ เขาพยายามขยับตัว ดิ้นรนเพื่อหาทางหนี แม้ว่าแขนขาจะอ่อนแรงจากบาดแผลและการทรมาน แต่สัญชาตญาณแห่งความหวาดกลัวทำให้เขาดิ้นสุดแรง “ไม่… ไม่!!!” เขาตะโกนออกมาทั้งที่เสียงของตนเองสั่นเครือ แม่ทัพซุนเทาหัวเราะเสียงเย็น “ฮ่าฮ่าฮ่า... ข้าบอกแล้วไงว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของนรกที่แท้จริง”
“หอนางโลมชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในใต้หล้า... ลานสุราบุปผาชาย”
ชื่อของสถานที่นั้นทำให้ร่างของไป่เฉินเย็นเฉียบราวกับถูกโยนลงไปในทะเลน้ำแข็ง
เขาจะถูกส่งไปที่นั่น ที่ซึ่งมีชายหนุ่มกลัดมันมากมายบุรุษที่กระหายเรือนร่างของเขา ที่จะย่ำยีศักดิ์ศรีของเขา ที่จะบดขยี้ความเป็นนักรบของเขาจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว!
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก ดวงตาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว นี่หรือคือบทลงโทษของซุนเทา? ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการทำลายทุกสิ่งที่เขาเป็น ทำให้เขาต้องกลายเป็นของเล่นของพวกชนชั้นสูงผู้วิปริต
เขาคือแม่ทัพไป่เฉิน
เคยยืนหยัดในสนามรบ เคยเผชิญหน้ากับความตายโดยไม่สะทกสะท้าน
แต่วันนี้... เขากำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ชายร่างยักษ์อุ้มร่างของแม่ทัพไป่เฉินอย่างทารุณ ไม่ให้โอกาสแม้แต่จะขยับตัว ร่างของไป่เฉินที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยแผลจากการทรมานทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีไปได้
"ไม่! ไม่! อย่า!" เขาร้องด้วยเสียงที่แหลมสูง ซึ่งสะท้อนถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดเมื่อทราบถึงชะตากรรมที่ตัวเองจะได้พบเจอนี่มันยิ่งกว่าตายทั้งเป็นซะอีก ชายร่างยักษ์อุ้มร่างของเขาไปลูบไล้เรือนร่างของเขาไปด้วยแรงปรารถนา
“ท่านแม่ทัพ ถ้าหากท่านนั้นทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจข้าขอสัญญาเลยว่าจะไม่มีชายใดเลยที่จะสามารถมาแตะต้องเรือนร่างของท่านได้ข้าจะเป็นเจ้าของเรือนร่างของท่านแต่เพียงผู้เดียว” ชายร่างยักษ์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะเร่าร้อนความต้องการของตนพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“ได้โปรด!!!” แม่ทัพไป่เฉินพูดจาขอร้องเพื่อขอความเมตตาต่อชายร่างยักษ์ตรงหน้าแต่หารู้ไม่ว่าด้วยคำพูดที่สุดแสนจะออดอ้อนของเขามันยิ่งทำให้ชายร่างยักษ์ผู้นี้ รู้สึกมีอารมณ์ที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมความกระหายความเป็นชายของเขาเกิดการตื่นตัวอย่างบ้าคลั่ง
อืม.....เขาบดขยี้ริมฝีปากของแม่ทัพไป่เฉินด้วยความหิวกระหายเรือนร่างแห่งความเป็นชายชาตรีของแม่ทัพไป่เฉินนั้นแทบที่จะสั่นระทวยต่อรสจูบที่ดุดันของชายร่างยักษ์ใช้ลิ้นที่มีความเร่าร้อนและมีความดุดันมันแทบที่จะทำให้แม่ทัพไป่เฉินเผลอเพลิดเพลินไปกับอารมณ์
แน่นอนว่าต่อให้ชายผู้นั้นมีความสมชายแค่ไหนแต่ของเล่นมันก็คือของเล่นอยู่วันยังค่ำเมื่อเขาเล่นสนุกกับเรือนร่างของแม่ทัพไป่เฉินจนหนำใจแล้วก็ถูกส่งต่อมาที่ ลานสุราบุปผาชาย สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวของบุรุษที่ชื่นชอบรสนิยมทางเพศเดียวกัน
มันคือสถานที่ที่ไม่เหมือนกับที่ไหนในเมือง มันคืออาณาจักรแห่งความลับ ความปรารถนา และความสุขที่หายาก "ลานสุราบุปผาชาย" ตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ มีการตกแต่งอย่างประณีต เมื่อประตูบานนั้นเปิดออก ราวกับว่าโลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปทันที บางทีสถานที่แห่งนี้ก็ดูเหมือนในโลกเทพนิยาย
ใครเล่าจะคาดคิด…
แม่ทัพไป่เฉิน ผู้เคยเป็นดั่งเสาหลักแห่งกองทัพ ขุนพลผู้กรำศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ชายผู้ยืนอยู่บนยอดแห่งอำนาจในสนามรบ บัดนี้กลับถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวน ถูกตราหน้าว่าเป็นเพียง สินค้า ในหอนางโลมชาย
ร่างกายของเขาแม้ยังแข็งแกร่งดังเดิม แต่ศักดิ์ศรีที่เคยมีได้ถูกฉีกทึ้งไปจนหมดสิ้น ดวงตาคมกริบที่เคยฉายแววแห่งความมุ่งมั่น บัดนี้มีเพียงความสิ้นหวังสะท้อนอยู่ภายใน
เสียงหัวเราะหยาบโลน เสียงล้อเลียนจากเหล่าผู้มาเยือน ลานสุราบุปผาชาย ดังระงมอยู่รอบกายไป่เฉิน ทุกคนต่างจับจ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังมองเหยื่ออันโอชะ
เขาเคยใช้ชีวิตอย่างสง่างามในสนามรบ แต่ใครเล่าจะคิด… วาระสุดท้ายของเขาจะจบลง ณ ที่แห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานแม่ทัพไป่เฉินก็สิ้นลมในที่สุดคงเป็นเพราะเขาได้รับความบอบช้ำทางกายและทางใจมากจนเกินไป
แม้ข่าวลือเรื่องแม่ทัพไป่เฉินถูกจับตัวไปขายที่ ลานสุราบุปผาชาย จะเริ่มแพร่สะพัดไปในหมู่ชนชั้นสูงของเมืองหลวง แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงมันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้รู้ แต่เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือ แม่ทัพซุนเทา ชายผู้มากบารมีและอำนาจ
ภายในวังหลวง มีขุนนางบางคนเริ่มเอะใจถึงการหายตัวไปของแม่ทัพไป่เฉิน อดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกร แต่ทุกครั้งที่มีผู้เอ่ยถึง กลับถูกปรามด้วยคำเตือนแฝงความหมายลึกซึ้ง บ้างถูกกดดันให้เงียบ บ้างถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาจนต้องถอยกลับไปซ่อนตัวในเงามืดของราชสำนัก
เงินตราไหลเวียนอย่างเงียบเชียบ จากมือของซุนเทาสู่ขุนนางระดับสูง แม้กระทั่งองครักษ์วังล้วนได้รับสินบนในปริมาณที่มากพอให้พวกเขาหลับตาข้างหนึ่งต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ทองคำและหยกเนื้อดีถูกส่งมอบไปทั่วราชสำนัก ราวกับสายลมพัดพาความจริงให้สลายหายไปในอากาศ
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







