เข้าสู่ระบบเสียงหัวเราะและเสียงกระทบแก้วสุรา ดังก้องไปทั่วห้องโถงอาหารของตำหนัก องค์ชายฟู่เทียนเฉิงประทับอยู่บนบัลลังก์เล็กในตำหนักส่วนตัว พระวรกายเอนพิงเบาะอย่างผ่อนคลาย แต่แววตากลับฉายแววอำมหิตและกระหายความบันเทิงที่มากกว่าครั้งก่อน
หลังจากที่ทรงดับลมหายใจของหญิงชาวบ้านไป พระองค์กลับไม่รู้สึกอิ่มเอมเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม พระโลหิตพลุ่งพล่าน ต้องการอะไรที่โหดเหี้ยมและเร้าใจกว่าเดิม พระองค์มิใช่แค่ผู้หลงใหลในอำนาจ หากแต่เป็นผู้เสพติดความตื่นเต้นของความตาย ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้สตรีมากมายยอมสยบ จิตใจของพระองค์กลับดำมืดอย่างถึงที่สุด
"คืนนี้พวกเจ้าจงเสนอสิ่งที่น่าสนใจให้ข้า" น้ำเสียงของพระองค์เย็นชาแต่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ "ข้าต้องการความตื่นเต้นที่เหนือกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา"
ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยกลุ่มกากเดนของบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็น นักฆ่า โจร องครักษ์ผู้จงรักภักดี และขุนนางที่ก้มหัวรับใช้เพื่อผลประโยชน์ พวกเขามารวมตัวกันนับสิบคน ราวกับเป็นภารกิจใหญ่ ต่างคนต่างมองหน้ากันก่อนจะเริ่มเอ่ยปากเสนอแผนการสุดอำมหิตเพื่อสนองความต้องการขององค์ชาย
หลี่เจิ้งหยวน หัวหน้าองครักษ์ผู้เคยภักดี ยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง แสร้งทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขารู้ดีว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาในค่ำคืนนี้จะเป็นหมากตัวสำคัญให้เยี่ยจิงหลินสามารถเล่นงานองค์ชายฟู่เทียนเฉิงได้ และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคาบข่าวเหล่านี้ไปให้นาง...
เสียงหัวเราะหยาบโลนและการเสนอกรรมชั่วอำมหิตดังก้องไปทั่วห้อง ลูกน้องทั้งหลายต่างพยายามแย่งกันเสนอแผนการใหม่ ๆ เพื่อสร้างความรื่นเริงให้องค์ชาย ไม่ว่าจะเป็นการลักพาหญิงสาวจากตระกูลขุนนาง การเผาหมู่บ้านเพื่อความสนุก หรือแม้แต่การล่อหลอกคนให้มาต่อสู้กันจนตาย แต่ไม่ว่าใครจะเสนอสิ่งใด องค์ชายฟู่เทียนเฉิงกลับไม่แสดงความสนใจ พระองค์เริ่มเบื่อหน่ายและไม่พอใจ
"ไร้สาระ!" องค์ชายสะบัดมือปัดจอกสุราทิ้งลงกับพื้น น้ำสุรากระเซ็นเปื้อนพื้นพรมแต่ไร้ผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ย พระพักตร์หล่อเหลากลับแฝงไปด้วยความรำคาญและอารมณ์ขุ่นมัว "มีแค่นี้หรือ? พวกเจ้าช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!"
ทันใดนั้น พระองค์ก็ปรายตามองไปที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่งหลี่เจิ้งหยวน หัวหน้าองครักษ์ผู้ภักดีของพระองค์ยืนสงบนิ่ง สีหน้าของเขาดูผิดแปลกไป ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นเช่นทุกครั้ง องค์ชายขมวดคิ้วก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา
"หลี่เจิ้งหยวน วันนี้เจ้าดูแปลกไปนัก ทำไมถึงเงียบงัน? ปกติแล้วเจ้าน่าจะเป็นคนแรกที่มีความคิดดี ๆ มาสร้างความเพลิดเพลินให้ข้าเสมอ"
เสียงขององค์ชายเต็มไปด้วยความสงสัยปะปนกับความคาดหวัง พระองค์รู้ดีว่าหลี่เจิ้งหยวนมักเสนอแผนการที่แสนวิปริตและสร้างความตื่นเต้นให้เสมอ
"เจ้าลองแนะนำความคิดของเจ้ามาสิ บางทีอาจจะถูกใจข้าก็เป็นได้"
สายพระเนตรขององค์ชายจับจ้องไปยังหลี่เจิ้งหยวนโดยไม่ละไปที่ใด บรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงครู่หนึ่ง ก่อนที่หลี่เจิ้งหยวนจะก้าวออกมาจากเงามุมห้อง ดวงตาเขาฉายแววเจ้าเล่ห์และแฝงด้วยความเหี้ยมโหด แม้ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ภายนอกยังคงรักษาท่าทีได้เป็นอย่างดี
เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้ม มุมปากของเขายกขึ้นราวกับนักล่าเมื่อพบเหยื่ออันโอชะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
"องค์ชาย...บางทีท่านอาจจะเบื่อหญิงสาวชาวบ้านแล้วก็เป็นได้ พวกนางทั้งจืดชืด ไร้รสชาติ และขาดความเร่าร้อน"
คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที องค์ชายฟู่เทียนเฉิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ รอยยิ้มมุมปากค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
"หึ…น่าสนใจ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" พระองค์ถามกลับ
หลี่เจิ้งหยวนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วกล่าวเสียงต่ำ
"เป้าหมายของเราในครั้งนี้คือย่านโคมแดง"
เพียงแค่เอ่ยถึงสถานที่แห่งนั้น ทุกคนในห้องต่างพากันตื่นเต้น ดวงตาขององค์ชายเป็นประกายขึ้นมาทันที
"โอ้? พูดต่อสิหลี่เจิ้งหยวน"
"ที่นั่นเต็มไปด้วยหญิงงามที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี พวกนางทั้งเย้ายวนและมีเสน่ห์เหนือกว่าหญิงชาวบ้านเป็นไหน ๆ ไม่ว่าองค์ชายจะปรารถนาแบบใด พวกนางก็สามารถสนองให้ได้ทุกอย่าง"
หลี่เจิ้งหยวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล "เราจะไปเล่นสนุกกับพวกนางจนกว่าจะพึงพอใจ แล้วหลังจากนั้น...เราก็ค่อยปล้นและดับลมหายใจของพวกนางทีหลัง"
สิ้นคำกล่าวของเขา องค์ชายฟู่เทียนเฉิงหัวเราะลั่นด้วยความพึงพอใจ ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง
"ยอดเยี่ยม! ความคิดของเจ้าถูกใจข้ายิ่งนัก!" พระองค์ประกาศก้อง "คืนนี้เราจะออกล่า และข้าจะเป็นผู้เลือกเหยื่อเอง"
"ไม่ใช่แค่หญิงสาวพวกนั้นเท่านั้นหรอกหลี่เจิ้งหยวน..." พระองค์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้ผู้ฟังขนลุกซู่ "ข้าต้องการให้ย่านโคมแดงกลายเป็นสุสานไร้ชื่อ"
"สุสานไร้ชื่อ?" หลี่เจิ้งหยวนทวนคำ แม้เขาจะเป็นผู้เสนอแผนนี้ขึ้นมาเอง แต่ไม่คิดว่าองค์ชายจะนำไปสู่ความโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
องค์ชายลุกขึ้นยืน สองมือไขว้หลังพลางก้าวเดินไปมาช้า ๆ สายตาของพระองค์เปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือด
"ใช่...ใครก็ตามที่เหยียบย่างเข้าไปในย่านโคมแดงคืนนี้...จะไม่มีใครได้กลับออกมา"
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องไปที่องค์ชายด้วยความสะพรึง พระองค์กำลังไม่ได้คิดเพียงแค่ปล้นฆ่าหญิงสาวเท่านั้น แต่ต้องการสังหารคนทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้น ไม่เว้นแม้แต่แขกที่มาเสพสุข
องค์ชายหัวเราะเบา ๆ "พวกมันจะหวีดร้อง ดิ้นรน ขอชีวิต แต่จะไม่มีใครรอดไปได้"
เสียงหัวเราะของพระองค์แฝงไว้ด้วยความวิปลาส เหล่าลูกน้องรอบตัวต่างมองหน้ากัน บางคนเริ่มมีเหงื่อซึมที่หน้าผาก แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยทัดทาน
"เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้…เราจะเปลี่ยนย่านโคมแดงให้เป็นนรกบนดิน"
ขณะที่การวางแผนเข่นฆ่ากำลังดำเนินไป ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ได้ถูกสุนัขรับใช้ของเยี่ยจิงหลินจดจำและเตรียมนำไปรายงาน…
และไม่นานจากนี้... องค์ชายฟู่เทียนเฉิงจะต้องพบกับนรกที่แท้จริง!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







