เข้าสู่ระบบหลี่เจิ้งหยวน หัวหน้าองครักษ์ขององค์ชาย ยังคงทำหน้าที่เป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์เสมอมา แม้แต่ในแผนการอันสกปรก เขาก็ยังทำด้วยความจงรักภักดี หลังจากการประชุมลับจบลง เขาไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปยังจวนของแม่ทัพซุนเทาในทันที
บรรยากาศในยามสายของจวนแม่ทัพยังคงคึกคัก ทหารยามเดินตรวจตราอย่างเข้มงวด ที่หน้าจวน แม่ทัพซุนเทากำลังยืนกอดอกพลางมองชายหนุ่มผู้มาเยือนด้วยสายตาสงสัย
"ท่านแม่ทัพ"
หลี่เจิ้งหยวนค้อมศีรษะเล็กน้อย สีหน้าของเขาเรียบเฉย ทว่าดวงตาลึกล้ำซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้
แม่ทัพซุนเทาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาแข็งกร้าวมองชายหนุ่มตรงหน้า "คิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเจ้าจะมาเยือนจวนของข้าได้ มีธุระอันใด?"
หลี่เจิ้งหยวนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบอย่างราบเรียบ "ข้ามาพบเยี่ยจิงหลิน" ชื่อของบุตรสาวตนทำให้สีหน้าของแม่ทัพเปลี่ยนไป รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่เคยเคร่งขรึม
"หึ! ในที่สุดบุตรสาวของข้าก็ขายออกเสียที!"
เขาหัวเราะเสียงดัง ดวงตาพิจารณาหลี่เจิ้งหยวนอีกครั้ง
"เจ้ากับนางชอบพอกันอย่างนั้นรึ?"
น้ำเสียงของแม่ทัพแฝงความสนใจ หากลูกสาวของเขามีใจให้กับหัวหน้าองครักษ์ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
"เจ้ามีลูกมีเมียแล้วข้าก็ไม่ว่า ผู้ชายเราสามารถมีได้หลายคน"
คำพูดตรงไปตรงมาของแม่ทัพทำให้หลี่เจิ้งหยวนตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
"ไม่!"
เขารีบปฏิเสธเสียงแข็ง ราวกับคำพูดนั้นเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงสำหรับเขา
"ข้าเป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ของนางเท่านั้น"
ประโยคนี้ทำให้แม่ทัพซุนเทาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ
"นี่เจ้าหลงรักนางถึงขนาดเปรียบเทียบตัวเองเป็นสุนัขเลยงั้นรึ?"
แม่ทัพกล่าวพลางตบไหล่ของหลี่เจิ้งหยวนอย่างแรง "คนหนุ่มก็มักขี้อายเช่นนี้! ไม่ต้องปฏิเสธหรอก ข้าเข้าใจดี นางอยู่ที่ห้องโถง" หลี่เจิ้งหยวนกำหมัดแน่น แต่ทำได้เพียงกัดฟันกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้าไปข้างใน
"อื้อ… บัดซบที่สุด!"
ภายในใจของหลี่เจิ้งหยวนราวกับมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เขากัดฟันแน่น นัยน์ตาทอประกายแห่งความเกลียดชัง
"กวนประสาททั้งพ่อทั้งลูก! รอให้ข้ามีโอกาสก่อนเถอะ ข้าจะดับลมหายใจของพวกมันซะ!"
เขาคำรามในใจ คำพูดเหล่านี้ไม่มีทางเล็ดลอดออกจากปากของเขาได้ เพราะเขารู้ดีว่าหากเปิดเผยความรู้สึกออกไป ไม่ใช่พวกมันที่ต้องตาย… แต่เป็นตัวเขาเอง!
มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเล็บแทบฝังลงไปในฝ่ามือ แม้ใจจะเดือดดาลแค่ไหน แต่ร่างกายกลับไม่ขยับไปไหน มันช่างน่าขันยิ่งนักแท้จริงแล้ว เขาไม่มีความกล้าเลยสักนิด!
ไม่กล้าที่จะหันคมกระบี่ใส่เจ้านายของตน ไม่กล้าที่จะทรยศต่อคำสาบานที่ให้ไว้ และที่สำคัญที่สุด… ไม่กล้าที่จะต่อต้านนาง! เยี่ยจิงหลิน… หญิงสาวผู้ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขารู้สึกต่ออีกฝ่ายนั้นเป็นความแค้นหรือเป็นสิ่งใดกันแน่
"นี่เจ้าอยากตายอย่างงั้นรึ?!"
เพียงแค่เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น ร่างของหลี่เจิ้งหยวนก็แข็งทื่อทันที ราวกับถูกแช่แข็งด้วยไอเย็นแห่งความตาย
เยี่ยจิงหลินก้าวเข้ามาช้าๆ แววตาของนางไม่สะทกสะท้าน ไร้ซึ่งความเมตตา ดั่งนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อ นางสัมผัสได้ถึงจิตคิดร้ายของเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามา นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางจะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ
“เพียงแค่ใช้ความคิดร้ายต่อข้า… เจ้าก็อยากตายแล้วหรือ?”
น้ำเสียงของนางไม่ดัง แต่กลับแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของหลี่เจิ้งหยวนจนแทบจะทำให้สติของเขาพร่าเลือน
หัวหน้าองครักษ์ผู้เคยหยิ่งทะนง ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองเข้าไปในหุบเหวแห่งความตาย เหงื่อเย็นซึมทั่วแผ่นหลัง ขาของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
"ไม่… ไม่กล้า… ข้าน้อยไม่กล้า!"
เสียงที่เคยทรงอำนาจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของเยี่ยจิงหลินกดดันเขาเสียจนรู้สึกว่าหากเผลอแม้แต่นิดเดียว นางคงจะพรากชีวิตของเขาไปโดยไม่ลังเล
"ตบหน้าตัวเองแรงๆ หนึ่งครั้ง… ข้อหาที่มีจิตคิดชั่วต่อข้า"
เสียงของนางเรียบนิ่ง ทว่าน้ำหนักของมันหนักอึ้งกว่าภูเขาทั้งลูก
หลี่เจิ้งหยวนตัวสั่นเทา มือของเขายกขึ้นโดยไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของตัวเองดังก้อง รสชาติของความเจ็บแล่นไปทั่วใบหน้า แต่ไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดไปกว่าความอัปยศที่แล่นเข้าสู่จิตใจ
เขา… ไม่มีทางเลือก!
"ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัวตาย... แต่คนในครอบครัวของเจ้านั้นไม่ใช่"
คำพูดของเยี่ยจิงหลินเรียบง่าย ทว่าเย็นยะเยือกยิ่งกว่าคมมีด หลี่เจิ้งหยวนเผลอกลั้นหายใจ ร่างของเขาแข็งค้าง ขณะที่ความหวาดหวั่นแล่นพล่านไปทั่วร่าง
หัวใจของเขาเต้นระรัว ดวงตาเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนถูกบีบคออย่างไร้อากาศหายใจ
"เจ้า..." เขาพยายามเอ่ยปาก แต่กลับพบว่าลำคอของตนเองแห้งผาก
เยี่ยจิงหลินเพียงยกยิ้มมุมปาก นางไม่ได้ขู่... นางพูดจริง!
"ข้ามิใช่คนมีเมตตา โดยเฉพาะต่อเจ้าพวกกากเดนที่ไม่คู่ควรแม้แต่จะมีชีวิตอยู่"
น้ำเสียงของนางเรียบนิ่ง ราวกับกำลังเอ่ยถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่กลับมีอำนาจมากพอที่จะทำให้ชายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างโชกโชนต้องขนลุกไปทั้งร่าง
หลี่เจิ้งหยวนกำมือแน่น เลือดในกายเดือดพล่านด้วยความโกรธแค้น... ทว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย!
เพราะเขารู้ดีว่า... เยี่ยจิงหลินทำได้ทุกอย่างอย่างที่นางพูด!
"เอานี่ไป... อาหารเม็ดของเจ้า"
เยี่ยจิงหลินโยนเม็ดยาไปตรงหน้าหลี่เจิ้งหยวน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับว่ากำลังโยนเศษอาหารให้สุนัขสักตัว ทั้งที่แท้จริงแล้วมันคือยาระงับพิษร้ายชั่วคราว
ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทว่าร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดที่เล่นงานเข้ามาเป็นระลอก
"ขอบคุณ... นายหญิง..."
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนจะรีบคว้าหยิบเม็ดยาขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปากของตัวเองทันทีโดยไม่รอช้า เกรงว่าหากชักช้า ความเจ็บปวดนั้นจะกลับมาเล่นงานจนแทบทนไม่ไหว
รสขมของยากระจายไปทั่วปาก เขาพยายามฝืนกลืนมันลงคอแม้จะอยากขย้อนมันออกมาเพียงใดก็ตาม
เยี่ยจิงหลินมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา ไร้ซึ่งความเห็นใจ "ดีมาก... อย่างน้อยเจ้าก็ยังรู้จักที่ต่ำที่สูง"
คำพูดของนางเปรียบเสมือนคมมีดกรีดลงกลางใจของหลี่เจิ้งหยวน ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันอดทน
เขาเคยเป็นหัวหน้าองครักษ์ผู้สูงส่ง เป็นชายที่ไม่มีผู้ใดกล้าหือ...
แต่ตอนนี้...
เขากลับต้องคุกเข่ารับยาจากมือนางอย่างกับสุนัขตัวหนึ่ง!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







