Masukหลี่เจิ้งหยวนรู้สึกถึงความไม่สบายใจในคำพูดของตนเอง ขณะที่เขาบอกเล่าแผนการอันโหดร้ายให้เยี่ยจิงหลินฟัง เขาตระหนักดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา แต่กลับเป็นเพียงแค่คำสั่งจากองค์ชายฟู่เทียนเฉิง ที่ต้องการความตื่นเต้นและความสับสนวุ่นวายในย่านโคมแดง ความตายของผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง กลายเป็นสิ่งที่องค์ชายคาดหวังว่าจะทำให้เขาได้พบความเพลิดเพลิน
“องค์ชาย... ชอบความตื่นเต้นมากกว่าใคร” หลี่เจิ้งหยวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยากจะบอกได้ว่าเป็นความรู้สึกอะไรบางอย่างในใจของเขา การเล่าแผนการนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับให้เดินไปในทิศทางที่ไม่ต้องการ ตัวเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เยี่ยจิงหลิน ที่ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่สายตาของนางที่จ้องมองเขากลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกทดสอบ
“ข้าไม่ได้อยากเสนอแผนการนี้เลย” หลี่เจิ้งหยวนพูดเสียงเบา เขาพยายามหันไปหลบตาของนาง มือของเขากำหมัดแน่น รู้สึกถึงความกดดันจากสายตาที่เฉียบคมของเยี่ยจิงหลินที่จับจ้องมาอย่างไม่ละสายตา “แต่องค์ชายถามข้าเอง ข้าก็เลยต้องแนะนำไป... ถ้าข้าไม่ทำตาม... มันอาจจะผิดสังเกตได้” คำพูดของเขาแสดงถึงความไม่เต็มใจและความลังเล
เยี่ยจิงหลินยังคงเงียบ แต่ความเงียบของนางทำให้หลี่เจิ้งหยวนรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น เขารู้ว่าในความเงียบของนางนั้นมีสิ่งที่เขาไม่สามารถคาดเดาได้ ทุกคำพูด ทุกการกระทำของเยี่ยจิงหลินล้วนทำให้เขารู้สึกถึงการถูกจับตามองอย่างไม่มีทางหลีกหนี
“ถ้าหากสร้างสถานการณ์ทั่วทั้งย่านโคมแดง ข้าตัวคนเดียวก็จัดการไม่ไหว” หลี่เจิ้งหยวนพูดออกมาเสียงต่ำ ตระหนักดีว่าแผนการที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วทั้งย่านโคมแดงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว
เยี่ยจิงหลินไม่ได้ตอบกลับทันที แต่อยู่ในสายตาของหลี่เจิ้งหยวน เขาสัมผัสได้ถึงความรอบคอบและการคำนวณของนางที่ดูจะมีแผนในใจเต็มไปหมด ก่อนที่นางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความคมคาย
“เจ้าหาทางหรือวิธีไหนก็ได้ให้พวกเขามารวมตัวที่จุดๆเดียว ด้วยลิ้นสองแฉกของเจ้ามีหรือที่จะเกลี้ยกล่อมองค์ชายขยะของเจ้าไม่ได้” คำพูดของนางเหมือนจะเจาะลึกลงไปในจิตใจของหลี่เจิ้งหยวน ทำให้เขารู้สึกถึงความหยาบคายและความรู้สึกไม่พอใจที่นางแฝงอยู่
และสุดท้าย เยี่ยจิงหลินก็เอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจ “การรวบรวมพวกเขาทั้งหมดให้อยู่ในหอนางโลมคงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น และแววตาที่เต็มไปด้วยการคำนวณ ไม่ต่างจากการเล่นหมากรุกที่ดูจะมีแต่ทางเลือกที่ถูกต้อง
หลี่เจิ้งหยวนยืนนิ่ง สายตาของเขามองไปที่เยี่ยจิงหลินอย่างเงียบๆ ก่อนจะพูดคำถามที่หลุดออกจากใจในที่สุด “หากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ เจ้าช่วยมอบยาถอนพิษให้กับข้าได้รึไม่” เสียงของเขาผสมผสานระหว่างความหวังเล็กๆ และความรู้สึกที่ถูกบังคับขืนให้ต้องยอมทำตามแผนการของนาง
เยี่ยจิงหลินเงียบไปสักพัก สายตาของนางไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชา ก่อนจะยิ้มเหยียดบางๆ เมื่อได้ยินคำถามนั้น "เหอ เหอ..." นางหัวเราะเบาๆ อย่างไม่มีความหมาย ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงที่แห้งแล้ง "ย่อมไม่โชคชะตาฟ้าลิขิตส่งให้เจ้ามาเป็นสุนัขรับใช้ของข้า"
นางยื่นมือออกไปข้างหน้า สายตาที่จ้องมองหลี่เจิ้งหยวนเหมือนจะอ่านใจเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง "มีเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้น... จะอยู่หรือตาย"
คำพูดนั้นทำให้หลี่เจิ้งหยวนรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นในใจ ในขณะที่เขารู้สึกถึงการบีบคั้นจากทุกทิศทาง ไม่มีทางหนี ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมทำตามคำสั่งของนาง
“เจ้ารู้ดีว่าไม่ได้มีทางเลือกอื่น” เยี่ยจิงหลินพูดพร้อมกับยิ้มที่ร้ายกาจและเต็มไปด้วยอำนาจ "เจ้าต้องทำตามแผนการที่ข้ากำหนด ทุกอย่างจะจบลงเมื่อข้าต้องการ"
หลี่เจิ้งหยวนกระพริบตาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าภายในใจเขาจะเต็มไปด้วยความแค้นและความอัดอั้น แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกที่เขาไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ในตอนนี้ เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมยอมรับชะตากรรมที่เขาถูกบังคับให้เลือก
หลังจากนั้นเขาจึงรีบกลับไปยังตำหนักขององค์ชายฟู่เทียนเฉิงทันทีที่เสร็จสิ้นการสนทนากับเยี่ยจิงหลิน เขารู้ดีว่าการเปลี่ยนแผนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะองค์ชายฟู่เทียนเฉิงมักจะชื่นชอบความตื่นเต้นและความโกลาหลที่เกิดจากความวุ่นวายอย่างไร้ความปราณี แต่หลี่เจิ้งหยวนก็มีความมั่นใจในลีลาการพูดของเขา เขารู้ว่าเพียงแค่ใช้คำพูดที่เหมาะสมและเลือกเหตุผลที่ถูกต้อง จะสามารถทำให้พระองค์เปลี่ยนใจได้
เมื่อเขาเข้าไปในห้องขององค์ชายฟู่เทียนเฉิง สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสงบและหรูหรา หลี่เจิ้งหยวนรู้สึกได้ถึงอำนาจและความเกรี้ยวกราดที่แฝงอยู่ในความนิ่งขององค์ชาย แม้พระองค์จะไม่แสดงอารมณ์ออกมา แต่หลี่เจิ้งหยวนก็สัมผัสได้ถึงความคาดหวังที่แผ่ซ่านออกจากองค์ชาย เมื่อเขาเริ่มกล่าวถึงแผนการใหม่ที่ได้รับจากเยี่ยจิงหลิน
เขาใช้คำพูดที่ฉลาดและมีเหตุผลในการโน้มน้าวองค์ชายว่า การรวมตัวกันที่จุดเดียวจะทำให้การกำจัดเป้าหมายได้ผลมากกว่า และยังสามารถเพิ่มความตื่นเต้นให้กับแผนการนั้นได้อีกด้วย หลี่เจิ้งหยวนได้กล่าวถึงข้อดีที่องค์ชายฟู่เทียนเฉิงจะได้รับจากการทำตามแผนนี้ จนในที่สุดองค์ชายฟู่เทียนเฉิงก็ยอมรับแผนการใหม่ ด้วยความรู้สึกพึงพอใจในกลวิธีที่หลี่เจิ้งหยวนใช้
หลี่เจิ้งหยวนรู้สึกถึงความกดดันที่บรรเทาลงเมื่อแผนการได้รับการยอมรับจากองค์ชาย แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยใจให้สบายได้ เพราะรู้ดีว่าภารกิจในครั้งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความเสี่ยง
ค่ำคืนนี้ย่านโคมแดงเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าสงสัย ราวกับว่าทุกสิ่งในเมืองหลวงกำลังสะท้าน เตรียมพร้อมรับลมหายใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ท้องฟ้ามืดลงและแสงไฟจากโคมแดงเริ่มส่องแสงอ่อนๆ เยี่ยจิงหลินเดินเข้ามาในย่านนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดและความสับสนที่ลอยมาทางอากาศ
แม้ว่าสถานการณ์จะใกล้ถึงจุดระเบิด หายนะกำลังจะมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หญิงสาวกลับยิ้มอย่างเย็นชา ความสงบในท่าทางของนางไม่เหมือนใคร เสื้อผ้าของนางสวยงามเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดในยามที่เมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ชุดสีแดงเลือดสดประดับด้วยลายทองคำสะท้อนแสงโคมไฟที่ทอประกายระยิบระยับ ทุกย่างก้าวที่นางก้าวไปในย่านนี้ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความลึกลับให้กับสถานการณ์
“หากเจ้าชอบความตื่นเต้นนัก ข้าจะเป็นผู้มอบความตื่นเต้นให้เจ้าเอง” นางพูดกับตัวเอง เสียงนั้นเบาเหมือนกระซิบ แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







