เข้าสู่ระบบภายในตำหนักหลวงที่เคยโอ่อ่าและเปี่ยมไปด้วยอำนาจ บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าสลด กลิ่นกำยานอ่อนๆ ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง เสียงสะอื้นแผ่วเบาทว่าหนักแน่นดังแว่วออกมาเป็นระยะ
ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนยังคงจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์โศก พระองค์หมดสติไปถึงสามวันสามคืน ตั้งแต่วันที่ร่างไร้วิญญาณขององค์ชายฟู่เทียนเฉิงถูกพากลับมา ภาพที่พระองค์เห็นในย่านโคมแดงร่างของบุตรชายที่ชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก และดวงตาเบิกโพลงในวาระสุดท้ายกลายเป็นภาพฝังลึกที่กรีดแทงหัวใจของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่พระองค์ทำคือเรียกหาบุตรชายอย่างไม่หยุดปาก
“เทียนเฉิง! เทียนเฉิงลูกพ่อ!”
เสียงของพระองค์สั่นเครือและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดวงตาแดงก่ำราวสัตว์อสูรที่ถูกฉีกกระชากหัวใจออกจากร่าง มือที่ครั้งหนึ่งเคยกุมอำนาจทั้งแผ่นดิน บัดนี้กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
"บอกข้า…บอกข้าทีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงฝันร้าย! บอกข้าว่าลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่!"
แต่ไม่ว่าพระองค์จะร้องเรียกสักเพียงใด ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา นอกจากความเงียบอันโหดร้ายและเสียงลมที่พัดผ่านประตูตำหนัก
พระองค์ทอดสายตามองร่างขององค์ชายที่ถูกบรรจุอยู่ในโลงศพหรูหรา แม้แต่เครื่องประดับทองคำหรือผ้าแพรชั้นดี ก็ไม่อาจปกปิดความจริงว่าร่างนี้คือซากไร้ชีวิต พระโอษฐ์ของพระองค์สั่นเทา ขณะที่พระองค์ก้าวไปแตะต้องใบหน้าของบุตรชาย
“เย็น…ร่างของเจ้าเย็นชืดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
หัวใจของพระองค์ปวดร้าวราวถูกคมดาบกรีดลึกถึงกระดูก ร่างกายที่เคยสมบูรณ์แข็งแรง บัดนี้อิดโรยจนเห็นได้ชัด พระองค์แทบไม่แตะต้องอาหารใดๆ ทรงสูญเสียความกระหายแม้กระทั่งในการดำรงชีวิต
แม้องค์ชายฟู่เทียนเฉิงจะเป็นเพียงบุตรของนางสนม แต่เขากลับเป็นผู้ที่พระองค์ทั้งรักทั้งหลงที่สุด องค์ชายรู้ดีว่าจะทำอย่างไรให้พระองค์พอใจ เขาเป็นดั่งเงาของพระองค์รู้ว่าต้องพูดสิ่งใด และรู้ว่าคำไหนสามารถทำให้พระองค์หัวเราะออกมาได้ บัดนี้…เสียงนั้นเงียบหายไปตลอดกาล
ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนขบกรามแน่น ความโศกเศร้าเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงแห่งความเคียดแค้น
“ใคร…ใครเป็นคนทำให้ลูกข้าต้องตายเช่นนี้?!”
เสียงของพระองค์ก้องกังวานไปทั่วตำหนัก ประกาศิตแห่งจักรพรรดิดังก้องจนข้าราชบริพารที่อยู่รอบข้างต้องคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ว่าจะเป็นใคร…ข้าจะฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ! จะทำให้มันทรมานยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น!”
แววตาของพระองค์เปล่งประกายไปด้วยเพลิงแค้น พระหัตถ์ที่สั่นเทาไม่ได้เกิดจากความหวาดกลัวหรืออ่อนแอ แต่เป็นเพราะพระองค์แทบอดกลั้นความเดือดดาลไว้ไม่ไหว
เมื่อใดที่พระองค์พบตัวคนที่อยู่เบื้องหลังการตายขององค์ชายฟู่เทียนเฉิง…เมื่อนั้นเลือดจะต้องหลั่งไหลทั่วทั้งแผ่นดิน!
วันแล้ววันเล่า ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนทรงจมอยู่กับความเคียดแค้น แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พระองค์ก็ยิ่งพบกับความสิ้นหวัง แม้จะมีคำสั่งให้ค้นหาตัวคนร้ายทั่วแผ่นดิน แต่ก็ไร้วี่แวว ไม่อาจสืบหาเบาะแสได้แม้แต่น้อย
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะข้าราชบริพารและขุนพลรอบกายของพระองค์ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ใช้เพียงแค่ลิ้นสองแฉกประจบสอพลอก็สามารถเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นใหญ่ แต่พอถึงเวลาต้องทำงานจริง กลับไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย
ขณะที่เหล่าขุนนางระดับสูงเดินวนเวียนอยู่ในวังอย่างไร้ประโยชน์ บรรดาผู้เก่งกล้าสามารถกลับถูกกดขี่อยู่ในชนชั้นปลายแถว ไม่ได้รับโอกาสแสดงฝีมือ
พระองค์ไม่อาจทนต่อไปได้อีกหากไม่สามารถแก้แค้นได้ ก็ขอเผาผลาญสถานที่ที่พรากชีวิตบุตรชายของพระองค์ให้มอดไหม้เป็นจุณ!เสียงพระบัญชาดังขึ้นดังกึกก้องทั่วท้องพระโรง
“เผาย่านโคมแดงให้สิ้นซาก!”
คำสั่งนั้นดังขึ้นราวเสียงฟ้าผ่า เหล่าทหารวังหลวงต่างตกตะลึง แม้จะมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดรับสั่ง ยามราตรี… เปลวเพลิงมหาศาลโหมกระหน่ำเผาที่ย่านโคมแดงจนทั่ว
เสียงไม้ที่ถูกเผาไหม้แตกเปรี๊ยะ เสียงโครงสร้างของอาคารที่เคยงดงามพังทลายลงทีละส่วน ควันไฟลอยสูงสู่ท้องฟ้า ราวกับจะส่งดวงวิญญาณขององค์ชายฟู่เทียนเฉิงไปยังนรกอเวจี
เปลวไฟสะท้อนอยู่ในดวงเนตรขององค์ฮ่องเต้ผู้ยืนมองอยู่บนหอคอยสูงสุดของพระราชวัง พระองค์ยืนแน่นิ่ง คล้ายกับกำลังดื่มด่ำกับห้วงอารมณ์แห่งการทำลายล้าง
แม้จะเผาผลาญทุกสิ่ง แต่หัวใจของพระองค์กลับยังคงว่างเปล่าเพราะศัตรูตัวจริงยังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืด
เพลิงโหมกระหน่ำ เผาที่ย่านโคมแดงจนกลายเป็นเถ้าถ่าน สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ สุรา ดนตรี และ หญิงงามที่เย้ายวนจิตใจบุรุษทั่วหล้า บัดนี้เหลือเพียง เถ้าถ่านสีดำและกลิ่นไหม้ที่คละคลุ้งไปทั่วท้องฟ้า
เหล่าบุรุษมากหน้าหลายตาที่เคยเป็นแขกประจำของย่านเริงรมย์ ต่างพากันโศกเศร้า บางคนถึงกับร่ำไห้ราวกับสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
"ไม่มีอีกแล้ว! ไม่มีอีกแล้ว! ย่านโคมแดงของข้า!"
พวกเขาต่างโอดครวญเมื่อเห็นซากปรักหักพังตรงหน้า สถานที่ที่เคยมอบความสุขและลืมเลือนความทุกข์ชั่วคราวให้กับพวกเขาบัดนี้ไม่เหลือแม้แต่เงา
"ฮ่องเต้บ้าเลือด! นี่มันใช่สิ่งที่ควรกระทำ!"
เสียงก่นด่าดังขึ้นจากทุกสารทิศ จากบุรุษผู้เคยหลงระเริงในห้วงกามารมณ์ จากเหล่าขุนนางที่ลอบใช้สถานที่นี้เป็นที่มั่วสุม จากผู้คนที่เคยมองมันเป็นสวรรค์บนดิน พวกเขา สาปแช่งฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนด้วยความเคียดแค้น
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


