เข้าสู่ระบบค่ำคืนอันเหน็บหนาวในย่านโคมแดงเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงผู้คน หากแต่บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความตายและความเศร้าสลด ศพขององค์ชายฟู่เทียนเฉิง และเหล่าลูกสมุนกว่าห้าสิบชีวิต นอนเกลื่อนอยู่เบื้องหน้า ร่างกายเปลือยเปล่า ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากเขียวคล้ำด้วยพิษร้าย สภาพของพวกเขาในตอนนี้น่าเวทนาเสียยิ่งกว่าขอทานข้างถนน
ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่ท่ามกลางกองทัพทหารหลวงที่ติดตามพระองค์มา ดวงเนตรของพระองค์เบิกกว้างมองดูร่างไร้วิญญาณของบุตรชายสุดที่รัก หัวใจบีบแน่นจนแทบจะหยุดเต้น ร่างสูงศักดิ์ที่เคยเปี่ยมไปด้วยอำนาจกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
"ฟู่เทียนเฉิง!! ลูกพ่อ"
พระองค์ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ก่อนจะรีบคว้าร่างที่เริ่มแข็งเกร็งขององค์ชายเข้ามาในอ้อมกอด แขนของพระองค์สั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเผือดอย่างคนที่ไม่อาจยอมรับความจริงได้ ลมหายใจของพระองค์ขาดช่วง อากาศรอบตัวดูเหมือนจะเบาบางลงทุกขณะ เสียงสั่นเครือเอื้อนเอ่ยออกมาแทบไม่เป็นคำ
"ลูกพ่อ... ไม่! เจ้าต้องไม่เป็นอะไร!"
พระองค์เขย่าร่างของบุตรชายแรงขึ้น ราวกับหวังให้ลูกของพระองค์ฟื้นขึ้นมาได้ปาฏิหาริย์ ดวงเนตรที่เคยแฝงไว้ด้วยอำนาจและความทรงเกียรติบัดนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ตลอดชีวิตในฐานะฮ่องเต้ พลันปะทุขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับได้
"ทหาร! ทหาร!! รีบช่วยลูกชายของข้าเดี๋ยวนี้!!"
เสียงตะโกนของพระองค์ก้องกังวานไปทั่วทั้งย่านโคมแดง ทว่าทหารหลวงทั้งหลายต่างยืนนิ่ง ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดออกมา ทุกคนต่างรู้ดีว่า... ไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยองค์ชายฟู่เทียนเฉิงได้อีกต่อไปแล้ว
"ไม่... ไม่นะ..."
ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มือที่สั่นระริกของพระองค์แตะที่ใบหน้าของบุตรชาย องค์ชายฟู่เทียนเฉิงที่เคยมีชีวิตชีวา มักยิ้มเยาะต่อผู้คน มักอวดดีว่าตัวเองสูงศักดิ์เพียงใด บัดนี้เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณที่แข็งทื่อในอ้อมแขนของพระองค์
"เจ้า... ลูกพ่อ..."
เสียงของพระองค์ขาดห้วง ลมหายใจของพระองค์เริ่มติดขัด ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ศีรษะหนักอึ้งราวกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางความสิ้นหวังและความเศร้าโศกที่ท่วมท้น...
ร่างของฮ่องเต้ก็เริ่มโงนเงน ก่อนจะล้มลงกระแทกพื้นอย่างหมดสติ!
"องค์ฮ่องเต้!!"
เหล่าทหารที่เห็นภาพดังกล่าวต่างพากันแตกตื่น รีบตรงเข้าประคองร่างของพระองค์ขึ้นอย่างเร่งรีบ ผู้บัญชาการทหารใหญ่เร่งออกคำสั่งให้ถอนกำลัง ขบวนม้าศึกจากวังหลวงเร่งรีบนำร่างขององค์ฮ่องเต้กลับพระราชวังในทันที
ร่างของ องค์ชายฟู่เทียนเฉิง และเหล่าลูกสมุนห้าสิบชีวิต ถูกเคลื่อนย้ายตามไปด้วย ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านไป นำพากลิ่นคาวเลือดและความอัปยศของค่ำคืนนี้กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน
เรื่องราวของ องค์ชายฟู่เทียนเฉิง เปรียบดั่งหนึ่งในตำนานของเมืองหลวง ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งชาติกำเนิด มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ มีสติปัญญาเฉียบแหลมปานนักปราชญ์ หากแต่ภายใต้เปลือกนอกที่สมบูรณ์แบบนี้ กลับซุกซ่อนสัญชาตญาณอันดิบเถื่อนและเล่ห์เหลี่ยมอันร้ายกาจ
องค์ชายผู้สูงศักดิ์ เป็นคำที่ผู้คนใช้เรียกขานเขา ทว่าผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อของเขากลับรู้ดีว่า ภายใต้ผ้าคลุมทองคำ มีเพียงปีศาจร้ายที่กระหายความหฤหรรษ์จากความทุกข์ของผู้อื่น
องค์ชายฟู่เทียนเฉิง ไม่ได้พึงพอใจในความมั่งคั่งหรืออำนาจ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขามีตั้งแต่เกิด เขากลับแสวงหาความตื่นเต้นอันบิดเบี้ยวเพื่อกระตุ้นเลือดในกาย ไม่ว่าจะเป็น การปล้น ฆ่า หรือข่มขืน เขามองการกระทำเหล่านี้เป็นเพียง สิ่งที่ช่วยบันเทิงใจ
"ขอเพียงเจ้าอ้อนวอนข้าให้มากกว่านี้ บางทีข้าอาจจะเมตตาเจ้า" นั่นคือคำพูดที่เขามักเอื้อนเอ่ยออกมา พร้อมรอยยิ้มบางเบาที่แฝงไปด้วยความเลือดเย็น
ในค่ำคืนหนึ่ง... หอเสน่ห์จันทรา ได้กลายเป็นเวทีของความพินาศที่เขาไม่อาจคาดคิด...
ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่า วาระสุดท้ายขององค์ชายฟู่เทียนเฉิง จะลงเอยด้วยความ อเนจอนาถและน่าสมเพช ถึงเพียงนี้ ชายผู้เคย อยู่เหนือชีวิตผู้อื่น กำหนดชะตาผู้คนได้ตามอำเภอใจ บัดนี้กลับ กลายเป็นร่างไร้วิญญาณในอ้อมแขนของบิดา
หากเขายังมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็คงทำได้เพียง สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้คน ยิ่งกว่านรกบนดิน เขาไม่ใช่องค์ชายผู้สูงส่ง หากแต่เป็นทรราชที่เติบโตขึ้นมาใต้ร่มเงาแห่งความฟอนเฟะ อำนาจของเขาสร้างเพียง เลือด น้ำตา และความหวาดกลัว
แต่ค่ำคืนนี้... ทุกอย่างจบลงแล้วและผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้... เยี่ยจิงหลิน
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านโคมแดง สายลมเย็นยะเยือกพัดโชยผ่านปลายเส้นผมของนาง ปลายชุดดำปลิวไสวราวกับปีกของอีกาในค่ำคืนอันไร้แสงจันทร์ จากจุดที่นางยืน สามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน ด้านล่าง ทหารหลวงกำลังเคลื่อนย้ายร่างไร้วิญญาณขององค์ชายฟู่เทียนเฉิงและเหล่าลูกสมุน ซากชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยเหยียบย่ำผู้คน บัดนี้กลับถูกแบกหามออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างไร้เกียรติ
ร่างขององค์ชายถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมของทหาร แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถปกปิดความอเนจอนาถของเขาได้ แม้ในวาระสุดท้าย ร่างกายยังคงเปลือยเปล่า ใบหน้าที่เคยหยิ่งผยองกลับบิดเบี้ยวจากพิษร้าย ดวงตาเบิกโพลง ราวกับยังคงตกตะลึงกับชะตากรรมของตนเอง
ทหารหลวงรีบร้อนพาร่างเหล่านั้นขึ้นหลังม้า ขบวนม้าศึกเริ่มเคลื่อนตัวออกจากย่านโคมแดง ฝีเท้าหนักแน่นกระทบกับพื้นหินดังก้องสะท้อนในค่ำคืนอันมืดมิด พวกมันมุ่งหน้ากลับสู่พระราชวัง
เยี่ยจิงหลินทอดสายตามองขบวนทหาร แววตาของนางสงบนิ่งราวกับผืนน้ำไร้คลื่น
"สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร สูงส่งเพียงใด เมื่อถึงคราวดับสูญ เจ้าก็เป็นเพียงศพไร้ค่า"
เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลม แต่มันกลับหนักแน่นดั่งประกาศิตแห่งความตาย นางหลับตาลงครู่หนึ่ง ปล่อยให้สายลมพัดพาความรู้สึกทั้งหมดไป เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง มีเพียงแววตาที่เย็นชาและไร้เยื่อใยต่อชะตากรรมขององค์ชาย
ร่างขององค์ชายและเหล่าลูกสมุนถูกพาออกไปแล้ว แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ในย่านโคมแดงแห่งนี้ คือตำนานของค่ำคืนแห่งการล้างแค้น และเสียงกระซิบของความตายที่ไม่มีวันจางหาย
เยี่ยจิงหลินแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของนางจะหายลับไปในเงามืดของค่ำคืน ราตรียังเย็นเยียบ แต่หัวใจของนางกลับเย็นเยือกยิ่งกว่า
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







