Masuk"เหอ เหอ... ที่แท้สุนัขแก่เช่นท่านก็ซุกซ่อนแผนการชั่วช้าสกปรกเอาไว้"
คำพูดของแม่ทัพซุนเทานั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ทว่ากลับแฝงไปด้วยความเฉียบคมราวกับคมมีด มันทำให้ใบหน้าของราชครู กู่เทียนหลงถึงกับกระตุกสั่นสะท้าน ความโกรธคุกรุ่นขึ้นในอกของชายชรา ผู้ที่ได้รับการเคารพจากผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินมาโดยตลอด วันนี้กลับถูกชายที่กำลังจะตายเย้ยหยันเสียจนแทบไม่อาจระงับโทสะได้
สายตาของกู่เทียนหลงพลันเย็นชา มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงแสร้งหัวเราะแล้วใช้คำพูดหว่านล้อมเช่นเคย แต่วันนี้...เขาไม่ต้องการเล่นละครอีกต่อไป
แต่แทนที่แม่ทัพซุนเทาจะรู้สึกหวาดหวั่นหรือโกรธเคือง เขากลับทำสิ่งที่ยิ่งสร้างความหมั่นไส้แก่ผู้คนมากขึ้นไปอีก
"ฮึ่ม... สุรา อาหารของท่านยังคงรสเลิศเหมือนเดิมจริงๆ"
ซุนเทาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งหยิบอาหารตรงหน้ามารับประทานโดยไม่สนใจสถานการณ์รอบตัวแม้แต่น้อย ท่าทางของเขาไม่เหมือนกับชายที่ถูกพิษจนไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้แม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม... มันเหมือนกับว่าเขากำลังนั่งเอนกายพักผ่อนในงานเลี้ยงของตนเองเสียมากกว่า
กู่เทียนหลงมองภาพตรงหน้าด้วยความโกรธเคือง "ช่างไม่รู้จักเจียมตัว! ตัวของเจ้านั้นใกล้ตายแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ!?"
เสียงของราชครูเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เสียงฝีเท้าของทหารที่อยู่รอบเรือนพักเริ่มหนักแน่นขึ้น พวกมันต่างจ้องมองแม่ทัพซุนเทาด้วยสายตาที่พร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ
ทว่า... ซุนเทากลับยังคงนั่งอย่างสงบนิ่ง แม้แต่เงาของความหวาดหวั่นก็ไม่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
"เจ้าโง่! ตัวเจ้านั้นไม่รู้รึว่าสุราและอาหารที่เจ้ากำลังกินอย่างสำราญนั้นมีพิษร้าย!"
น้ำเสียงของราชครู กู่เทียนหลงดังขึ้นอย่างดุดัน ดวงตาแก่ชราทอประกายเย็นเยียบพร้อมแววอำมหิต เขาเดินเข้ามาใกล้แม่ทัพซุนเทา ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
"ชื่อของมันคือ ‘พิษตัดวิญญาณ’! เจ้า… จบสิ้นแล้ว! ต่อให้เจ้าหนีรอดออกไปได้ เจ้าก็ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต อย่าหวังเลยว่าจะใช้พลังลมปราณได้อีก!"
ชายชรายืนมองด้วยความคาดหวัง เขาต้องการเห็นสีหน้าของซุนเทาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สิ้นหวัง หรือไม่ก็ตื่นตระหนกเสียจนขวัญหนีดีฝ่อ
แต่ภาพที่เห็นกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย...
แม่ทัพซุนเทายังคงยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะหยิบอาหารอีกคำใส่ปากเคี้ยวอย่างละเมียดละไม ราวกับกำลังกินอาหารมื้อสุดท้ายของชีวิต แต่กลับไม่มีวี่แววของความหวาดหวั่นเลยแม้แต่นิดเดียว
จากนั้น... เขาก็แสร้งทำตาโต ก่อนจะยกมือปิดปาก "อุ๊ย! ตายจริง..."
เขาหัวเราะเบา ๆ พลางเอียงคอมองราชครูด้วยสายตาเย้ยหยัน "นี่ท่านถึงกับใช้พิษตัดวิญญาณกับข้าเลยรึ? ตัวท่านช่างลงทุนเสียจริง!"
ซุนเทาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มือยังคงถือจอกสุราไว้ไม่ปล่อย ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงถึงความกังวลแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับยังคงเพลิดเพลินไปกับสุราและอาหารตรงหน้าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
"รสชาติของสุราอาหารของท่านช่างดีจริงๆ นะราชครู... เห็นทีข้าคงต้องขออภัยที่กินมันหมดเสียก่อน"
คำพูดของซุนเทาทำให้สีหน้าของกู่เทียนหลงบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจปนขุ่นเคือง
ชายคนนี้... มันกำลังคิดอะไรกันแน่?
พิษ ‘ตัดวิญญาณ’ เป็นพิษร้ายแรงที่แม้แต่นักยุทธ์ระดับสูงก็ไม่อาจขัดขืนได้ หากถูกวางยาจะต้องสูญเสียพลังปราณไปตลอดชีวิต แต่เหตุใด... ซุนเทาถึงยังคงนิ่งเฉยได้เช่นนี้?
"ฆ่ามันซะ!"
ราชครู กู่เทียนหลง เอ่ยเสียงเย็นเยียบ แววตาฉายความรังเกียจและขุ่นแค้น เขาไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าคนไร้ยางอายเช่นนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
ทหารฝีมือดีหลายสิบนายเคลื่อนกายเข้าประชิดแม่ทัพซุนเทาอย่างช้าๆ พวกมันล้อมรอบเขาทุกด้าน ไม่มีทางให้หลบหนีไปได้แม้แต่น้อย
แต่แทนที่แม่ทัพซุนเทาจะตื่นตระหนก กลับกัน... เขาหัวเราะเบาๆ ดวงตาฉายแววเย้ยหยัน
"ตัวท่านช่างเป็นคนใจร้อนเสียจริง..."
ขณะที่กล่าวจบ ซุนเทาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้น ปลดชุดคลุมหนาหนักที่สวมอยู่บนร่างกายออกมา
พรึ่บ!
เมื่อเสื้อคลุมหนาถูกปลดออก เผยให้เห็นเนื้อตัวของซุนเทา...
ราชครู กู่เทียนหลง ถึงกับเบิกตากว้าง! ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกสาป ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นสุดขีด
"หยุด...! ถอยห่างจากซุนเทาเดี๋ยวนี้!!!"
เสียงสั่งการของราชครูแหบพร่าไปด้วยความหวาดกลัว ลมหายใจของเขาหนักหน่วง เหงื่อเย็นไหลซึมลงมาตามไรผม ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย ร่างกายสั่นสะท้าน...
ทหารทุกนายที่กำลังจะเข้าประชิดตัวซุนเทาถึงกับชะงัก พวกมันหันมองแม่ทัพตรงหน้าด้วยสายตาตื่นตะลึง...
เพราะทั่วทั้งร่างกายของแม่ทัพซุนเทาในยามนี้ ถูกพันธนาการไปด้วยระเบิดพลังทำลายล้าง!!
กระบอกดินปืน แท่งระเบิด สายชนวน ทุกอย่างแนบสนิทไปกับแผ่นอก หน้าท้อง และแขนขาของเขา หากจุดติดเพียงหนึ่งเดียวก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนทั้งจวนให้เป็นเศษซาก!
ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ...
ราชครู กู่เทียนหลง กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่น เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าซุนเทาจะกล้าเล่นบทบ้าคลั่งถึงเพียงนี้!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







