Masukในช่วงเวลานี้ จวนของ ราชครู กู่เทียนหลง ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดถึงขีดสุด ทุกสายตาจับจ้องไปยัง แม่ทัพซุนเทาร่างของเขาถูกพันธนาการไว้ด้วยระเบิดอาคมอันทรงพลัง "ระเบิดสาบสูญนิรันดร์" อาวุธต้องห้ามที่สามารถลบทุกสิ่งให้หายไปจากแผ่นดินได้เพียงพริบตาเดียว
ทางด้านของ องค์ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ที่ประทับอยู่ภายใน สวนตำหนักหลวง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากจวนของราชครู พระองค์กำลังจิบชาอย่างผ่อนคลายโดยไม่รู้เลยว่าแผนการของราชครูกำลังจะพลิกผันไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด พระองค์เฝ้ารอข่าวดีจากราชครูว่าภารกิจการกำจัดแม่ทัพซุนเทาสำเร็จลุล่วงแล้ว
ในดวงเนตรคมกริบขององค์จักรพรรดิ ฉายประกายแห่งความเย็นชา หากแต่ลึกลงไปกลับเต็มไปด้วยความอิจฉาที่ซุกซ่อนอยู่ “เหอะๆ… นี่คือผลลัพธ์ของคนที่ทำตัวโดดเด่นเกินข้า” พระองค์พึมพำพลางปรายตามองไปยังจวนของราชครู
แม้จะเป็นจักรพรรดิที่ครอบครองใต้หล้า แต่ ฟู่ซื่อเทียน กลับไม่สามารถทนมองเห็น แม่ทัพซุนเทา เฉิดฉายอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ได้ ในงานเลี้ยงต้อนรับที่พระองค์จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตัวของ ซุนเทาควงหญิงงามทั้งเจ็ด อย่างไม่เกรงใจ มิหนำซ้ำ พวกนางยังตั้งครรภ์ลูกของซุนเทาอีกด้วย!
"สตรีเหล่านั้นสมควรเป็นของข้า แต่กลับต้องมาตั้งท้องลูกของมัน!"
ในฐานะบุรุษด้วยกัน ความริษยาขององค์ฮ่องเต้ปะทุขึ้นดั่งเพลิงแค้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของการเมืองหรืออำนาจอีกต่อไป แต่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีและความเหนือกว่า เมื่อราชครู กู่เทียนหลง เป่าหูว่าซุนเทาสมควรถูกกำจัดเสีย องค์ฮ่องเต้จึงเห็นดีเห็นงามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
"ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีความดีความชอบมากแค่ไหน ซุนเทา... แต่ในเมื่อเจ้าเหยียบย่ำข้า เช่นนั้นก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องถูกลบออกไปจากใต้หล้าเสียที"
ทว่าพระองค์หาได้รู้ไม่ว่า ในขณะเดียวกันที่พระองค์ทรงแสยะยิ้มด้วยความสะใจที่จวนราชครู กู่เทียนหลง กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติอันยากจะควบคุม...
"ระเบิดสาบสูญนิรันดร์" ที่ผูกติดอยู่บนร่างของแม่ทัพซุนเทา อาจจะไม่ได้ลบเพียงแค่จวนของราชครู... แต่มันอาจเปลี่ยนชะตาของทั้งแผ่นดินไปตลอดกาล!
ราชครู กู่เทียนหลง แม้จะเป็นชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายนับสิบปี อยู่เหนือผู้คนด้วยไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราว แต่ในยามนี้ เม็ดเหงื่อเย็นเยียบ กลับหลั่งไหลลงมาตามไรผมและแผ่นหลังของเขา
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้จักกับความหวาดกลัวที่แท้จริง!
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ แม่ทัพซุนเทา ผู้ยังคงนั่งเอกเขนกอย่างไม่แยแส ทั่วร่างของชายหนุ่มถูกพันธนาการไว้ด้วย "ระเบิดสาบสูญนิรันดร์" อาวุธต้องห้ามที่แม้แต่จักรวรรดิยังไม่กล้าใช้อย่างประมาท กู่เทียนหลงรู้ซึ้งถึงพลังของมันดีกว่าใคร
หากระเบิดนี้ถูกจุดขึ้นมา ไม่เพียงแค่ซุนเทาหรือเขาที่ต้องสังเวยชีวิต แต่ทั้งจวน... รวมไปถึงครอบครัวของเขาเองก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีไปพร้อมกัน!
“เจ้า…! ซุนเทา เจ้ากล้าถึงเพียงนี้เลยรึ!?” น้ำเสียงของราชครูแม้พยายามจะรักษาความสงบนิ่ง แต่กลับแฝงไปด้วยความสั่นไหวที่มิอาจปกปิดได้
ตลอดชีวิตของ กู่เทียนหลง เขาอาจเป็นชายที่คิดการใหญ่ ไม่เคยหวั่นเกรงต่อความตายหรือภัยคุกคามใดๆ แต่เขามีครอบครัว เมีย ลูก และหลานที่ยังอยู่ในวัยไร้เดียงสา ทั้งหมดล้วนอยู่ภายในจวนนี้ พวกเขาล้วนเป็นคนในสายเลือด เป็นสิ่งเดียวที่ผูกพันเขาไว้กับโลกใบนี้
แม่ทัพซุนเทายิ้มบางๆ ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นดื่มอีกครั้งราวกับเป็นเพียงค่ำคืนอันแสนธรรมดา
“ข้ารู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ราชครูผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่าน ดูเหมือนจะมิได้กังวลเพียงแค่ชีวิตของตนเองสินะ…”
สายตาของซุนเทาแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบ กวาดมองไปยังห้องชั้นในของจวน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้าย “ในนั้นคงจะมีคนที่ท่านรักอยู่มากสินะ?”
คำพูดเพียงประโยคเดียวกลับทำให้หัวใจของราชครูเต้นระรัว!
ใช่แล้ว... กู่เทียนหลงอาจเป็นชายที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แต่เขามีจุดอ่อนและตอนนี้มันกำลังถูกซุนเทาจับไว้แน่น!
หากเขาสั่งให้สังหารซุนเทาตอนนี้ ต่อให้กำจัดแม่ทัพได้สำเร็จ แต่พริบตาที่ระเบิดถูกจุดขึ้นมา… นั่นหมายถึงจุดจบของทุกสิ่ง! บัดซบ!
ราชครู กู่เทียนหลง กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกไล่ต้อนเป็นครั้งแรกในชีวิต… และที่เลวร้ายที่สุดคือ เขาไม่สามารถเสี่ยงลงมือได้เลย!
ราชครู กู่เทียนหลง พยายามปั้นสีหน้าให้อ่อนโยน ยิ้มบางๆ ราวกับชายชราผู้ใจดีที่ไม่ประสีประสากับเล่ห์กลใดๆ
“น้องชาย พวกเรายังพูดคุยกันดีๆ ได้… ใจเย็นก่อนเถิด”
แม่ทัพซุนเทา ที่นั่งทอดกายอยู่ตรงนั้น หรี่ตามองอีกฝ่าย ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสมเพชและรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง!
“เฮอะ... อย่ามาเสแสร้งทำเป็นผู้ใหญ่ใจดีต่อหน้าข้า” ซุนเทาพูดพลางกระดิกนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างไม่ใยดี “เจ้าจะลงโลงอยู่แล้ว ยังกล้ามาอ้างว่าเป็นพี่ชายข้าอีกหรือ? น่าขยะแขยงสิ้นดี”
สีหน้าของราชครู กู่เทียนหลง กระตุกเล็กน้อย แม้เขาจะพยายามฝืนยิ้มต่อ แต่ในใจกลับเดือดพล่านเป็นไฟแค้น!
“หากอยากให้ข้ารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง...จงเรียกลูกหลานของเจ้ามารวมตัวกันที่ห้องโถงของตระกูล!”
แม่ทัพซุนเทา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ขณะที่ราชครู กู่เทียนหลง กำหมัดแน่น สายตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่สุดท้ายก็ต้องกัดฟันสั่งให้เหล่าลูกหลาน และผู้คนภายในจวนมารวมตัวกัน
เวลาผ่านไปไม่นาน
ห้องโถงใหญ่ของตระกูลกู่เต็มไปด้วยผู้คนหลายร้อยชีวิต ไม่ว่าจะเป็นภรรยา บุตรชาย บุตรสาว หลานๆ รวมถึงข้ารับใช้ ล้วนยืนเรียงรายกันด้วยสีหน้าตึงเครียด
ซุนเทา นั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้ไม้สลักอย่างสบายอารมณ์ เขานั่งอยู่ตรงศูนย์กลางของห้องโถง ดั่งราชันผู้ปกครองทุกสิ่ง!
ในมือของเขายังคงถือจอกสุราอยู่ เขาจิบมันอย่างละเมียดละไม ราวกับเป็นเจ้าของจวนนี้เสียเอง
“ดีมาก...” ซุนเทาเอ่ยเสียงเรียบ “ผู้ใดก็ห้ามขัดขืน มิฉะนั้น...ข้าก็มิอาจรับรองได้ว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตรอดกันครบทุกคนหรือไม่”
เสียงของเขาไม่ดังมากนัก แต่กลับแฝงไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ทำให้บรรยากาศในห้องโถงยิ่งเย็นยะเยือก!
ราชครู กู่เทียนหลง จ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







