เข้าสู่ระบบแววตาที่เคยอบอุ่นและเป็นกันเอง พลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็งต้องสายลมหนาว อ๋อง ฟู่หยางเซิน มองซุนฮ่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย ราวกับปีศาจที่กำลังวางแผนล่อเหยื่อให้ติดกับ ก่อนจะหยิบขวดแก้วเล็กๆ ออกมา ภายในบรรจุของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่เพียงแค่ซุนฮ่าวได้เห็น หัวใจของเขาก็เต้นระรัวโดยไม่รู้ตัว
"เจ้าหาวิธีไหนก็ได้...ให้องค์ฮ่องเต้ดื่มเจ้าสิ่งนี้เข้าไป" น้ำเสียงของฟู่หยางเซินเรียบนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืน
ซุนฮ่าว ขมวดคิ้ว มองขวดแก้วตรงหน้าด้วยความลังเล มันดูไม่ต่างจากน้ำเปล่าทั่วไป แต่กลับให้ความรู้สึกไม่ชอบมาพากล ราวกับมันสามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้เพียงหยดเดียว
"เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร?" เขากล่าวถามด้วยความสงสัย
อ๋อง ฟู่หยางเซิน ยกขวดขึ้นมาหมุนเล่นในมือก่อนจะแค่นยิ้มมุมปาก "มันคือ เงามรณะไร้ล่องลอย"
ซุนฮ่าว หรี่ตามอง ดวงตาทอประกายวาววับ รู้ดีว่าพิษนี้ไม่ธรรมดา
"เจ้าสามารถผสมมันกับอะไรก็ได้...รสชาติของมันจะไร้สี ไร้กลิ่น ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่มีทางระแคะระคาย"
ฟู่หยางเซินกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ใบหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มรอยยิ้มที่ราวกับกำลังมองเห็นจุดจบของพี่ชายตนเองอย่างแน่นอนแล้ว
ภายในห้องลับ อากาศหนักอึ้ง ซุนฮ่าวกำขวดพิษเอาไว้แน่น...นี่คือโอกาสของเขา หรือกับดักที่พร้อมจะทำลายเขาเช่นกัน?
"พิษร้ายชนิดนี้ไม่อันตรายถึงชีวิต...แต่มันมากพอที่จะทำให้ผู้ที่ดื่มเข้าไปต้องกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ นอนแน่นิ่งไปทั้งชาติ"
อ๋อง ฟู่หยางเซิน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา ดวงตาของเขาทอประกายเจ้าเล่ห์พลางหมุนขวดแก้วเล็กๆ ในมือ ซุนฮ่าว จ้องขวดแก้วนั้นนิ่งงัน คำพูดของฟู่หยางเซินสะท้อนก้องอยู่ในหัวของเขา
"ไม่อันตรายถึงชีวิต...แต่จะทำให้สติเลื่อนลอย ไม่เป็นตัวของตัวเอง...ทำให้ถูกควบคุมได้โดยง่าย..."
"หมายความว่า...ผู้ที่ดื่มมันเข้าไป จะกลายเป็นเพียงหุ่นเชิด?" ซุนฮ่าวเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยทั้งความตกตะลึงและความตื่นเต้น
ฟู่หยางเซิน แสยะยิ้ม มองซุนฮ่าวด้วยสายตาราวกับปีศาจที่กำลังล่อลวงมนุษย์ให้ตกลงไปในขุมนรก
"ถูกต้อง...ถ้าหากดื่มเจ้าสิ่งนี้เข้าไป ฮ่องเต้จะมิใช่ผู้ปกครองแผ่นดินอีกต่อไป แต่จะเป็นเพียงเงาที่ไร้จิตวิญญาณ อยู่ในกำมือของพวกเรา" แสงเทียนในห้องลับพลันไหวระริก เงาของชายทั้งสองทอดยาวบนผนัง ราวกับปีศาจที่กำลังโอบกอดความมืดมิดเข้าไว้ในอุ้งมือ...
ความทะเยอทะยานของซุนฮ่าวในยามนี้มิได้เป็นรองผู้ใด ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น พร้อมจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของแผ่นดิน วันนี้...เขาจะเข้าพบฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน
แผนการของเขาช่างแยบยลเขาจะอ้างว่าตนได้นำ "ชาสมุนไพรล้ำค่า" มาจากแดนไกล สมุนไพรที่ว่ากันว่าหากผู้ใดดื่มเข้าไป จะสามารถอายุยืนยาวได้เป็นร้อยปี เป็นยาแห่งความเป็นอมตะที่จักรพรรดิองค์ใดก็ย่อมใฝ่หา
และมีหรือ...ที่องค์ฮ่องเต้จะไม่หลงเชื่อ?
ริมฝีปากของซุนฮ่าวยกยิ้มบางๆ ลิ้นสองแฉกของเขานั้นเปรียบเสมือนอาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด ต่อให้เป็นผู้ปกครองใต้หล้า หากไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ ก็ล้วนต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา
ภายในตำหนักทองคำอันโอ่อ่า กลิ่นกำยานหอมอบอวล ผ้าม่านสีแดงเข้มปลิวไหวตามสายลมเบาๆ ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน นั่งบนบัลลังก์มังกร ดวงตาคมกริบจับจ้องชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า
ซุนฮ่าวในชุดแพรเนื้อดีประณีต ยกถาดหยกที่มีถ้วยชาใบเล็กขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
"ถวายพระพรฝ่าบาท ชาสมุนไพรนี้เป็นของหายากจากดินแดนตะวันตก ว่ากันว่าผู้ใดได้ดื่มทุกวัน สุขภาพจะแข็งแรง อายุยืนยาวได้เป็นร้อยปี"
เขาเงยหน้าขึ้น แววตาเปล่งประกายราวกับลูกสุนัขจงรักภักดี แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่าลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น กลับเยียบเย็นราวกับอสรพิษที่กำลังเลื้อยเข้าใกล้เหยื่ออย่างเงียบเชียบ
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองชายหนุ่มตรงหน้า พระพักตร์ประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
"เจ้าช่างใส่ใจเรายิ่งนัก ซุนฮ่าว"
ซุนฮ่าวรีบก้มศีรษะลงต่ำ พลางกล่าวอย่างประจบสอพลอ
"ฝ่าบาทคือสุริยันแห่งแผ่นดิน ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของอาณาประชาราษฎร์ ข้าน้อยเป็นเพียงฝุ่นดินใต้พระบาท มิอาจทำอันใดได้มากไปกว่าการแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดมาถวาย"
เขาผลักถ้วยชาเข้าใกล้เล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อ
"ขอพระองค์ทรงดื่มเถิดพ่ะย่ะค่ะ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นมังกรที่สง่างามเหนือใต้หล้าตราบนานเท่านาน"
"อืม..." ฮ่องเต้รับสั่ง พลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาพินิจ ก่อนจรดริมพระโอษฐ์จิบเบาๆ
ซุนฮ่าวเฝ้ามองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ลึกลงไปในแววตา เขาไม่ต่างอะไรจากอสรพิษที่กำลังจับจ้องเหยื่อ รอเพียงจังหวะเหมาะสม...เพื่อฉกกัดอย่างไร้ปรานี
วันรุ่งขึ้น ซุนฮ่าวมาเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้อีกครั้ง
ภายในท้องพระโรง ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ประทับบนพระแท่น สีพระพักตร์ดูสดใสขึ้นกว่าทุกวัน ดวงเนตรคมกริบฉายแววพึงพอใจ ร่างกายดูมีชีวิตชีวา ราวกับได้พลังบางอย่างเติมเต็ม
ซุนฮ่าวคุกเข่าลงอย่างอ่อนน้อม ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมไม่ขาดปาก
"ฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญขึ้นยิ่งนัก ช่างเป็นบุญตาของข้าน้อยเสียจริง! สมแล้วที่เป็นโอรสสวรรค์ พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแกร่งดุจมังกรฟ้า!"
เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายด้วยความเทิดทูน แต่หากพินิจลึกลงไป จะเห็นเพียงแววตาของอสรพิษที่กำลังคืบคลานเข้าใกล้เหยื่อ
ฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยด้วยพระสุรเสียงพึงใจ
"อืม... ชาที่เจ้าถวายให้เรานั้นช่างวิเศษนัก เรารู้สึกสดชื่นขึ้นทุกวัน"
ซุนฮ่าวยิ้มกว้าง ก่อนประสานมือขึ้นสูง แล้วกล่าวต่อ
"ในฐานะบุตรบุญธรรมของพระองค์ ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะทดแทนพระเมตตาอันล้นพ้น นอกจากจะเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่เลิศที่สุดมาถวายแด่พระองค์ เพื่อให้ฝ่าบาททรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดินไปตราบนานเท่านาน"
คำพูดของเขาอ่อนหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า ทุกถ้อยคำล้วนกลั่นออกมาจากลิ้นสองแฉกของอสรพิษที่รู้จักจังหวะของเหยื่อเป็นอย่างดี
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองซุนฮ่าวด้วยความเอ็นดู ก่อนพยักพระพักตร์รับรู้
"ดี... ดีมาก ซุนฮ่าว เจ้าเป็นบุตรที่กตัญญูต่อเราโดยแท้"
ซุนฮ่าวก้มศีรษะลงต่ำซ่อนรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
เขามั่นใจว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนช้าแต่แน่นอน...
แต่พระองค์หาได้ล่วงรู้ไม่…
พิษร้ายทุกหยดที่ทรงดื่มเข้าไป กำลังค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง ราวกับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด รอคอยเวลาฉกกัดอย่างไร้ปรานี มันมิได้แสดงพิษร้ายในทันที กลับค่อยๆ กัดกินทีละน้อย…ทีละน้อย…
พระพลานามัยที่ดูแข็งแรงสดใส หาใช่ความจริงไม่ หากแต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่หลอกล่อให้พระองค์วางใจ ทุกหยดของมันแทรกซึมเข้าสู่โลหิต กัดกินพละกำลังจากภายในโดยที่พระองค์เองมิอาจรู้ตัว
จิตใจของพระองค์เริ่มเปลี่ยนไป
บางวันคล้ายจะเหนื่อยล้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้บางครั้งหัวคิ้วขมวดแน่นราวกับมีม่านหมอกปกคลุมสติบางคราวทรงหวาดระแวงโดยไร้เหตุผล…
แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้น ซุนฮ่าวก็จะคอยอยู่ข้างกาย พร่ำคำประจบสอพลอ ปลอบประโลมด้วยถ้อยคำไพเราะ ราวกับลูกกตัญญูที่ภักดีจนหมดใจ
"ฝ่าบาทคงทรงเหน็ดเหนื่อยนัก แผ่นดินนี้ล้วนแบกรับไว้บนพระอังสาของพระองค์เพียงผู้เดียว"
"ข้าน้อยจักอยู่เคียงข้างพระองค์ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของข้า"
"ดื่มชาถ้วยนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ มันจะช่วยให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ"
แล้วฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ก็ทรงรับถ้วยชานั้นขึ้นจิบทุกวันโดยมิรู้เลยว่า ทุกหยดคือเงามรณะที่กำลังฉกฉวยทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของพระองค์ไปทีละน้อย…
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







