เข้าสู่ระบบ[CHALEE’s Talks]
“เชิญออกเหรอคะ!!” ฉันเอ่ยออกไปด้วยความตกใจหลังจากผู้จัดการตึกเดินเข้ามาบอกข่าวร้ายถึงในร้าน
ออกตัวก่อนว่าฉันเปิดร้านกาแฟใต้ตึกนี้กำลังจะเข้าเดือนที่สอง เพราะตั้งใจจะให้ลูกชายมีอนาคตที่ดีจึงเอาเงินก้อนสุดท้ายซึ่งหักจากค่าเล่าเรียนลูกมาเปิดร้านกาแฟในกรุงเทพ ฉันรู้ดีว่าที่นี่เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดัง ดังนั้นต้องมีพนักงานที่สามารถเป็นฐานลูกค้าประจำให้ฉันได้อย่างแน่นอน ระหว่างที่โรงเรียนยังไม่เปิด ฉันก็พาลูกมาทำงานด้วยเพราะไม่อยากให้น้องคลาวด์อยู่ที่บ้านลำพัง
“ค่ะ รบกวนย้ายออกภายในวันนี้ด้วยนะคะ ส่วนเงินค่ามัดจำและค่าเช่าทางเราจะชดเชยคืนเต็มจำนวนภายในเจ็ดวันทำการ”
เจ็ดวัน!! แล้วระหว่างนั้นฉันจะเอาที่ไหนไปมัดจำสถานที่ใหม่กันล่ะ
ไหนจะข้าวของที่ลงทุนไปแล้ววันนี้อีก
“คือ...บอกเหตุผลได้ไหมคะ ทำไมไล่ฉันออก หรือฉันทำผิดกฎข้อไหนของที่นี่หรือเปล่า”
ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันจะได้ขอจ่ายเป็นค่าปรับแทน อย่างน้อยก็คงดีกว่าหาที่ใหม่
ไม่อยากเสียแหล่งลูกค้าตรงนี้ไปเลย เพราะในหนึ่งวันฉันขายให้กับพนักงานตึกนี้ได้หลายหมื่น
ร้านนี้นอกจากจะมีกาแฟ ยังมีขนมและอาหารว่างที่รับมาขายจากข้างนอก เหมาะกับพนักงานที่มีความเร่งรีบในตอนเช้าสุดๆ “เป็นคำสั่งของบอสค่ะ”
“บอส? เจ้าของบริษัทเหรอคะ ฉัน...ไปทำอะไรให้เขา”
จำได้ว่าฉันไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทนี้ด้วยซ้ำ ชื่อของเขาฉันยังไม่มีเวลาว่างจะไปหาข้อมูลด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นบริษัทข้ามชาติ เจ้าของก็ไม่น่าจะอยู่ในไทยนี่นา
ผู้จัดการฝ่ายสถานที่มีสีหน้าอึดอัดใจกับคำถามของฉัน อาจจะไม่อยากบอก หรือเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลนั้นเหมือนกัน
เดี๋ยวนะ...
“รถยุโรปสีดำคันเมื่อเช้าใช่รถเจ้านายคุณหรือเปล่าคะ” ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย หันไปมองลูกชายที่หยิบผ้ามาช่วยเช็ดกระจกตู้เค้กเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับมา “เพราะลูกชายฉันไปขวางหน้ารถเขา?”
“เอ่อ...”
เงียบแบบนี้แปลว่าใช่
“เมื่อเช้ามันเป็นอุบัติเหตุ น้องคลาวด์ทำลูกบอลหลุดมือและวิ่งออกไปนอกถนน ฉันขอโทษไปแล้วนะคะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด พร้อมพยายามอธิบายเรื่องราวให้ผู้จัดการทราบเผื่อเขาจะกลับไปคุยให้ใหม่
ทว่าสีหน้าของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวัง
“คุณชาลีเข้าใจพวกเราด้วยนะคะ มันคือคำสั่งของเจ้านาย”
สุดท้ายฉันจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ นั่นสิเนอะ คนตรงหน้าจะทำอะไรได้ ในเมื่อคำสั่งมันมาจากคนมีอำนาจเหนือกว่า
เมื่อหกปีก่อน ฉันเอง...ก็เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ช่วยทำเรื่องคืนเงินให้ไวที่สุดได้ไหมคะ ฉันต้องใช้มันเหมือนกัน”
“ระ รับทราบค่ะ! ขอโทษด้วยนะคะ”
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่ง สีหน้าผู้จัดการคนนั้นก็ดีขึ้นมาทันตา
คงเหลือแต่ฉันที่ต้องจัดการปัญหาตัวเองต่อไป
[Talk End]
»»-----✧-----««
ก๊อกๆ
“เชิญ”
คำอนุญาตด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดังได้ยินถึงคนที่อยู่ด้านนอก ลูเซียละความสนใจจากเอกสารผลประกอบการตรงหน้าเงยขึ้นมองลูกน้องที่เข้ามารายงานผลงานที่ตนเองให้ไปทำ
“ผู้จัดการฝ่ายอาคารสถานที่จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ภายในเย็นวันนี้ร้านของคุณชาลีจะย้ายออกจากอาคารของเรา” เชร์อธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพ สองมือประสานกันวางไว้ด้านหน้าประกอบ
รอยยิ้มหยันแสดงออกถึงความพึงพอใจในการทำงานอันรวดเร็วปรากฏออกมาบนใบหน้าหล่อเหลา ลูเซียลอบถอนหายใจเล็กน้อยกับการได้กลั่นแกล้งใครบางคนเอาความสะใจเล็กๆ เข้ามาเติมเต็มใจตนเอง
“ไม่ใช่พนักงานบริษัทเรา?”
“ครับ เธอเปิดร้านขายกาแฟอยู่ใต้ตึกติดกับทางขึ้นลิฟต์พนักงานครับ และเป็นแม่ของเด็กที่วิ่งมาขวางหน้ารถเราเมื่อเช้า”
คำพูดว่า ‘ของแม่ของเด็ก’ ทำให้รอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อครู่หุบลงฉับพลัน ดวงตาสีเทาเข้มขึ้นหนึ่งระดับกับข้อมูลที่ไม่จำเป็นพวกนั้น
ตอนนั้นบอกว่าต้องกลับมาแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้แสดงความคือเรื่องจริง...
“เด็กอายุกี่ขวบ”
“ไม่ทราบครับ แต่จากที่ผมเห็นเมื่อเช้าน่าจะสี่ถึงเจ็ดขวบ”
ช่วงเวลาเดียวกันเป๊ะ!
สมน้ำหน้า ถ้าแต่งงานกับเขาในตอนนั้นก็คงไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งแบกลูกมาทำงานแบบนี้ คิดจะบินหนีจากเขาก็นึกว่าจะบินขึ้นฟ้า แต่นี่กลับดิ่งลงเหว
ลูเซียหัวเราะหึออกมาอย่างสาแก่ใจ โบกมือให้ลูกน้องออกไปจัดการงานต่อ แต่เชร์กลับยืนนิ่งคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างจนเจ้าของห้องต้องถาม
“พูด”
“ผู้จัดการอาคารสถานที่แจ้งว่า ทางคุณชาลีขอให้เราโอนเงินค่ามัดจำล่วงหน้า ค่าประกัน รวมถึงค่าเช่าของเดือนที่คืนตามสัญญาในข้อที่บริษัทยกเลิกการให้เช่าพื้นที่ด้วยตนเองครับ”
ใครก็รู้ดี ว่าการพูดเรื่องเงินกับลูเซีย กรอสเวอเนอร์คือสิ่งที่ต้องระมัดระวัง
“เท่าไหร่?”
“สองแสนสองหมื่นบาทครับ เธอต้องใช้เช่าที่อื่นต่อ”
“ประวิงเวลาให้ครบเจ็ดวันค่อยโอนคืน” พูดจบก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างร้ายกาจ
ยิ่งรู้ว่าต้องรีบใช้เงิน เขายิ่งอยากหาวิธีทำให้ผู้หญิงคนนั้นเดือดร้อนให้มากที่สุด
จะเอาเงินไปเช่าที่อื่นงั้นเหรอ? อย่าฝันว่ามันจะง่าย
“ส่งคนตามไปดูผู้หญิงคนนั้น อย่าให้หาที่ใหม่ได้”
คำสั่งไม่สมเหตุสมผลนั้นทำให้ลูกน้องคนสนิทชะงัก ตั้งแต่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่คนสนิทของเจ้านายต่อจากพ่อตนเอง เชร์ไม่เคยเห็นว่าลูเซียจะเจ้าคิดเจ้าแค้นกับใครขนาดนี้
“นายครับ ผมคิดว่าเราไม่ควรเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ เรื่องเมื่อเช้าเป็นอุบัติเหตุ และเราได้จัดการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว” ความจริงคือเขาสงสารเด็ก อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด อาจจะซวยหน่อยที่ทะเล่อทะล่ามาทำให้เจ้านายของเขาหงุดหงิด
“ไม่ได้ถามความเห็น สั่งอะไรก็ไปทำ”
คนนั่งอยู่ชำเลืองมองด้วยหางตา สายตาขุ่นเคืองมีประกายความโกรธฝังลึกนั้น ทำให้เชร์เข้าใจว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อเช้า สุดท้ายเขาก็คืออีกหนึ่งคนที่ไม่อาจทัดทานคำสั่งของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าได้ เจ้าของใบหน้าแบบฉบับชาวยุโรปโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยวาจาหนักแน่น
“...ครับ ขอโทษครับ”
บอดีการ์ดของเขาเดินออกไปแล้ว เจ้าของห้องจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
บุหรี่ที่ไม่ได้หยิบมันมาใช้ แต่มักจะพกติดตัวไว้ตลอด หากอยากระบายความเครียด
กลิ่นนิโคตินผสมกับกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ที่ลอยออกมาตามควันบุหรี่ปะทะเข้ากับจมูกทำให้มาเฟียหนุ่มนึกถึงใครบางคน เขาไม่ได้ชอบลาเวนเดอร์เพราะมันทำให้จิตใจผ่อนคลาย แต่เพราะมันทำให้นึกถึงวันที่ผู้หญิงคนนั้นจากไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตนเองเจอความทุกข์แสนสาหัสจนเกือบตายหลายรอบ
ถ้าเขาเคยผ่านเรื่องผู้หญิงคนนั้นมาได้ ปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าก็เล็กนิดเดียว
ภาพของผู้หญิงคนนั้นที่รีบวิ่งมาอุ้มลูกตนเองลอยเข้ามาในหัว ดูจะรักเด็กคนนั้นมาก คงเป็นธรรมดาของผู้หญิงประเภทนั้นที่อยู่กับใครก็รักคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
ตอนอยู่กับเขาก็แสดงออกว่ารักเขามาก
พอมีผัวใหม่ก็คงรักผัวใหม่ตนเองมากถึงขั้นมีลูกด้วยกัน
“หึ...” ความคิดชั่วร้ายแวบเข้ามาในหัวจนอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาคนเดียว
สองเดือนที่อยู่ที่นี่ เขาจะใช้มันกับเธออย่างสาสม อย่าคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขถ้าเลือกจะทำให้เขาเสียใจก่อน
อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเธอเป็นฝ่ายเจ็บเจียนตายบ้าง...จะรู้สึกยังไง!!
»»-------✧-------««
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอีกครั้งในยี่สิบนาทีให้หลัง ทว่าลูกจ้างตลอดชีวิตกลับชิงหลับไปก่อนแล้ว ว่าง่ายดี บอกให้นอนนี่ก็นอน สาเหตุคงเพราะกระดาษสีขาวที่กำไว้ในมือแน่นไม่เว้นแม้กระทั่งตอนหลับ ร่างสูงเดินอ้อมไปดึงเช็คออกจากมือบางวางลงบนหัวเตียง ซึ่งชาลีก็ยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี จากนั้นจึงฉวยโอกาสสอดตัวเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เขาพยายามคิดหาเหตุผล ว่าอะไรทำให้ชาลีเลือกจะโกหกเขาข้างๆ คูๆ ไปเรื่อยแบบนี้ เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าน้องคลาวด์เป็นลูก และไม่ยอมบอกเหตุผลที่เลิกรากัน แสดงว่าเหตุผลที่ทำให้เลิกกันมันต้องมีผลกับใครสักคน “ชาลี” ในเมื่อคิดไม่ออกจึงปลุกคนที่นอนหลับขึ้นมาหลอกถาม “ตื่นขึ้นมา” “ฮื่อ...” นอกจากการส่งเสียงประท้วงในลำคอกับการทำปากแจ้บๆ ใส่ คนขี้เซาก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แอลกอฮอล์คงออกฤทธิ์เต็มที่จึงทำให้รู้สึกง่วงจนผล็อยหลับไป “ไม่ตื่น? ได้...” เสียงสุดท้ายมาเฟียหนุ่มพูดออกมาเบาหวิว มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ได้ยิน กายสูงกำยำจัดการขยับโยกย้ายร่างตนเองมานั่งกลางเรียวขาสวยของอีกคนพร้อ
“งั้นฉันจะให้เชร์ไปเอามาเอง” แววตาของชาลีวูบไหวกับสิ่งที่ได้ฟัง ก่อนที่มือบางฟาดลงกลางอกแกร่งเสียงดังปึกด้วยความโมโห “พี่จะยุ่งเรื่องนี้อะไรนักหนา มันสำคัญนักหรือไงว่าลูกใคร!” “เธอจะให้ฉันรู้สึกยังไงที่มารู้ทีหลังว่าตัวเองมีลูก หลังจากเลิกกับแฟนเก่าไปหกปี คิดบ้างสิวะ!” ลูเซียเองก็ไม่ได้ยอมแพ้ เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงดุดันเพราะอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน “มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกมาตรงๆ เธอทิ้งให้ฉันคิดว่าหนีไปมีผัวใหม่หกปีเนี่ยนะ...” “ก็คิดถูกแล้วนี่ พี่คงให้คนไปตามสืบเรื่องของฉันบ้างแล้ว ถ้าไม่โง่ก็ต้องรู้ว่าฉันแต่งงา...” “แต่งเหี้ยอะไร!! ไม่ได้แต่ง มันถูกยกเลิกก่อนวันงาน” “มันไม่ได้การันตีว่าเขาเป็นลูกของพี่อยู่ดี ฉันอาจจะเอากับผู้ชายอีกคน...ว้าย!!!” ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ ลำคอระหงก็ถูกมือแกร่งบีบหมับ แรงที่เหนือกว่าดันร่างบางไปกระแทกกับผนังเหมือนอย่างวันแรกที่เธอถูกลูกน้องพามาหาเขาที่ห้องนี้ “อย่าพูดให้ได้ยินอีกว่าเอากับคนอื่น” มือของเขายังกดค้างบนคอของอดีตแฟนสาว ดวงตาสีหม่นบ่งบอกว่านี่คือการเ
หลังจากกลับมาถึงห้องก็ไม่มีใครพูดอะไร ชาลีรีบพาลูกแยกตัวไปอาบน้ำและไม่ยอมออกจากห้องนอนอีกเลย เธอไม่น่าหลวมตัวมาอยู่กับเขาเลย ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ เพราะความงก ตามใจลูก หรือตามใจตนเองก็ไม่แน่ใจ กายบางพลิกตัวจากการนอนตะแคงเป็นมานอนหงาย เพดานสีขาวสะอาดตาไม่ได้ทำให้จิตใจสงบลงแม้แต่น้อย มันทำให้เธอฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิม เมื่อนึกถึงใบหน้าของลูเซียในตอนที่ตอบเธอด้วยความมั่นใจว่าตนเองเป็นพ่อของน้องคลาวด์ คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นจากที่นอน ไม่ลืมจะห่มผ้าให้ลูกที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนผ้าห่มหลุดออกจากตัว มือบางแง้มเปิดประตูออกไปส่องลาดเลาด้านนอก เห็นเพียงแสงสว่างจากห้องนั่งเล่นกลางห้องเปิดทิ้งเอาไว้ จุดหมายของการออกจากห้องครั้งนี้ คือหาเครื่องดื่มดับความกังวลตนเองให้หลับสบายขึ้น ชาลีเดินเข้าไปในครัวโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ แสงที่ลอดจากห้องนั่งเล่นเพียงพอจะพาเธอไปถึงหน้าตู้เย็นได้ มือบางเปิดมันออกก่อนจะก้มหยิบเบียร์กระป๋องเย็นๆ มาแนบแก้ม ใช้นิ้วเกี่ยวเปิดมันดัง 'พล็อก' กระดกลงคอหลายอึกจนสาแก่ใจ “ฮ่า~” ความสดชื่นผ่อนคลายสูบฉีดเข้าไปในเลือดอย่างรวดเร็ว
ชาลีหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความประหม่า ลูกชายตัวน้อยถูกบอดีการ์ดของลูเซียอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้เด็กซึ่งถูกยกตามหลังมาติดๆ สายตาของทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จับจ้องมายังเธอและลูกชายอย่างพร้อมเพรียงกันโดยหาเหตุผลไม่ได้ คลาวด์ถูกสอนมาให้เป็นคนน้อบน้อม เด็กชายยกมือไหว้ทุกคนบนโต๊ะอาหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งลูเซียทั้งที่นั่งรถมางานด้วยกันแท้ๆ คนเป็นแม่เข้าใจว่าลูกตื่นเต้น จึงเริ่มกล่าวแนะนำตัวกับคนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชาลีค่ะ นี่ลูกชายของฉันเองชื่อน้องคลาวด์ อายุ...อะ เอ่อ” “อายุเท่าไหร่” เวกัสถามออกมา เมื่อเห็นว่าแม่ของเด็กเงียบไป “คือ...” “สี่ขวบ ใช่ไหม?” ลูเซียที่นั่งกอดอกอยู่ตอบคำถามแทนเพราะต้องการตัดรำคาญเพื่อน “คลาวด์หกขวบต่างหาก” หน้าเล็กๆ มุ่ยลงเมื่ออีกฝ่ายบอกอายุตนเองผิด “หกขวบอะไรตัวเท่านี้” ตาสีเทามองเด็กตัวเท่าข้อนิ้วหัวจรดเท้า “ทะ ถึงจะยังไม่หกแต่ก็ใกล้แล้ว เนอะมี้ หลังคริสต์มาสคลาวด์ก็จะหกขวบ” เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะเพลี่ยงพล้ำเด็กน้อยจึงหันไปขอกำลั
“มี้ค้าบ~ คนสวย...” คลาวด์เป็นคนแรกที่เห็นว่าแม่ของตนเองเปิดประตูออกมาจากห้องนอน ลูกชายตัวน้อยไถตัวเองลงจากโซฟาใหญ่ตามด้วยการติดกระดุมเสื้อสูทให้เรียบร้อย ไม่ลืมจะหมุนตัวอวดการกระทำของตนเองกับคนสอนมารยาท จากนั้นเท้าน้อยๆ จึงก้าวเข้าไปหามารดาก่อนจะสวมกอดเข้าที่เรียวขาสวยซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยเดรสยาวเปิดไหล่สีลาเวนเดอร์เป็นการออดอ้อน ชาลีมองการกระทำแสนน่ารักของลูก พร้อมกับยกมือลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูเปี่ยมล้น “คนสวยหอมคลาวด์หน่อย” ร่างน้อยเขย่งตัวยื่นแก้มกลมรอให้ผู้เป็นแม่มาจุ๊บ ชาลีจึงไม่รีรอที่จะนั่งย่อตัวหอมแก้มระเรื่อด้วยเลือดฝาดของลูกตามต้องการ “มี้ใส่สีม่วงสวย” “ใส่สีเดียวกับเสื้อข้างในน้องคลาวด์ไงคะ จะได้แต่งตัวคู่กัน” ชาลีระบายยิ้มหวานอธิบายกับลูก พร้อมจิ้มนิ้วชี้ลงบนอกเล็กของคลาวด์ เด็กชายตัวน้อยหัวเราะชอบใจกับการหยอกล้อของผู้เป็นแม่ ขยับตัวโถมเข้าสวมกอดแนบหน้าลงบนอกนุ่มอย่างแสนรัก “รักมี้ที่สุด~” “มี้ก็รักน้องคลาวด์ที่สุดค่ะ” “ที่หนึ่งเลยไหม?” “ที่หนึ่งเลยค่ะ”
“เสร็จแล้วค่ะ!” ชาลีในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งคุกเข่าติดกระดุมเสื้อสูทให้ลูกชาย พร้อมขยับจัดชายเสื้อให้เข้าที่เข้าทางเป็นอย่างสุดท้าย ชาลีคลี่ยิ้มภูมิใจในความหล่อเท่ ราวกับนายแบบนิตยสารเด็กของลูก วันนี้น้องคลาวด์ดูดีในเสื้อเชิ้ตสีม่วงลาเวนเดอร์ สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทาและสูทตัวนอกสีเดียวกันเข้าเซตกับกางเกงขายาวกับรองเท้าหนัง ทรงผมเรียบแปล้ด้วยเจลจัดแต่งทรงผมเด็กดูน่ารักน่าชัง และแอบหล่อได้พ่อ... “ใส่แบบนี้อาจจะร้อนนิดหน่อย แต่พอขึ้นเรือไปลูกจะไม่หนาวนะคะ” คนเป็นแม่บอกกับลูกตัวน้อย ซึ่งใบหน้าจิ้มลิ้มก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี “คลาวด์ไปขับรถรอนะ” “ได้ค่ะ แต่อย่าเล่นจนชุดเปื้อนนะ เดี๋ยว...” “เจ้าของห้องดุ” น้องคลาวด์พูดประโยคถัดมาด้วยตนเองเสมือนจดจำคำพูดของเธอได้ขึ้นใจ ก่อนที่สองแม่ลูกจะปิดปากหัวเราะคิกคักกันสองคนด้วยความขบขัน อยู่ด้วยจนเริ่มเกิดความคุ้นชินทีละนิด ว่าเจ้าของห้องหน้าดุเป็นคนขี้รำคาญขนาดไหน มือบางเปิดประตูห้องนอน ปล่อยให้ลูกชายออกไปเล่นข้างนอกก่อนจะปิดประตูล็อกแน่นหนา และเริ่มจัด







