เข้าสู่ระบบแสงแดดเจิดจ้าในยามเช้าช่างเป็นอุณหภูมิที่เหมาะแก่การเปิดภาคเรียนวันแรกของลูก คนเป็นแม่ในชุดกึ่งทางการ กางเกงยีนขาตรงสีฟ้าซีดตามแฟชั่นกับเสื้อแขนกุดสวมทับด้วยสูทไร้ปกสีเดียวกับยีนยืนกอดอกมองลูกชาย ซึ่งกำลังนั่งสวมรองเท้านักเรียนสีขาวอยู่บริเวณชานพักเท้าทางเข้าบ้าน
หน้าตาของคลาวด์สดใสและค่อนข้างตื่นเต้นกับการเข้าโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต กางเกงขาสั้นกับเสื้อกั๊กสีกรมท่าคือยูนิฟอร์มโรงเรียนเอกชนชื่อดังใกล้บ้าน มันถูกสวมทับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวของลูกอีกที
น่ารักจนใจคนเป็นแม่เจ็บไปหมด ยิ่งแก้มแดงๆ แบบเด็กฝรั่งยิ่งทำให้คนหลงลูกอย่างเธอสุดจะต้านทาน สุดท้ายจึงเลือกหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวสไลด์เปิดกล้องถ่ายเป็นความทรงจำเอาไว้หลายรูป
“มี้~ ไม่ถ่ายน้า~” เสียงเล็กๆ ติดงอแงเมื่อรู้ตัวว่าถูกแอบถ่ายโดยไม่ยินยอม คลาวด์ยกสองมือตนเองขึ้นมาปิดบังใบหน้าด้วยความเขินอาย ก่อนจะก้มหน้างุดจนผมเผ้าที่ถูกเซตเป็นทรงยุ่งเหยิง
ลูกชายของเธอเป็นเด็กขี้อายเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง จะว่าไปก็นิสัยเหมือนกับใครบางคน
คนนั้น...
คุณแม่วัยสาวย่อตัวนั่งยองตรงหน้า คล้ายจะมันเขี้ยวความน่าหยิกแก้มมะเขือเทศของลูกไม่น้อย ชาลีเอื้อมมือไปดึงสองมือของลูกชายลงพลางแสดงสีหน้ากรุ้มกริ่มคล้ายกับกำลังแซวหนุ่มหน่อยน่ารักที่เดินผ่านตา
“อายทำไมฮึ ลูกชายหม่ามี้หล่อขนาดนี้” แซวจบก็เขี่ยแก้มกลมหนึ่งทีจนมันสั่นกระเพื่อมอย่างน่าเอ็นดู
เด็กน้อยรู้ตัวว่าถูกมารดากลั่นแกล้งก็โผเข้ามาสวมกอดเต็มรักจนร่างบอบบางเซไปด้านหลัง หากตั้งตัวได้ช้ากว่านี้คงล้มคะมำตั้งแต่เช้าทั้งแม่ทั้งลูก
“หม่ามี้หยอกเล่นพ่อหนุ่มขี้อาย”
“มี้~”
น้ำเสียงของลูกดังน้ำอีกครั้งด้วยความเขินอายจนผู้เป็นแม่หัวเราะออกมา ก่อนจะเปลี่ยนจากการกอดเป็นจูงมือน้อยเดินออกจากเขตบ้านเพื่อไปส่งเข้าโรงเรียนวันแรก ซึ่งระหว่างทางจากหน้าบ้านไปถึงปากซอยเพื่อขึ้นรถ ชาลีก็พูดคุยกับลูกไม่หยุด
“ถ้าอยู่โรงเรียนรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายบอกครูประจำชั้นนะคะ หม่ามี้ให้เบอร์กับครูไว้แล้ว”
“ครับ”
“มีปัญหาอะไรลูกคุยกับหม่ามี้ได้ทุกเรื่องนะ ถ้าถูกแกล้งให้มาบอกมี้ มี้จะไปตีให้” พูดจบก็ขยิบตาขี้เล่นให้หนุ่มน้อยตรงหน้าอีกทีจนลูกมุ่ยหน้า
“มี้อย่าเป็นนักเลง”
คำพูดห้ามปรามของลูกทำเอาหญิงสาวหัวเราะอีกครั้ง คลาวด์เป็นเด็กอ่อนโยน ความคิดความอ่านเกินวัย ใจดี และเรียบร้อยมาก ไม่มีเลยสักครั้งที่ลูกจะทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ
มันคงเป็นนิสัยส่วนดีของพ่อเขาที่ติดตัวมา...
“ถ้าจัดการเรื่องร้านเรียบร้อยแล้ว หม่ามี้ถอยรถสักคันไว้รับส่งน้องคลาวด์ดีกว่า”
“มี้ประหยัด”
“หมายถึงให้มี้ประหยัดเหรอ”
“ฮื่อ~” หน้าเล็กๆ พยักขึ้นลงประกอบ
คนโดนลูกสอนจึงได้แต่พยักหน้าขึ้นลงตามคำสั่งลูกชาย อดอมยิ้มไม่ได้กับความห่วงใยให้กันและกันแม้จะเหลือสมาชิกในครอบครัวแค่สองคนแม่ลูก รู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจหอบเงินก้อนสุดท้ายออกจากบ้านหลังนั้นมาตั้งตัวในกรุงเทพ
หลังจากส่งลูกถึงหน้าห้องเรียนเรียบร้อยก็รีบนั่งรถไปตลาดใกล้เขตที่มีออฟฟิศกระจุกตัวอยู่หลายบริษัท เนื่องจากมี พนักงานออฟฟิศอยู่โซนนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้กลายเป็นแหล่งขายอาหารและชอปปิงยอดฮิตตั้งแต่ช่วงพักเที่ยงจนถึงหลังเลิกงาน ชาลีค่อนข้างคาดหวังกับที่นี่เอาไว้มาก เพราะนอกจากค่าเช่าพื้นที่จะพอๆ กับตึกลุกซ์ซึ่งเธอสามารถจ่ายได้ ยังมีที่ว่างให้เช่าหลายจุด นั่นเท่ากับว่าโอกาสที่คนตัวเล็กจะได้ร้านย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน
ชาลีนั่งกรอกเอกสารภายในสำนักงานของตลาด ก่อนจะยื่นให้คนดูแลตลาดรับเอาไว้
“ประกาศผลประมาณวันที่เท่าไหร่คะ” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว
“ช่วงกลางเดือนค่ะ จะได้มีเวลาเตรียมตัวเปิดร้านในช่วงต้นเดือน”
“ดีเลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
ชาลีส่งยิ้มเป็นมิตรให้พนักงานอีกครั้งเผื่อเธอจะถูกชะตาและช่วยคุยให้อีกแรง จากนั้นจึงเดินออกจากสำนักงานมาเดินเล่นสำรวจตลาด ร้านค้าส่วนมากในตลาดนี้เป็นของกินของใช้ อยากพาลูกมาเดินที่นี่ตอนเย็นเผื่อจะได้ถามความเห็นตามประสาคนมีกันอยู่สองคน
ระหว่างเดินดูร้านขายขนมที่ลูกชอบเล็งเอาไว้ ชาลีก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอลืมขอเบอร์ติดต่อสำนักงานเอาไว้ เผื่อว่าจะได้สอบถามความคืบหน้า นึกได้ดังนั้นขาเรียวจึงหมุนตัวเดินกลับไปยังอาคารที่เพิ่งเดินออกมาทันที
เดินมาถึงหน้าประตูบานเลื่อนซึ่งติดฟิล์มทึบก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าสำนักงานในตอนนี้ปิดประตูเงียบต่างจากเมื่อสักครู่ที่เธอเพิ่งมาที่เปิดประตูกว้างต้อนรับ
มีแขกสำคัญหรือเปล่า หรือไม่อยู่...
ใบหน้าสวยยื่นหน้าไปชิดกระจกประตูพร้อมเอามือป้องบังแสงเพื่อดูด้านในว่ามีใครอยู่หรือไม่ ก่อนจะสะดุดเข้ากับพนักงานหญิงคนเมื่อกี้กำลังยื่นมือออกไปรับเงินจากเจ้าของร่างสูงโปร่งซึ่งยืนหันหลังให้คนตัวเล็กอีกที ชาลีจึงไม่มีโอกาสเห็นหน้าคร่าตาผู้ชายคนนั้น การกระทำของพนักงานหญิงดึงความสนใจให้ชาลีกลับไปมอง เธอยืนนับเงินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนเองก่อนจะหยิบกระดาษบนโต๊ะส่งให้อีกฝ่าย
จ่ายค่าเช่าเหรอ? ที่นี่จ่ายเงินสดเป็นหมื่นได้ด้วยเหรอ?
ชาลีได้แต่ยืนสับสนอยู่ตรงนั้น กระทั่งอีกฝ่ายหมุนตัวเดินออกมาเธอจึงเห็นใบหน้านั้นเต็มสองตา จำได้อย่างแม่นยำว่าเขาเป็นคนเดียวกับคนที่เปิดประตูลงจากรถมาดูลูกชายตอนที่ลูกวิ่งตัดหน้ารถ
นั่นเท่ากับว่า...
ครืดดด~
ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก จากนั้นเจ้าของใบหน้าฉบับชาวยุโรปก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของเจ้านายยืนกอดอกจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจรุนแรง
“กระดาษในมือคุณคงเป็นเอกสารของฉัน” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยภาษาฝรั่งเศสที่ไม่ได้ใช้มาหลายปี
เชร์ เชสนีย์ขยับมือซ่อนมันไว้ด้านหลัง ลอบถอนหายใจออกมาเมื่อรับรู้ว่าตนเองพลาดอย่างรุนแรงจนถูกจับได้ ดวงตาคมแสร้งมองไปทางอื่นไม่เห็นหน้าเล็กๆ ที่กำลังจ้องเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“พี่ลุกซ์สั่งให้ทำสินะคะ” สรรพนามที่ฟังดูสนิทสนมกับผู้เป็นนายออกจากปากชาลีด้วยความลืมตัว จนคนที่ได้ฟังก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ที่ฉันหาร้านใหม่ไม่ได้สักที่ ก็คงเพราะคุณทำแบบเดียวกัน”
จ่ายเงินแลกกับเอกสารแล้วเอาไปทำลายทิ้ง หรือไม่ก็จ่ายเงินเพื่อให้เจ้าของพื้นที่ปฏิเสธเธอ
“ผมขอตัวครับ”
อีกฝ่ายสวมรองเท้าและเดินเลี่ยงไปยังลานจอดรถหน้าตาเฉย หญิงสาวเองก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ออกตัวเดินตามร่างสูงโปร่งอย่างไม่ลดละ
“ฉันต้องการคุยกับเจ้านายคุณอีกครั้งค่ะ”
คำพูดน่าสนใจทำให้บอดีการ์ดหนุ่มหันกลับมามองคนที่เดินตามมาด้านหลัง ประเมินจากรูปลักษณ์ภายนอกก็พอเดาออกว่าทำไมเจ้านายของตนเองถึงเป็นบ้าเป็นหลังกับผู้หญิงคนนี้ได้ ถึงแม้ชาลีจะมีรูปร่างผอมบางตัวเล็กต่างจากบรรดานางแบบที่ผ่านตาเจ้านายของตนเองมา แต่ด้วยความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผู้ชายหลายคนที่ได้เห็นหน้าเธอต้องหยุดมองใบหน้านั้นซ้ำอีกหลายหน อาจเพราะผิวที่เนียนละเอียดแม้จะออกไปทางโทนขาวเหลืองสไตล์เอเชีย หรือแพขนตางามที่เวลากะพริบขยับเสริมให้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนนั้นโดดเด่นน่าค้นหาขึ้นมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูเซีย กรอสเวอเนอร์เป็นผู้ชายที่รสนิยมดีทั้งเรื่องแอลกอฮอล์และผู้หญิง
“ว่ายังไงคะ คุณจะพาฉันไปตอนนี้เดี๋ยวนี้ได้ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป
ซึ่งเสียงนั้นได้เรียกสติเจ้าของร่างสูงให้กลับเข้าร่าง เชร์ถึงกลับส่ายหัวให้ตนเอง เมื่อกี้เขาเผลอตัวมองอีกฝ่ายนานแค่ไหน...สามสิบวิ...สี่สิบวิ...หรือหนึ่งนาที
บอดีการ์ดหนุ่มกระแอมเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวติดต่อหาเจ้านาย จากนั้นจึงหันมาให้คำตอบคนที่ยืนกลางแดดรอฟังคำตอบด้วยกัน
แก้มแดงหมดแล้ว...
“เชิญครับ นายอนุญาตแล้ว”
»»-------✧-------««
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอีกครั้งในยี่สิบนาทีให้หลัง ทว่าลูกจ้างตลอดชีวิตกลับชิงหลับไปก่อนแล้ว ว่าง่ายดี บอกให้นอนนี่ก็นอน สาเหตุคงเพราะกระดาษสีขาวที่กำไว้ในมือแน่นไม่เว้นแม้กระทั่งตอนหลับ ร่างสูงเดินอ้อมไปดึงเช็คออกจากมือบางวางลงบนหัวเตียง ซึ่งชาลีก็ยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี จากนั้นจึงฉวยโอกาสสอดตัวเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เขาพยายามคิดหาเหตุผล ว่าอะไรทำให้ชาลีเลือกจะโกหกเขาข้างๆ คูๆ ไปเรื่อยแบบนี้ เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าน้องคลาวด์เป็นลูก และไม่ยอมบอกเหตุผลที่เลิกรากัน แสดงว่าเหตุผลที่ทำให้เลิกกันมันต้องมีผลกับใครสักคน “ชาลี” ในเมื่อคิดไม่ออกจึงปลุกคนที่นอนหลับขึ้นมาหลอกถาม “ตื่นขึ้นมา” “ฮื่อ...” นอกจากการส่งเสียงประท้วงในลำคอกับการทำปากแจ้บๆ ใส่ คนขี้เซาก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แอลกอฮอล์คงออกฤทธิ์เต็มที่จึงทำให้รู้สึกง่วงจนผล็อยหลับไป “ไม่ตื่น? ได้...” เสียงสุดท้ายมาเฟียหนุ่มพูดออกมาเบาหวิว มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ได้ยิน กายสูงกำยำจัดการขยับโยกย้ายร่างตนเองมานั่งกลางเรียวขาสวยของอีกคนพร้อ
“งั้นฉันจะให้เชร์ไปเอามาเอง” แววตาของชาลีวูบไหวกับสิ่งที่ได้ฟัง ก่อนที่มือบางฟาดลงกลางอกแกร่งเสียงดังปึกด้วยความโมโห “พี่จะยุ่งเรื่องนี้อะไรนักหนา มันสำคัญนักหรือไงว่าลูกใคร!” “เธอจะให้ฉันรู้สึกยังไงที่มารู้ทีหลังว่าตัวเองมีลูก หลังจากเลิกกับแฟนเก่าไปหกปี คิดบ้างสิวะ!” ลูเซียเองก็ไม่ได้ยอมแพ้ เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงดุดันเพราะอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน “มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกมาตรงๆ เธอทิ้งให้ฉันคิดว่าหนีไปมีผัวใหม่หกปีเนี่ยนะ...” “ก็คิดถูกแล้วนี่ พี่คงให้คนไปตามสืบเรื่องของฉันบ้างแล้ว ถ้าไม่โง่ก็ต้องรู้ว่าฉันแต่งงา...” “แต่งเหี้ยอะไร!! ไม่ได้แต่ง มันถูกยกเลิกก่อนวันงาน” “มันไม่ได้การันตีว่าเขาเป็นลูกของพี่อยู่ดี ฉันอาจจะเอากับผู้ชายอีกคน...ว้าย!!!” ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ ลำคอระหงก็ถูกมือแกร่งบีบหมับ แรงที่เหนือกว่าดันร่างบางไปกระแทกกับผนังเหมือนอย่างวันแรกที่เธอถูกลูกน้องพามาหาเขาที่ห้องนี้ “อย่าพูดให้ได้ยินอีกว่าเอากับคนอื่น” มือของเขายังกดค้างบนคอของอดีตแฟนสาว ดวงตาสีหม่นบ่งบอกว่านี่คือการเ
หลังจากกลับมาถึงห้องก็ไม่มีใครพูดอะไร ชาลีรีบพาลูกแยกตัวไปอาบน้ำและไม่ยอมออกจากห้องนอนอีกเลย เธอไม่น่าหลวมตัวมาอยู่กับเขาเลย ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ เพราะความงก ตามใจลูก หรือตามใจตนเองก็ไม่แน่ใจ กายบางพลิกตัวจากการนอนตะแคงเป็นมานอนหงาย เพดานสีขาวสะอาดตาไม่ได้ทำให้จิตใจสงบลงแม้แต่น้อย มันทำให้เธอฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิม เมื่อนึกถึงใบหน้าของลูเซียในตอนที่ตอบเธอด้วยความมั่นใจว่าตนเองเป็นพ่อของน้องคลาวด์ คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นจากที่นอน ไม่ลืมจะห่มผ้าให้ลูกที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนผ้าห่มหลุดออกจากตัว มือบางแง้มเปิดประตูออกไปส่องลาดเลาด้านนอก เห็นเพียงแสงสว่างจากห้องนั่งเล่นกลางห้องเปิดทิ้งเอาไว้ จุดหมายของการออกจากห้องครั้งนี้ คือหาเครื่องดื่มดับความกังวลตนเองให้หลับสบายขึ้น ชาลีเดินเข้าไปในครัวโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ แสงที่ลอดจากห้องนั่งเล่นเพียงพอจะพาเธอไปถึงหน้าตู้เย็นได้ มือบางเปิดมันออกก่อนจะก้มหยิบเบียร์กระป๋องเย็นๆ มาแนบแก้ม ใช้นิ้วเกี่ยวเปิดมันดัง 'พล็อก' กระดกลงคอหลายอึกจนสาแก่ใจ “ฮ่า~” ความสดชื่นผ่อนคลายสูบฉีดเข้าไปในเลือดอย่างรวดเร็ว
ชาลีหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความประหม่า ลูกชายตัวน้อยถูกบอดีการ์ดของลูเซียอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้เด็กซึ่งถูกยกตามหลังมาติดๆ สายตาของทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จับจ้องมายังเธอและลูกชายอย่างพร้อมเพรียงกันโดยหาเหตุผลไม่ได้ คลาวด์ถูกสอนมาให้เป็นคนน้อบน้อม เด็กชายยกมือไหว้ทุกคนบนโต๊ะอาหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งลูเซียทั้งที่นั่งรถมางานด้วยกันแท้ๆ คนเป็นแม่เข้าใจว่าลูกตื่นเต้น จึงเริ่มกล่าวแนะนำตัวกับคนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชาลีค่ะ นี่ลูกชายของฉันเองชื่อน้องคลาวด์ อายุ...อะ เอ่อ” “อายุเท่าไหร่” เวกัสถามออกมา เมื่อเห็นว่าแม่ของเด็กเงียบไป “คือ...” “สี่ขวบ ใช่ไหม?” ลูเซียที่นั่งกอดอกอยู่ตอบคำถามแทนเพราะต้องการตัดรำคาญเพื่อน “คลาวด์หกขวบต่างหาก” หน้าเล็กๆ มุ่ยลงเมื่ออีกฝ่ายบอกอายุตนเองผิด “หกขวบอะไรตัวเท่านี้” ตาสีเทามองเด็กตัวเท่าข้อนิ้วหัวจรดเท้า “ทะ ถึงจะยังไม่หกแต่ก็ใกล้แล้ว เนอะมี้ หลังคริสต์มาสคลาวด์ก็จะหกขวบ” เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะเพลี่ยงพล้ำเด็กน้อยจึงหันไปขอกำลั
“มี้ค้าบ~ คนสวย...” คลาวด์เป็นคนแรกที่เห็นว่าแม่ของตนเองเปิดประตูออกมาจากห้องนอน ลูกชายตัวน้อยไถตัวเองลงจากโซฟาใหญ่ตามด้วยการติดกระดุมเสื้อสูทให้เรียบร้อย ไม่ลืมจะหมุนตัวอวดการกระทำของตนเองกับคนสอนมารยาท จากนั้นเท้าน้อยๆ จึงก้าวเข้าไปหามารดาก่อนจะสวมกอดเข้าที่เรียวขาสวยซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยเดรสยาวเปิดไหล่สีลาเวนเดอร์เป็นการออดอ้อน ชาลีมองการกระทำแสนน่ารักของลูก พร้อมกับยกมือลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูเปี่ยมล้น “คนสวยหอมคลาวด์หน่อย” ร่างน้อยเขย่งตัวยื่นแก้มกลมรอให้ผู้เป็นแม่มาจุ๊บ ชาลีจึงไม่รีรอที่จะนั่งย่อตัวหอมแก้มระเรื่อด้วยเลือดฝาดของลูกตามต้องการ “มี้ใส่สีม่วงสวย” “ใส่สีเดียวกับเสื้อข้างในน้องคลาวด์ไงคะ จะได้แต่งตัวคู่กัน” ชาลีระบายยิ้มหวานอธิบายกับลูก พร้อมจิ้มนิ้วชี้ลงบนอกเล็กของคลาวด์ เด็กชายตัวน้อยหัวเราะชอบใจกับการหยอกล้อของผู้เป็นแม่ ขยับตัวโถมเข้าสวมกอดแนบหน้าลงบนอกนุ่มอย่างแสนรัก “รักมี้ที่สุด~” “มี้ก็รักน้องคลาวด์ที่สุดค่ะ” “ที่หนึ่งเลยไหม?” “ที่หนึ่งเลยค่ะ”
“เสร็จแล้วค่ะ!” ชาลีในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งคุกเข่าติดกระดุมเสื้อสูทให้ลูกชาย พร้อมขยับจัดชายเสื้อให้เข้าที่เข้าทางเป็นอย่างสุดท้าย ชาลีคลี่ยิ้มภูมิใจในความหล่อเท่ ราวกับนายแบบนิตยสารเด็กของลูก วันนี้น้องคลาวด์ดูดีในเสื้อเชิ้ตสีม่วงลาเวนเดอร์ สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทาและสูทตัวนอกสีเดียวกันเข้าเซตกับกางเกงขายาวกับรองเท้าหนัง ทรงผมเรียบแปล้ด้วยเจลจัดแต่งทรงผมเด็กดูน่ารักน่าชัง และแอบหล่อได้พ่อ... “ใส่แบบนี้อาจจะร้อนนิดหน่อย แต่พอขึ้นเรือไปลูกจะไม่หนาวนะคะ” คนเป็นแม่บอกกับลูกตัวน้อย ซึ่งใบหน้าจิ้มลิ้มก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี “คลาวด์ไปขับรถรอนะ” “ได้ค่ะ แต่อย่าเล่นจนชุดเปื้อนนะ เดี๋ยว...” “เจ้าของห้องดุ” น้องคลาวด์พูดประโยคถัดมาด้วยตนเองเสมือนจดจำคำพูดของเธอได้ขึ้นใจ ก่อนที่สองแม่ลูกจะปิดปากหัวเราะคิกคักกันสองคนด้วยความขบขัน อยู่ด้วยจนเริ่มเกิดความคุ้นชินทีละนิด ว่าเจ้าของห้องหน้าดุเป็นคนขี้รำคาญขนาดไหน มือบางเปิดประตูห้องนอน ปล่อยให้ลูกชายออกไปเล่นข้างนอกก่อนจะปิดประตูล็อกแน่นหนา และเริ่มจัด