"ขอบคุณนะคะหมอหมอก หมอพีร์" รวีธารรับคีย์การ์ดจากมือรพีภัทรก่อนจะเอ่ยขอบคุณอีกรอบเมื่อเขาอำนวยความสะดวกให้เธอ
ด้วยทางคอนโดเป็นแบบต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดขึ้นลิฟต์และเข้าออกประตู ซึ่งรพีภัทรมีห้องอยู่ชั้นเดียวกับหมอไทม์ด้วยพอดีจึงให้ยืม
โดยเขาบอกว่าได้แจ้งหมอไทม์ไว้แล้วว่าจะมีข้าวไปส่ง เธอสามารถไปกดกริ่งหน้าห้องได้เลย
"ครับ" คนตัวเล็กหมุนตัวเดินออกจากร้านไป พร้อมกับอาหารเต็มไม้เต็มมือ ในขณะที่คนส่งข่าวทั้งสองมองตามหลังไปก่อนจะหันมองหน้าอย่างรู้กัน
"มึงนี่สมเป็นเพื่อนรักมัน" อวัศย์ยกนิ้วโป้งให้รพีภัทรที่ยกยิ้มมุมปากมองตามหลังเจ้าของร้านกาแฟไป นอกจากจะเอาคีย์การ์ดให้เขาแล้ว มันยังเดาเรื่องถูกอีกต่างหากว่าเธอน่าจะเข้าใจอะไรไอ้ไทม์ผิด ส่วนแผนการเรื่องให้เธอไปส่งข้าว มันนี่แหละที่เป็นคนคิด
"หึ! กูจะเอาเงินคืน"
"เงิน? หมายถึงที่พนันกันคราวก่อน"
"เออ!" รพีภัทรตอบกลับสั้นๆ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มท่าทางอารมณ์ดี
"เชี่ย! ไม่น่าล่ะ เปิดโอกาสเต็มที่เลยนะมึง" อวัศย์มองเพื่อนสนิทอึ้งๆ ที่มันวางแผนทุกอย่างเอาไว้ คงกะจะเอาคืนที่คราวก่อนเขากับไอ้ไทม์ได้เงินมันคนละห้าแสน พนันว่ามันชอบคุณนาว แต่เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็ง สุดท้ายนอกจากจะเสียเงินที่พนันแล้ว ยังหลงเมียหัวปักหัวปำ
"..."
"กูเทฝั่งมึงเต็มที่เลย" อวัศย์คิดอย่างหมายมาด เมื่อดูท่าทางของธารณ์แล้ว ไม่พ้นจะเป็นอย่างที่คิดไว้ งานนี้น่าจะได้เงินมาเปย์ใบชาอีกเหมือนเดิม
รวีธารทาบคีย์การ์ดที่ได้รับมาลงตรงจุดสำหรับแตะบัตรคีย์การ์ด ก่อนตัวเลขชั้นจะปรากฏขึ้นอัตโนมัติ กล่องสี่เหลี่ยมค่อยๆ นำเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกหรู
ใช่อยู่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ ว่าทั้งสองคนนั้นจงใจมาคุยเรื่องนี้กับเธอ และตั้งใจให้เอาอาหารมาส่ง แต่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจุดประสงค์ของเพื่อนเขาทั้งสองคนคืออะไร
แต่ถึงยังไง พอรู้ว่าเขาป่วย ตัวเธอก็อยู่เฉยไม่ได้ ถึงแม้จะยังไม่รู้ความจริงก็เถอะว่าสรุปผู้หญิงคนที่เห็นคนนั้นเป็นใคร หรือคำพูดที่ว่าเขาโสด จะเป็นจริงรึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ
รวีธารเดินออกจากลิฟต์เดินตรงไปด้านในตามที่รพีภัทรแจ้ง ซึ่งทั้งชั้นมีเพียงแค่สองห้อง โดยห้องของหมอไทม์อยู่ด้านในสุด
เธอหยุดอยู่หน้าห้องกดกริ่งเรียกตามที่หมอพีร์บอก แต่ไม่มีคนมาเปิดประตู ด้วยความห่วงว่าเขาอาจจะเป็นอะไร จึงกดอีกรอบรัวๆ ติดกัน สักพักจึงได้ยินเสียงดังคล้ายมีการเคลื่อนไหวด้านใน
"รหัสก็รู้พวกมึงไม่เปิดเข้ามาล่ะ!"
"..."
"เพ้นท์?!..." รวีธารยืนอ้าปากเหวอมองสภาพคนตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่รู้จะตกใจอะไรมากกว่ากันระหว่างที่เขาเรียกชื่อเล่นเธออย่างที่ไม่เคยเรียก หรือจะเป็นร่างกำยำที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวอยู่ หน้าท้องของเขามีลอนซิกแพ็คเห็นเด่นชัดอย่างคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
"แน่นเกินไปแล้ว..."
"อะไรนะ?"
"คะ?....เอ่อ เพ้นท์ ฉันเอาข้าวมาให้ แล้ว...พอดีหมอพีร์ เอ้อ..." รวีธารสะบัดศีรษะเรียกสติเมื่อพูดผิดพูดถูกไปหมด ระงับอาการใจเต้น และบังคับเสียงไม่ให้สั่นเมื่อเขามองมาด้วยความงุนงง "คือหมอพีร์กับหมอหมอกให้เอาข้าวมาส่งค่ะ"
คนตัวเล็กตอบกลับเสียงรัวเร็ว เบือนสายตาหนีร่างกำยำที่ยืนพิงสะโพกอยู่ขอบประตู "นี่ค่ะ"
ตายๆ เห็นแค่นี้ก็จะเป็นลมแล้ว วันนั้นยังมีหน้าจะลากเขาขึ้นเตียง!
เขาจ้องมองเธอที่เอาแต่หลบสายตาอย่างมึนงง ความจริงทั้งงง ทั้งสับสน และแปลกใจเลยล่ะ ก็อาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าตัวเล่นหลบหน้าหายไปไม่มาให้เจอ แต่อยู่ๆ ก็มากดกริ่งอยู่หน้าห้องพร้อมกับอาหารเต็มไม้เต็มมือ
แต่ฟังจากที่เธอพูด น่าจะเป็นไอ้สองหมอนั่น ที่จัดแจงให้เธอเอาอาหารมาส่ง ก็ว่าอยู่เขาอุตส่าห์บอกแล้วว่าไม่ต้องมาหา เดี๋ยวหากินเอง พวกมันก็ยังยืนยันว่าจะมา ปกติก็ไม่เห็นพวกมันจะเป็นห่วงเป็นใยอะไรขนาดนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าไม่ได้มาเอง แต่ส่งคนอื่นมาแทน
ที่สำคัญตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจ หรือหงุดหงิดอะไร
"เข้ามาสิ" เขาเบี่ยงตัว เพยิดหน้าให้เธอเดินเข้ามาในห้อง
"ไม่เป็นไร ฉันเอาข้าวมาให้เฉยๆ"
ถ้าเข้าไปเธอน่าจะเลือดกำเดาไหล! รวีธารคิดในใจ แล้วนี่คนอะไร มายืนคุยกับคนอื่นสภาพนี้แล้วไม่รีบเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีก!
"ผมป่วยอยู่อยากกินร้อนๆ" เมื่อได้ยินเสียงกึ่งอ้อนๆ คนตัวเล็กจึงเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ เห็นเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง "คุณช่วยอุ่นให้ผมกินได้ไหม"
"ก็ได้ค่ะ" เธอตอบกลับเสียงนิ่ง ถึงแม้ในใจจะพร้อมถวายตัวก็ตาม
คนตัวเล็กเดินนำเข้าไปในห้อง สายตาแอบสำรวจมองรอบๆ ห้องเขาซึ่งดูดีเป็นระเบียบตามวิสัยหมอ ภายในมีประตูแยกไปอีกประมาณสามห้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นน่าจะมีห้องนอนเขา
"ห้องนั้น"
"คะ?" เธอเงยหน้ามองด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ๆ เขาชี้ไปทางห้องขวามือริมสุด
"ห้องนอนผม"
"ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย" รวีธารบ่นอุบอิบตอบกลับเสียงเบา ก่อนจะชี้ไปยังครัวด้านใน "ให้ฉันอุ่นตรงนั้นใช่ไหม"
"ครับ" เขามองจ้องเธอนิ่ง สายตาแวววับแปลกๆ
"คุณ...ไปใส่เสื้อผ้าสิ" เธอกระแอมเสียงเบาบอกเขา เบือนหน้ามองไปยังห้องครัวราวกับมีอะไรน่าสนใจนักหนา
"อะไรนะ?"
"ไปใส่เสื้อผ้าค่ะ!" เธอหันไปตอบเขาอีกรอบเสียงดัง ก่อนใบหน้าจะขึ้นสีเรื่อ สองแก้มแดงเห่อร้อน เมื่อเขายกยิ้มมองเธอคล้ายขบขัน
แกล้งกันเหรอ!
"ไม่ใส่ไม่ได้รึไง" คนชอบโชว์ถามขึ้นเลิกคิ้วกวนๆ
"ไม่ใส่ก็ไปอุ่นเอง" เธอจึงเสียงเข้มตอบกลับ
"ก็ได้ๆ ไปแล้วครับๆ อุ่นให้หน่อยนะ"
รวีธารมองตามหลังร่างสูงที่เดินหายเข้าไปหลังประตูที่บอกว่าเป็นห้องนอน หัวใจสั่นไหวกับท่าทางที่เขาหยอกล้อกับเธอ ยิ่งคิดถึงร่างกำยำขาวเนียนที่เดินพ้นประตูไปพลันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวจนเผลอยกมือโบกพัด
ไม่ชอบกันแล้วยังจะยั่วอีก!
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน