 LOGIN
LOGINเช้ามืดหลังคืนไฟดื้อ เมืองยังเปียกชื้นและนิ่งพอให้ได้ยินเสียงกวาดถนน รุ่งนั่งหน้าจอในห้องเช่า พิมพ์ประโยคแรกของบทใหม่—แผนที่ลิ้น เขาเริ่มวาด “สะพานเปรี้ยว” กลับบ้านด้วยน้ำมะขามที่ไม่แหลม วาง “ทุ่งหวาน” ของหอมแดงเจียวที่ยืดความทรงจำ โดยไม่ให้คาราวานน้ำตาลโวยวาย บนหน้ากระดาษปรากฏแนวเขา “เค็มกลม” ที่พิงความไว้ใจ และเงาโค้งของ “ขมสั้น” ที่ช่วยบอกทางไม่ให้หลงขอบจาน—แผนที่ที่ตั้งใจให้คนอ่านเดินช้า ๆ ได้ด้วยตัวเอง
เมลจาก กวิน เด้งเข้ามา: “บทนี้ขอขึ้นหน้าแรกคืนนี้ได้ไหม ผมอยากวางภาพช้อนไขว้ปากกากับเส้นทางรส—และถ้ายอม นัดคุยปกจริงวันพุธนะครับ (ผมจะเคารพกติกาเวทีเงียบของคุณเหมือนเดิม)” รุ่งยกแก้วน้ำจิบ แล้วตอบสั้น ตกลง พร้อมใส่เงื่อนไข “คุยที่ร้าน ‘ขิม’ ตอนบ่าย มีคนและไฟกลางคุมใจ”
เที่ยงวัน ขิม เปิดครึ่งม้วน นิก เอาแปรงไปเขียนกระดานชอล์ก: วงกลมสี่สีแทน เปรี้ยว–หวาน–เค็ม–ขม เส้นบาง ๆ โค้งเชื่อมกันเหมือนคลองเล็กในย่านเก่า ข้างๆ กันคือกติกาเดิม ไฟเงียบ 30 วินาที / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ / ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน ด้านหลังครัว ธาม ตรวจ “ทางหนีไฟ” ซ้ำเหมือนเช็กบันไดในบ้าน
พนักงานไลน์กลุ่มเด้งเอกสารแนบหัวครุฑ—แนวทางท่อ–ควันฉบับเป็นมิตรกับชุมชนเก่า ที่เขตเพิ่งส่งมา นิกขมวดคิ้วแล้วหันเรียก เจ้าหน้าที่สุขาภิบาล ที่นัดกันไว้ “รบกวนดูทางดูดควันกับน้ำทิ้งหน่อยค่ะ เราจะอัปเดตให้ตามหนังสือ” เจ้าหน้าที่สวมเสื้อกั๊กยืนดูอย่างใจเย็น “หลัก ๆ คือรอบล้างไขมันสัปดาห์ละสองครั้ง กับมุมหมุนอากาศให้หันออกจากแนวห้องเรียนข้าง ๆ” น้ำเสียงเป็นเหตุเป็นผล จนทุกคนหายเกร็ง ปรับสกรูสองจุด เปลี่ยนตะแกรงอีกหนึ่ง แล้วได้ “ผ่าน” แบบชนิดที่ครัวรู้สึกภูมิใจแท้ ๆ
บ่ายแก่ ปรุง วางถาดเครื่องเทศบนบาร์ “คืนนี้เราจะเดินตามแผนที่นี้” เขาเคาะนิ้วกับรูปวงกลม “เริ่มด้วยควันบาง ๆ ให้เป็นแนวภูมิประเทศ จากนั้นให้ เปรี้ยวสั้นนำทาง กลับบ้าน และปล่อย หวานหอมแดง ยืดความจำ—แต่ไม่แทรกคุยของคนอื่น”
“ผมจะช่วยวางคำป้ายเล็กใต้แต่ละจาน” รุ่งพลิกสมุด “เช่น ‘เปรี้ยว: สะพานกลับบ้าน’ ‘หวาน: ผ้าห่มคำ’ ‘เค็ม: เหลี่ยมความจริง’ ‘ขม: แอ่งเงา’”
ปรุงยิ้มมุมปาก “แผนที่นายอ่านง่ายดี—ห้องจะเดินตามได้”
เย็นใกล้ค่ำ ฝนเม็ดบาง ๆ กลับมาแค่ให้พื้นเป็นกระจก ท้องห้องเต็มเร็วผิดคาดเพราะโพสต์เมื่อคืน เวทีเงียบ เริ่มถูกพูดถึงในกรุ๊ปนักอ่านและกลุ่มคนครัว โต๊ะริมหน้าต่างมีสาวผมสั้นถือกล้องฟิล์ม นิกกระซิบกับบาร์เทนเดอร์ “ทีมสารคดีชุมชน—เขาโอเคกับกติกาเราเสมอ” มุมลึกอีกด้านมีชายสวมหมวกแก๊ปติดเข็มกลัดรูปส้อมเล็ก—ส้อม หรือเปล่า? ไม่มีใครชี้ นิกปล่อยให้ไฟกับคำค่อย ๆ บอกเอง
“ไฟเงียบ 30 วินาที” นิกเคาะแก้ว ห้องนิ่งสนิทจนได้ยินเสียงฝนหยดชนท่อระบายน้ำ ปรุงเอียงกระทะให้เปลวไฟเลียขอบสั้น ๆ แล้วกวักลมตามจังหวะสาม–หยุด–สอง หัวกะทิหยดเดียวลงหม้อเป็นเสียงเปิดแผนที่ แต๊ง รุ่งยืนหลัง เส้นเทา เหมือนยืนขอบแผนที่ ทำหน้าที่ชี้ทางด้วยสายตาและป้ายเล็ก
จานเปิดทาง—มะเขือเผาน้ำยำใส—พาคนทั้งห้องข้ามสะพานแรก ครอบครัวโต๊ะสามหัวเราะเบา ๆ เมื่อลูกชายชิมแล้วหันมาบอก “มันเหมือนบ้านวันฝน” คู่รักโต๊ะห้าจับมือกันใต้โต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ รุ่งจดคำว่า บ้าน ใต้หัวข้อเปรี้ยว แล้ววงกลมไว้เหมือนปักหมุด
คอร์สถัดไป—แกงเขียวหวานไก่บ้าน—ปรุงกำช้อน “หัวกะทิเดือดหนึ่งเพลง พักครึ่งก้าว ใบโหระพาตอนห้องหายใจเข้า” กลิ่นโหระพาอุ่นขึ้นพร้อมเสียงหายใจยาวของหลายโต๊ะ ช่วงหนึ่ง ส้อม (ถ้าใช่) ยกมือถือขึ้นสูงครึ่งนิ้วแล้ววางลงเองเมื่อเห็นป้าย ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ เขาหลบตาเหมือนยอมรับภาษาใหม่ของห้องโดยไม่ต้องต่อรอง
ระหว่างพักไฟรอบสั้น รุ่งยื่นกระดาษคำไปให้นิกติดใต้ชั้นไม้:
— เปรี้ยวคือสะพานกลับบ้าน
— หวานคือผ้าห่มคำ
— เค็มคือเหลี่ยมความจริง
— ขมคือแอ่งเงาให้ตาได้พัก
นิกอ่านแล้วหัวเราะ “ภาษานายทำให้คนไม่กลัวขม” ข้าวฟ่างกระซิบเสริม “หนูไม่กลัวมีดแล้วด้วย” ก่อนยกถาดไป—มือแน่นขึ้นกว่าเมื่อคืน
ครึ่งหลังของกะ มีสะดุดสั้น ๆ เมื่อกิมบอลจากโต๊ะหนึ่งล้ำเส้นเทามา “จะเก็บไฟใกล้ ๆ” รุ่งยิ้ม ส่งโพสต์อิทเดิม ถ่ายได้หลังไฟฟังเสร็จ—ตอนนี้ช่วยเป็นทีมเดียวกับครัว คราวนี้ไม่ต้องชั่งใจนาน กล้องถอยกลับพร้อมคำ “ขอโทษครับ” จากเจ้าของโต๊ะ ห้องไม่มีคลื่นสะท้อน แผนที่ยังเดินต่ออย่างเรียบ
ของหวานปิดท้าย—น้ำแข็งใสกะทิอ่อนโรยงาขาว—ปรุงกำช้อนเล็กวางข้างป้าย ผ้าห่มคำ หลายโต๊ะยิ้มเหมือนถูกห่มจริง ๆ แสงเทียนสะท้อนผิวกะทิจนห้องดูเหมือนมีฝนสว่างอยู่ข้างใน นิกเดินสำรวจกล่อง “ฟังห้อง” กระดาษหลายใบเขียนคำเดียว—อยู่ด้วย—ด้วยลายมือที่ต่างกัน รุ่งเก็บใส่ซอง เหมือนเก็บธนบัตรเล็ก ๆ ของความไว้วางใจ
ปิดร้านทีละดวงไฟ เหลือส้มบางจากทางเดินหลังครัว ลมหยดสุดท้ายพัดเข้า ตรอก ทำกระดิ่งไม้ไหว กริ๊ง ปรุงวางช้อนเงินที่ใช้พลิกคอร์สทั้งคืนลงบนสมุดของรุ่ง “เอาไปกวนภาษาต่อ” เขาพูดเหมือนวันก่อน แต่ดวงตาคืนนี้อุ่นกว่า
หลังประตูเหล็กปิด รุ่งนั่งที่ขั้นบันได ปรุงนั่งข้าง ๆ ห่างครึ่งฝ่ามือ รุ่งแบมือซ้าย “ขอพื้นที่ว่างบนแผนที่” ปรุงใช้นิ้วแตะที่ฐานนิ้วโป้ง “ตรงนี้ ‘เค็ม—เหลี่ยมความจริง’” ลากปลายนิ้วไปที่เนินฝ่ามือ “ตรงนี้ ‘หวาน—ผ้าห่มคำ’” วาดเส้นบาง ๆ ขึ้นไปถึงข้อมือ “เส้นนี้ ‘เปรี้ยว—สะพานกลับบ้าน’” แล้วแตะลงเบา ๆ กลางฝ่ามือ “นี่ ‘ขม—แอ่งเงา’ ที่ทำให้ตาได้พัก”
รุ่งหัวเราะแผ่ว ๆ “เธอวาดทางกลับบ้านให้ฉัน…บนมือฉันเอง” เขาเอียงหน้าเข้าใกล้—จูบที่ไม่รีบชิงชัย แต่แนบแน่นแบบ ไฟกลาง อุ่นพอให้ฝนที่ค้างอยู่ในตรอกเงียบลง กล้ามเนื้อหลังของปรุงคลายช้า ๆ ใต้ฝ่ามือของรุ่งเหมือนเชือกที่แก้ปม
“ขอบคุณที่วางมีดก่อนกอด” รุ่งแซวเมื่อเห็นปลอกมีดเสียบอยู่ในกระเป๋าผ้าของเชฟ
“ขอบคุณที่วางคำก่อนจูบ” ปรุงรับ เล่นคำกลับอย่างชัดและนุ่ม ทั้งคู่หัวเราะเหมือนคนอ่านแผนที่เดียวกันเจอพิกัดตรงกันพอดี
เสียงมือถือของรุ่งสั่น—กวินส่งตัวอย่างหน้าเว็บ บท แผนที่ลิ้น อยู่บนสุด โลโก้ช้อนไขว้ปากกาเล็ก ๆ วางใต้หัวเรื่อง รุ่งส่งให้ปรุงดู “คืนนี้คำของนายช่วยวาดทางให้ห้องจริง ๆ”
“คืนนี้ไฟของนายช่วยให้คำไม่หลงทางเหมือนกัน” ปรุงตอบ ยกหลังมือแตะหน้าผากรุ่งในจังหวะ พักไฟ–หายใจ–ยาว
ก่อนจะแยกย้าย นิกเดินมาพร้อมเอกสารสุขาภิบาลที่เซ็นแล้ว “ผ่านเรียบร้อย—นัดตรวจรอบเดือนหน้า เราจะทำตารางล้างฝา–ทางดูดควันติดผนังด้วย” เธอกะพริบตาเหนื่อย ๆ แต่ยิ้ม “ภาษากับไฟช่วยกันทำงานได้ดีมากคืนนี้”
รุ่งเก็บสมุด—ปิดด้วยบรรทัด “เราไม่เร่งไฟเพื่อภาพ เราพักไฟเพื่อคน”—แล้วชูซอง “อยู่ด้วย” ให้เห็น “พรุ่งนี้ผมจะเขียน คำที่ปกป้อง (ฉบับครัว) เพิ่มอีกย่อหน้า เผื่อเจอคำถามแรง ๆ”
ปรุงพยักหน้า “ดี—เพราะสนามรบที่แท้จริงคือวันที่ไฟในคนดังกว่าไฟในครัว”
ลมปลายฝนพัดผ่านอีกครั้ง—อากาศเย็นเหมือนกระบวยตักน้ำแข็งใสขึ้นมาแตะหน้าผาก ทั้งคู่ลุกยืนพร้อมกัน ระยะเท่าเดิมที่เคารพไว้ รุ่งบีบปลายนิ้วปรุงเบา ๆ เหมือนปักหมุดสุดท้ายบนแผนที่คืนนี้
เช้าวันถัดมา กล่องพัสดุสีน้ำตาลวางพิงประตูหลังร้าน มีดเชฟดามสตีลนอนนิ่งบนผ้าขาว ข้างในมีการ์ดลายมือสั้น ๆ — “ถึงปรุง / จาก ภูมิ” ปรุงยืนนิ่งครึ่งหายใจยาว รุ่งเหลือบตามอง เห็นเงารอยมีดเก่าแลบแสงในแผ่นเหล็กบาง ๆ—เหมือนเส้นทางเก่าที่กำลังขอเข้ามาบนแผนที่ใหม่ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะหลังแขนปรุง—ไม่ดึง ไม่ดัน เพียง อยู่ด้วย

เช้าอากาศใส ลมคลองพัดกลิ่นสนิมเปียกมาชนประตูเหล็ก “ขิม” นิก แขวนโปสเตอร์ใหม่บนบานไม้: ยืนในที่สว่าง — ช้อนกับปากกา ประกาศพาร์ตเนอร์ (เวทีเงียบ 10 วินาที) ใต้โปสเตอร์คือป้ายเล็กสามบรรทัด—เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / คำที่ปกป้อง / เราไม่ล่าดาว เราหุงข้าว เธอวางกล่อง “ฟังห้อง” ข้างประตูเหมือนวางสมุดเยี่ยมหน้าบ้านรุ่ง มาถึงพร้อมถุงผ้าที่มีต้นฉบับบทความ “ยืนในที่สว่าง (ที่ตั้งเอง)” เขาวางลงบนโต๊ะสนทนา กลอกตายิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นสติ๊กเกอร์จากพี่ชาย “บ้านภูมิใจ” แปะอยู่บนปก ปรุง เดินออกจากครัว ยกถาดเครื่องเทศวางบนบาร์ กลิ่นโหระพา–พริกคั่วผสานอากาศเช้า “คืนนี้คอร์สสั้น ชัด และซื่อ—เหมือนคำของนาย” เขาพูดเรียบ รุ่งตอบด้วยการแตะหลังมือเบา ๆ เหมือนเซ็นรับของสำคัญสิบโมง ดาว—ทีมสารคดีชุมชน—มาถึงพร้อมกล้องตัวเดียว “เราจะเก็บเสียงเวทีเงียบสิบวินาทีแรกเหมือนเดิมนะคะ” เจ้าหน้าที่สุขาภิบาล แวะตรวจตามนัด “ตะแกรงดูดควันโอเค ป้ายทางหนีไฟชัด ขอให้เวทีคืนนี้มี ‘ไฟสะอาด’ เท่านี้พอ” น้ำเสียงเธอเป็นเหตุเป็นผลจนทั้งทีมยิ้มง่ายขึ้นเที่ยงกว่า กวิน แบกหลอดโปสเตอร์กับกล่องสติ๊กเกอร์โลโก้ช้อน–ปากกามา “ประกาศพรีออเดอ
สายลมจากคลองพัดกลิ่นใบตองและสนิมเปียกเข้าตรอก “ขิม” ตั้งแต่เช้า นิก เขียนบรรทัดหนา ๆ บนไวต์บอร์ดหน้าบ้าน วันอ่านออกเสียง — เรื่องเล่าจากครัว ใต้หัวข้อมีสามกติกาคล้ายคำสาบานของห้อง—ไฟเงียบ 10 วินาที / เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ ด้านขวามีป้ายเล็ก “โต๊ะเงา 5 นาที / ไม่ถ่าย–ไม่พูด—พักไฟให้ใจตั้งตัว”รุ่ง แกะกล่องหนังสือทดลองพิมพ์ ช้อนกับปากกา วางเรียงบนโต๊ะไม้เก่า ใจเขาเต้นแรงพอ ๆ กับเสียงปั๊มน้ำท้ายตรอก “คำคืนนี้ไม่ควรแค่เล่า ต้อง ยืน ให้ได้ด้วย” เขาพึมพำกับตัวเอง เหลือบเห็นโน้ตจากพี่ชายในไลน์—พ่อกับแม่อ่าน “คืนครู” แล้ว เขาบอกว่าเข้าใจคำว่าไฟยิ้ม—เขายิ้มบาง ๆ เหมือนมีใครวางมือหนักแน่นบนหลังปรุง ออกมาจากครัวพร้อมถาดเครื่องเทศ กลิ่นโหระพาและควันถ่านอุ่นจังหวะห้องให้คงที่ “คืนนี้เลย์เอาต์คอร์สจะสั้นแต่ชัด—เปิดด้วยหัวปลีลวก พักไฟหนึ่งเพลง เขียวหวานหนึ่งดัชนี แล้วจบด้วยกล้วยเชื่อมกะทิอ่อน”“ระหว่างยกจาน ผมจะอ่านย่อหน้า—ไฟพูดก่อน, สูตรที่ไม่มีในตำรา, แผนที่ลิ้น” รุ่งชูสมุดปกผ้า “เราจะสลับไฟกับคำให้เดินคู่—ไม่แย่งเตา ไม่แย่งไมค์”บ่ายแก่ ทีมสารคดีชุมชนของ ดาว ตั้งกล้องตัวเดี
เช้าอากาศใสผิดฤดู ลมจากคลองพัดกลิ่นใบตองและดินชื้นมาถึงตรอกข้าง “ขิม” รุ่ง วางโทรศัพท์ลงหลังได้ยินเสียงพี่ชายย้ำชัด “พวกเราอยู่ข้างนาย” ประโยคสั้นเหมือนมือใหญ่ ๆ มาวางหลัง ช่วยให้ไหล่ที่ตั้งรับคำท้าตลอดสัปดาห์คลายตัวลง เขาสะพายถุงผ้าพาบท “คำที่ปกป้อง (ฉบับบ้าน)” มาวางให้ นิก ที่เคาน์เตอร์ “ฝากติดหน้าร้านเย็นนี้หน่อย—คืนนี้ คืนครู อยากให้บ้านของไฟรู้ว่าบ้านของคำยืนอยู่ด้วย”นิกชูนิ้วโป้ง “เรียบร้อยค่ะ—และฉันทำป้ายเล็กเพิ่ม ‘ฟังไฟก่อน—ฟังครูก่อน’ วางทุกโต๊ะ”สิบโมงครึ่ง รถกระบะเก่าแต่สะอาดจอดชิดปากตรอก หญิงสูงวัยรูปร่างเล็ก ผิวสีอุ่นดั่งหม้อกะทิที่ตั้งไฟกลาง เดินลงมายิ้มเห็นฟันขาว—แม่เอียด ครูเก่าของ ปรุง หาบถาดเครื่องเทศและหม้อดินสองใบเหมือนทหารถือธง “หลาน ๆ อยู่ไหน” เสียงคมใสกว่าที่คิด“ในครัวครับแม่” ปรุงออกมารับหม้อดิน สีหน้าเข้มที่คนในเมืองคุ้นเปลี่ยนเป็นเด็กบ้านเดียวกันในทันที เขาเอาผ้าขาวรองก้นหม้อ “แม่เอา ‘ไตปลา’ มาด้วยเหรอครับ”“เอา น้ำแกงใต้ มาเผื่อ—แต่วันนี้แม่อยากให้ฝั่งนี้ได้กิน ‘แกงคั่วหัวปลีปลาย่าง’” แม่เอียดเคาะฝาหม้อเบา ๆ “หัวปลีมันเหมือนหัวใจคน—ถ้าซอยบาง ๆ พอดี แล้วพัก
เช้าอังคาร กล่องอินบ็อกซ์ของ “กำเนิดเงา” มีดีเอ็มสั้น ๆ จากบัญชีส้อมจิ๋ว—“ถ้าอยากปกป้องจริง ลองปกป้องครอบครัวนายดู” ไม่มีรูปหยาบคาย ไม่มีคำด่าโต้ง ๆ แต่คมพอจะบาดใจ รุ่ง นั่งมองหน้าจอเงียบ ๆ สองลมหายใจก่อนปิดมันลง ร่างกายเบนไปทางประตูอัตโนมัติราวกับห้องทั้งห้องรู้ว่าเขาควรไปที่ไหน—ร้าน “ขิม”ปรุง กำลังชั่งเครื่องเทศอยู่หลังกำแพงเหล็กสเตนเลส พอเห็นสีหน้าของรุ่ง เขาวางช้อนตักลงช้า ๆ “เจ็บตรงไหน บอกเป็นคำ”“มีคนส่งท้า—แตะครอบครัว” รุ่งตอบตามตรง ปรุงพยักหน้า ไม่เร่งปลอบ ไม่เร่งโกรธ “งั้นวันนี้เราตั้งไฟกลางให้คำก่อน—ให้คำปกป้องเรา ไม่ใช่เราปกป้องตัวเองด้วยความหัวร้อน”นิก ผู้จัดการลากไวต์บอร์ดออกมาตรงบาร์ “งั้นเรามีสองอย่าง—แผนครัว กับแผนคำ” เธอเขียนหัวข้อใหญ่ คำที่ปกป้อง แล้วแตกข้อย่อยเป็นบรรทัดคมสั้น ๆฟัง—ก่อน—ตอบคุยงาน ไม่คุยชีวิตคนอื่นที่ไม่ได้ให้สิทธิ์ถ้าคำก้าวล้ำ—เชิญออกอย่างสุภาพ แต่ชัด ข้างล่างเธอวงคำ ไฟเงียบ 30 วินาที และขีดเส้นเทาบนพื้นให้คมขึ้นอีกชั้น “เส้นนี้—ที่ยืนของลิ้น และที่ยืนของคำสุภาพ”บ่ายวันเดียวกัน กวิน โผล่มาพร้อมปกเล่มเวอร์ชันใหม่ “ผมขอหยิบภาษาคุณไปขึ้นหน้าเว็บ
เช้าตรู่วันอังคาร “ขิม” เปิดครึ่งบานให้ลมเย็นพาดพื้นสเตนเลส นิก เขียนหัวข้อบนไวต์บอร์ดตัวโต—กล้องกับความทรงจำ (ซ้อมคุย) ใต้หัวข้อมีสามบรรทัด ไฟเงียบ 30 วินาที / เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ เธอหันไปทางทีม “วันนี้สำนักพิมพ์จะมาคุยปกกับเรา และทีมสารคดีชุมชนจะเก็บภาพเบื้องหลัง ต้องใช้ภาษาเดียวกันทั้งห้อง”ปรุง วางถาดเครื่องเทศบนบาร์ “ครัวคุมไฟกลางตามเดิม ถ้ากล้องขอ—อย่าเร่งไฟเพื่อภาพ เราพักไฟเพื่อคน”ธาม ชูป้ายผืนเล็กที่เพิ่งทำ “We listen first.” ตัวอักษรคู่ไทย–อังกฤษดูขำ ๆ แต่พอวางใกล้เส้นเทาแล้วกลายเป็นโล่ข้าวฟ่าง ยกมือ “ถ้าลูกค้ายื่นกล้องล้ำเส้น หนูขอใช้คำ ‘ช่วยเป็นทีมเดียวกับครัว’ ได้ไหมคะ” นิกยิ้ม “ได้เลย คำนั้นของกำเนิดเงา—ใช้อย่างสุภาพและแน่น”สายหน่อย รุ่ง มาพร้อมสมุดปกผ้า เขาวางแผ่นพิมพ์ คำที่ปกป้อง (ฉบับครัว) ลงบนโต๊ะสนทนา ข้อความสั้น ๆ กระชับ: เราไม่ได้ทำไฟเงียบเพื่อโชว์ เราทำเพื่อฟังกัน / เราไม่ปิดหน้าเพื่อหลบ แต่เพื่อให้คำทำงาน / ถ้าอยากรู้จัก ใส่หูมาก่อนใส่เลนส์ นิกอ่านแล้วพยักหน้า “น้ำหนักดี—ไม่บาด”เที่ยงครึ่ง กวิน มาถึงในเชิ้ตสีงาขาวถือหลอดโปสเตอร์ยาว เ
เช้ามืด ประตูหลัง “ขิม” มีพัสดุสีน้ำตาลพิงอยู่บนราวเหล็ก ปรุง แกะเชือกป่านอย่างใจเย็น ข้างในเป็นมีดเชฟดามสตีลเงางาม นอนบนผ้าขาวเรียบ พร้อมการ์ดสั้น ๆ ลายมือคุ้นตา—“ถึงปรุง / จาก ภูมิ” เขาลูบสันมีดช้า ๆ เสียงเหล็กเสียดนิ้วดังแผ่วเหมือนเรียกความทรงจำให้ลืมตา รอยขีดเล็กใกล้สันมีดยังอยู่—ร่องรอยคืนที่ฝึกหั่นหอมด้วยกันเมื่อสิบปีก่อน“ของสวย” ธาม วางกล่องน้ำแข็งแล้วมอง “ของใคร”“ของเก่า…จากคนเก่า” ปรุงวางมีดลงบนผ้าขาว “ชื่อ ภูมิ”ธามพยักหน้า “จะใช้ไหม” “ใช้ได้—แต่ต้องฟังก่อน” ปรุงยิ้มบาง “มีดเก่าต้องเคารพ เหมือนรอยเก่าในใจ”ก่อนเที่ยง นิก กำลังเขียนตารางล้างตะแกรงดูดควันตามคู่มือสุขาภิบาลที่เพิ่งผ่าน ตรวจเส้นเทาบนพื้นหลังบาร์ให้คมชัดเหมือนเดิม—พื้นที่ฟังไฟโดยไม่กวนมือครัว กล่องไม้ “ฟังห้อง” ถูกเช็ดและวางที่เดิมรุ่ง โผล่เข้าตรอก หมวกแก๊ปเดิม สมุดปกผ้าอยู่ในมือ เขาเห็นมีดบนผ้าขาวแล้วเงียบครึ่งหายใจ “ของเขา?”ปรุงพยักหน้า “ใช่”รุ่งวางสมุดลง เขียนสามคำสั้น ๆ บนกระดาษแผ่นเล็กแล้วคว่ำไว้ “คืนนี้ถ้าอยากได้คำ…ค่อยเปิด”สิบโมงครึ่ง ชายเสื้อลินินสีอ่อนมายืนหน้าประตูหลัง เคาะ ก๊อง–แก๊ง สองจังหวะ—รห


![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



![สถานะลับ(รับ)สถานะรัก [เมะxเมะ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

