Accueil / แฟนตาซี / อาศิรวิษ / 5-ภุชคะวิษธรนาคราช 1/4

Share

5-ภุชคะวิษธรนาคราช 1/4

last update Dernière mise à jour: 2025-04-28 08:14:34

ตลอดเวลาสามวันที่ฉันรักษาตัวแช่อยู่ในสระนพเก้า มีอาศิรวิษคอยเฝ้าดูแลอย่างชิดใกล้ ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ร่างกายของฉันมีแรงขึ้นมากและเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างเวียนวนอยู่ภายในร่างกายของฉัน ระยะเวลาที่ผ่านฉันพยายามหลอกถามอาศิรวิษจนสามารถทำเบื้องต้นในสิ่งที่ผณินทรเคยทำ การเปลี่ยนร่างเหาะเหินล้วนได้รับการฝึกสอนมาจากอาศิรวิษทั้งนั้น แม้จะยังไม่ชำนาญมากแต่ก็สามารถทำได้มากกว่าแต่ก่อน เขาพาฉันกลับมายังตำหนักในเวลาพลบค่ำที่ไร้ผู้คนสัญจร ตามคำสั่งการของเจ้าหลวงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นความลับ

“เจ้านางน้อยพักผ่อนเสียเถิด พรุ่งนี้จักต้องเข้าเฝ้าเจ้าหลวงแต่เช้า”

“อืม”

อาศิรวิษส่งฉันยังหน้าทางเข้าตำหนักพักผ่อน ย้ำเตือนในหน้าที่ต้องกระทำในวันพรุ่งนี้ ฉันรับฟังด้วยความยินดี จากนั้นก็เดินแยกจากเข้าไปยังตำหนักด้านใน เดินห่างออกไปจึงได้หันหลังกลับมามอง ยังคงเห็นเขายืนส่งไม่ไปไหน ฉันจึงส่งยิ้มอ่อนให้แล้วรีบเดินเข้าด้านในด้วยรอยยิ้มเปรมปรีดิ์

เวลาผ่านไปนานจนฉันแทบไม่รู้วันเวลากับการที่มาอยู่ที่นี่ สถานที่แปลกตาผู้คนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ด้วยสถานการณ์ที่ฉันยากจะปฏิเสธทุกอย่างจำต้องเดินตามเส้นทางที่ถูกปูไว้ ฉันยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แม้รูปร่างภายนอกจะไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของฉันก็ตาม ทุกอย่างในที่นี้ล้วนไม่ใช่ของฉันแม้แต่น้อย ยกเว้นจิตวิญญาณที่ยังคงเป็นมณีณิน ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนแกนหลังของงูใหญ่ลำตัวสีดำทมิฬ ส่วนหัวเป็นสีแดงเพลิงมาจนถึงลำคอ นั่นคือพญาภุชคะวิษธรนาคราช ผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งนี้ ด้วยฤทธิ์เดชและบารมีเหนือพญานาคใต้บัญชาทั้งปวงของมคธนคร

“เสด็จพ่อจะพาหม่อมฉันไปที่ใดหรือเจ้าคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ไม่ได้คำตอบตามที่หวัง แต่ฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้แต่อย่างใด

พญาภุชคะวิษธรนาคราชผู้เป็นบิดาของผณินทร กำลังพาฉันไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งฉันไม่รู้จัก บอกแต่เพียงว่ามันจะดีสำหรับฉันในอนาคต ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะดีแบบไหน

เหมือนจะถึงที่หมายเมื่อภุชคะวิษธรนาคราชดิ่งลงสู่พื้น ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์ผิวกายเปล่งรัศมีสีทองยืนเคียงข้างฉัน

“ทำไมถึงได้รกร้างเช่นนี้เล่าเจ้าคะ”

“ไม่ได้เป็นดั่งที่เจ้าเห็นหรอกผณินทร ไปข้างในกันเถอะ”

ฉันหันไปถามเพราะสถานที่ตรงหน้าเป็นเหมือนถ้ำ แต่ทางเข้านั้นปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนารก ใบไม้เกลื่อนกลาดเหมือนกับไม่ใช่สถานที่อันควรย่างกรายเข้าไปใกล้

“ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากอาศิรวิษเท่านั้น เป็นสถานที่ฝึกวิชาของพ่อ”

“แล้วเสด็จพ่อพาหม่อมฉันมาทำไมรึเจ้าคะ?”

“บำเพ็ญเพียรฝึกวิชา”

“!?”

“ที่สุดของสรรพวิชาแห่งเผ่าพันธุ์ของเรา สืบทอดมาตั้งแต่บรรพกาล”

“เสด็จพ่อแต่ว่าหม่อมฉัน.....”

“อิทธิฤทธิ์ที่มีใช่ว่าจะกำเนิดขึ้น ล้วนเกิดจากการบำเพ็ญเพียรและฝึกฝนทั้งสิ้น และเจ้าคือผู้ที่พ่อเลือกแต่แรกผณินทร”

“หม่อมฉันไม่น่าจะฝึกวิชานี้ได้หรอกเพคะเสด็จพ่อ”

จะให้ฉันมั่นใจได้อย่างไรว่าวิชาที่ว่านี้มันจะไม่ทำให้ฉันต้องพบกับความตาย ขนาดตอนนี้ฉันฝึกเป็นผณินทรมาได้ขนาดนี้ก็แทบจะคางเหลืองอยู่แล้ว กว่าที่ฉันจะพยายามต่อสู้กลายร่างเหาะเหินมาได้ขนาดนี้ไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะร่างที่ยังคงเป็นผณินทร แต่จิตวิญญาณเป็นของมณีณินเลยทำให้ทุกอย่างมันดูยากเกินไป

“มั่นใจในตัวเองเสียเถิด เจ้าจะเป็นผู้ปกครองดูแลเผ่าพันธุ์นี้ในอนาคต ต้องแข็งแกร่งกว่านาคทั้งปวงในมคธนคร”

“แค่เกล็ดใต้คอนี้ยังไม่เพียงพออีกรึ”

“ยัง”

“แต่ว่าหม่อมฉัน...เอ๋?”

พญานาคราชภุชคะวิษธรจับไหล่สองข้างของฉัน เปล่งคำพูดออกมาเพื่อปลุกใจฉันให้เข้มแข็ง แต่ฉันรู้จักจิตวิญญาณของตัวเองดีว่ามันช่างยากเย็น และดูจะเกินกำลังที่ฉันมี ฉันคือมณีณินเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่หลงเข้ามาในเมืองนี้โดยไม่รู้สาเหตุ จะให้เอาความเชื่อมั่นมาจากไหน ฉันที่กำลังจะปฏิเสธต้องชะงักเมื่อสายตามองไปเห็นคนผู้หนึ่งที่แสนจะคุ้นหน้า คุณตาคนนั้นที่ฉันเคยฝันเห็นก่อนหน้านี้ หรือว่าจะไม่ใช่คนเดียวกัน

“มากันแล้วรึ”

“ขอรับท่านอาจารย์”

ชายแก่ที่เหมือนกับผู้ถือศีลเดินเข้ามาใกล้ ฉันเพ่งสายตามองด้วยความสงสัย คนที่เสด็จพ่อทำความเคารพและเรียกว่าอาจารย์

“ผณินทรทำความเคารพท่านอาจารย์เสีย ใยถึงได้ยืนนิ่งจ้องหน้าท่านอาจารย์เช่นนั้น”

“ข้าไหว้ท่านอาจารย์เจ้าค่ะ”

ฉันดึงสติกลับมาเมื่อเสด็จพ่อสะกิดที่แขนแล้วพูดบอก จากนั้นฉันจึงทำความเคารพท่านอาจารย์ตามที่เสด็จพ่อสั่ง แม้จะยังมีความสงสัยอยู่ภายในใจก็ตาม

“เจอกันจริง ๆ เสียทีนะ”

“คะ?” 

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 2-3/4

    “เจอกันจริง ๆ เสียทีนะ”“คะ?”คำพูดของท่านอาจารย์ทำให้ฉันเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง อะไรคือคำว่าเจอกันจริง ๆ เสียที“ศิษย์ขอฝากบุตรสาวคนนี้เป็นศิษย์ของท่านด้วยเถิด นางเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขที่ศิษย์ไว้ใจให้ปกครองมคธนครในภายภาคหน้า และเชื่อว่านางจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี”เสด็จพ่อพูดขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุดหย่อน นี่ฉันต้องรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งจริงหรือ ปกครองชีวิตนับแสนนับล้านฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจะทำมันได้อย่างไร“อย่าได้กังวลใจไป แม้จะไม่ใช่ตัวตนแต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นแสนลึกล้ำยิ่งนัก”“แต่ว่า...”“ปล่อยให้ทุกอย่างเดินตามเส้นทางที่ลิขิตเถิด การฝืนยิ่งจะทำให้เจ็บไม่รู้จบ”“เจ้าค่ะ”ท่านอาจารย์กล่าวออกมาอย่างกับอ่านความคิดของฉันได้ คำพูดของท่านทำให้ฉันปรายสายตามอง ในหัวตอนนี้มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาเป็นวาจาถามไถ่ ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ และก้มหัวยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ฉันตั้งใจร่ำเรียนวิชาตามที่ท่านอาจารย์สอน มันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับฉันที่เป็นเพียงจิตวิญญาณธรรมดา วิชาเวทย์ที่ยากจะเข้าใจ

    Dernière mise à jour : 2025-04-28
  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 4/4

    การฝึกฝนแสนหนักหน่วงสะสมมานานนับหลายเดือนทำให้ฉันเหนื่อยล้าและเปลืองแรงมหาศาลแทบทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันฉันฝึกวิชามาจนลึกล้ำถึงขั้นเปลี่ยนร่าง เหาะเหินเดินอากาศ และการใช้เวทย์ต่าง ๆ ตามที่ท่านอาจารย์สอนให้ ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่คิดเชื่อเลยว่า คนธรรมดาแบบฉันสามารถฝึกวิชาโบราณได้มากถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลย แม้กระทั่งความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปกับใครบางคน“ทำได้ดีมากทีเดียวเจ้านางน้อย” ท่านอาจารย์เอ่ยเมื่อสิ้นสุดการฝึกในวันนี้“ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันเจ้าค่ะ”“สิ่งที่ติดตัวมา ต่อให้ลืมเลือนก็ย่อมรื้อฟื้นได้ไม่ยาก”“แต่หนูไม่เคยรู้วิชาพวกนี้ก่อนนะเจ้าคะ”“.....”“ท่านอาจารย์มองหน้าแบบนั้น รู้สึกแปลก ๆ เจ้าค่ะ มีอะไรเหรือเปล่าเจ้าคะ?”ระหว่างการพูดคุยกับท่านอาจารย์อยู่ในถ้ำ คำพูดบางประโยคทำให้ฉันแปลกใจ แถมสายตาที่ท่านอาจารย์มองมาที่ฉันยิ่งทำให้มีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าท่านอาจารย์รับรู้อะไรบางอย่างในตัวของฉัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง“ไม่มีกระไรหรอก วันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เสด็จกลับตำหนักเถิดเจ้านางน้อย พรุ่งนี้ค่อยมาฝึกวิชาขั้นสูงสุด”“เจ้าค่ะ ศิษย์ของลา”แม้ท

    Dernière mise à jour : 2025-04-28
  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร1/4

    “เจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ” ฉันเอ่ยด้วยความเอือมระอา กับการที่พบเวนไตยด้วยความบังเอิญแบบนี้“เวรกรรมอะไรของเจ้านางน้อยที่ต้องมาเจอท่านอยู่ร่ำไป” อาศิรวิษพูดได้ตรงใจฉันมาก“ใช่เลยค่ะ น้องก็คิดแบบนั้นแหละ” ฉันกระซิบเขา พร้อมกับเงยหน้าแล้วส่งยิ้มให้ด้วยความพอใจ ส่วนเขาไม่ตอบอะไรก้มมองด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองทางเวนไตย ที่อยู่ในระยะห่างออกไปพอสมควร“สงสัยเราสองคนจักเป็นเนื้อคู่กันกระมังเจ้านางน้อยผณินทร” เวนไตยพูดออกมาด้วยสีหน้ายียวน ทำให้ฉันกรอกสายตามองบนทันทีด้วยความหมั่นไส้“ใครอยากเป็นเนื้อคู่ของคุณไม่ทราบ” ฉันที่ยืนหลบด้านหลัง โผล่หน้าออกมาแล้วตะเบ็งเสียงต่อต้าน“บางอย่างก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่าเพิ่งตรัสเยี่ยงนั้นสิเจ้านางน้อยของกระหม่อม” เวนไตยพูดออกมาอย่างไม่อายปาก“แหวะ”“หลีกไปเสียเถิด กระหม่อมไม่อยากจะประมือกับท่าน” อาศิรวิษพูดหลบเลี่ยง เขายังคงใช้ร่างกายบดบังปกป้องฉัน“กลัวหรืออย่างไร”“หาใช่เกรงกลัวไม่ เพียงแต่ไม่อยากออกแรงสู้รบอย่างอันธพาล”“สามหาวไปเถิด เพราะถ้าเกิดว่าข้าได้ตบแต่งกับเจ้านางน้อย องครักษ์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะไม่มีวันได้เข้าใกล้นางอีกต่อไป”“ใครจะแต่งกับนายไม่

    Dernière mise à jour : 2025-04-29
  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร2/4

    ฉันหนีเวนไตยมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายเพราะความกลัวว่าเขาจะตามมาทัน ผ่านไปนานจนฉันต้องหันหลังกลับไปมอง อาณาบริเวณโดยรอบที่ไม่คุ้นตา สถานที่อันไม่คุ้นชิน ทำให้ฉันเริ่มกังวลใจ“ที่ไหนอีกละเนี่ย ซวยจริง ๆ เลย...แล้วจะต้องกลับทางไหนล่ะ ฉันอยากจะร้องไห้ โอ๊ย!!!” ฉันมองโดยรอบแล้วบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย“ซวยหนักแล้วยัยณินเอ๊ย” ฉันไม่รู้จะหาทางกลับบ้านยังไง มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย“มโนมยิทธิ...ใช่แล้ว ต้องสื่อหาท่านอาจารย์”นึกได้ดังนั้นฉันจึงดิ่งลงสู่พื้นดิน แล้วอยู่ในฌานสมาธิด้วยความสงบ แล้วรวบรวมพลังจิตเพื่อสื่อถึงท่านอาจารย์ วิชาขั้นพื้นฐานที่ได้ฝึกฝนปฏิบัติมา จึงไม่ยากต่อการใช้วิชานี้ เพียงแต่บางครั้งสถานการฉุกเฉินทำให้ฉันคิดไม่ค่อยทัน ว่าต้องลำดับความสำคัญยังไง อันนี้ฉันยังต้องฝึกตัวเองให้มีสติมากกว่านี้ รับรู้ตัวเองดีว่ามันคือจุดบกพร่อง(“ท่านอาจารย์ช่วยศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ...ช่วยศิษย์ด้วย ท่านอาจารย์”)ฉันเพ่งกระแสจิตด้วยคำพูดเพื่อสื่อขอความช่วยเหลือ ท่านอาจารย์เป็นคนที่ผุดเข้ามาในหัวของฉันตอนนี้ ท่านมีวิชาแก่กล้าน่าจะช่วยเหลือฉันได้มากที่สุด((“ข้ารับรู้แล้ว”))(“ศิษย์ไม่รู้อยู่

    Dernière mise à jour : 2025-04-29
  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร3/4

    ฉันเดินวนไปเวียนมาอยู่ในเขตแดนอาคมอยู่นาน แต่สายตาดันมองไกลเห็นบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว ระยะทางที่ห่างไกลสายตาเห็นเพียงเลือนรางไม่ชัดเจน แต่รับรู้รูปร่างได้ว่าคือสิ่งใด หัวใจดวงน้อยของฉันเต้นระทึกด้วยความดีใจ รอยยิ้มของฉันมีความหวังว่าผู้นั้นจะเป็นอาศิรวิษที่คงตามหาฉันอยู่เป็นแน่ แต่...“ไม่ใช่อาศิรวิษ แล้วคือใครกัน?” ฉันมองเห็นรูปร่างสูงโปรงล่ำสัน แต่ดันไม่ใช่คนในความคิด“เขามาทางฉันแล้ว ทำยังไงดี...มาดีหรือมาร้ายกันนะ?”ฉันมองทุกการเคลื่อนไหวของคนที่มาใหม่อย่างพินิจ คิดวิเคราะห์พฤติการณ์ตามสิ่งที่เห็น เริ่มมีความกังวลขึ้นมามากกว่าเดิม เพราะฉันไม่รู้เลยว่าคนมาใหม่เป็นมิตรหรือศัตรู แต่จากที่ฉันมองดูเขาเหมือนไร้พิษภัย แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้“เขาเป็นใครกันนะ? ... ดูไปดูมาทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง” ฉันจ้องคนที่กำลังเข้ามาใกล้ ๆ จนเห็นใบหน้าชัดขึ้นเหมือนกับว่าฉันเคยเห็นใบหน้าแบบ

    Dernière mise à jour : 2025-04-29
  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร4/4

    ผ่านไปสักระยะหนึ่งฉันและตรีภพเดินทางมาได้ไกลจากจุดเดิมมากโข ในใจของฉันพะวงเหลือเกินทำไมอาศิรวิษถึงยังไม่มา ทั้งที่ท่านอาจารย์บอกเองว่าเขาจะตามหาฉัน“ตรีภพเราควรจะรออาศิรวิษอยู่ตรงนี้ดีไหม เผื่อว่าเขากำลังตามหาฉันข้า หนีห่างไปแบบนี้อาจจะคลาดกันได้”“หากรอตะวันคงจะหมดแสงเสียก่อน ยิ่งจะทำให้กลับลำบาก อาศิรวิษเก่งกาจเยี่ยงนั้น คงไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่านี่ก็นานมากแล้วนะ เขายังไม่โผล่มาเลย”“เยี่ยงนั้นเราลงเดินบนพื้นดินดีหรือไม่ เพื่อชะลอการเดินให้อาศิรวิษตามได้ทัน”“อืม”“ทรงระวังนะพ่ะย่ะค่ะ”“ค่ะ”เมื่อตกลงกับตรีภพได้ก็ทำตามอย่างว่า ฉันเดินตามหลังของผู้ชายตัวสูง พลางหันมองรอบ ๆ เผื่อจะเจอ

    Dernière mise à jour : 2025-04-29
  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 1/4

    ((“เจ้านางน้อย!”))“มีอะไรทำไมหน้าตาตื่นกันเชียว กาลัด กลีบบัว”“พระองค์ไปไหนมาเพคะ ในวังเกิดเรี่องใหญ่แล้วเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”เพียงเดินเข้ามาในเขตตำหนักได้ไม่กี่ก้าว หลังจากที่ตรีภพมาส่งหน้าเขตตำหนัก เขาก็จากไปทันที กาลัดและกลีบบัวก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที ด้วยสีหน้าตระหนกมีความกังวล จนฉันตั้งเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้“เจ้านางอัปสราน่ะสิเพคะ กล่าวหาว่าเจ้านางน้อยทรงขโมยบ่วงนาคบาศ และลอบหนีไปพบบุรุษคนรักบนเมืองมนุษย์” กลีบบัวพูดขึ้น“จะบ้าเหรอ! ข้าไม่ได้ขโมยไปนะ แล้วคนรักที่เมืองมนุษย์บ้าบออะไรกัน...ยัยนี่หาเรื่องตอนที่ฉันไม่อยู่” สิ่งที่ได้ยินทำฉันตะเบ็งเสียงดัง ก่อนจะสบถกับเบา ๆ กับตัวเองด้วยความคับแค้นใจ“พวกหม่

    Dernière mise à jour : 2025-04-30
  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 2/4

    “ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกท่านผู้อาวุโสวิเชียรนาคราช เพียงแค่...” อัปสราพูดพลางชายตามาที่ฉันชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าท่านผู้อาวุโสวิเชียร“แค่กระไรอย่างนั้นหรือ”“สงสัยเจ้านางน้อยผณินทร ที่ไม่อยู่ในเขตตำหนักตั้งหลายวัน...ไปที่ใดมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะท่านพี่” อัปสราพูดและมองมาที่ฉัน“ท่านพี่...ตอแหลฉิบหายเลยยัยตัวแสบ” ฉันพูดในใจ“ไปธุระมาสิ” ฉันตอบตรง ๆ ตามนิสัยที่เป็น(!?) แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกับผู้คนในนี้จะงวยงงไปกันหมด นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่ จึงดึงสติกลับมา“ข้าไป เอ่อ ไป ไป...ไปเที่ยวเล่นกับท่านพี่ตรีภพมา” ฉันตะกุกตะกักด้วยความกดดัน ไม่กล้าบอกความจริง เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าหลวงสั่งห้าม สายตามองไปเห็นตรีภพกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ฉันจึงพลันนึกได้และแอบอ้าง เนื่องจากไม่สามารถบอกความจริงที่หายไปหลายวันได้“นางโป้ปดเพคะ!” อัปสรารีบแย้งเสียงแข็ง“ไม่เชื่อก็ถามท่านพี่ตรีภพดูสิ” ฉันท้าทายอัปสรา ก่อนจะส่งสายตามองไปยังตรีภพด้วยแววตาอ้อนวอน“เงียบก่อนเถิดอัปสรา ไถ่ถามจากตรีภพเสียก่อนว่าเป็นดั่งที่เจ้านางน้อยผณินทรว่าหรือไม่” เจ้าหลวงบอกกล่าว นั่นจึงทำให้อัปสราเงียบสงบลง“ว่า

    Dernière mise à jour : 2025-04-30

Latest chapter

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 3/4

    “ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว นับว่ามีแต่คนในครอบครัว พ่อจักไม่ยื้อถามให้มากความ...อัปสรา”“เพคะ”“ครั้นก่อนหน้าไยเจ้าจึงได้บอกว่าผณินทรเป็นผู้ขโมยบ่วงนาคบาศไป” เจ้าหลวงเอ่ยอย่างตรงประเด็น ฉันเห็นสีหน้าของอัปสราสลดลงทันตา ทุกคนจ้องมองไปยังเธออย่างเฝ้ารอการโต้ตอบ เธอดูประหม่ากำมือแน่น แขนสั่นเทา ฉันเห็นความกลัวในแววตาของเธอชัดเจน“เช้ามืดของวันนั้นลูกตื่นแต่เช้า เพราะนอนไม่หลับ ลูกเห็นเจ้าพี่ผณินทรออกมาจากวิหารอาคมเพคะ ต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าบ่วงนาคบาศหายไป จึงไปกราบทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบ หากไม่ใช่ท่านพี่จักเป็นผู้ใดได้เล่าเพคะ ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในวิหารอาคมนี้ได้”อัปสราเล่าเรื่องราว ทำเอาฉันถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ รอดูต่อไปว่าเธอจะใส่ร้ายฉันยังไงอีก จากที่เธอเล่ามามันย้อนแย้งกันมาก เพราะเป็นวันที่ฉันไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวัง เรื่องนี้มันชักจะไม่

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 2/4

    “ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกท่านผู้อาวุโสวิเชียรนาคราช เพียงแค่...” อัปสราพูดพลางชายตามาที่ฉันชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าท่านผู้อาวุโสวิเชียร“แค่กระไรอย่างนั้นหรือ”“สงสัยเจ้านางน้อยผณินทร ที่ไม่อยู่ในเขตตำหนักตั้งหลายวัน...ไปที่ใดมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะท่านพี่” อัปสราพูดและมองมาที่ฉัน“ท่านพี่...ตอแหลฉิบหายเลยยัยตัวแสบ” ฉันพูดในใจ“ไปธุระมาสิ” ฉันตอบตรง ๆ ตามนิสัยที่เป็น(!?) แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกับผู้คนในนี้จะงวยงงไปกันหมด นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่ จึงดึงสติกลับมา“ข้าไป เอ่อ ไป ไป...ไปเที่ยวเล่นกับท่านพี่ตรีภพมา” ฉันตะกุกตะกักด้วยความกดดัน ไม่กล้าบอกความจริง เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าหลวงสั่งห้าม สายตามองไปเห็นตรีภพกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ฉันจึงพลันนึกได้และแอบอ้าง เนื่องจากไม่สามารถบอกความจริงที่หายไปหลายวันได้“นางโป้ปดเพคะ!” อัปสรารีบแย้งเสียงแข็ง“ไม่เชื่อก็ถามท่านพี่ตรีภพดูสิ” ฉันท้าทายอัปสรา ก่อนจะส่งสายตามองไปยังตรีภพด้วยแววตาอ้อนวอน“เงียบก่อนเถิดอัปสรา ไถ่ถามจากตรีภพเสียก่อนว่าเป็นดั่งที่เจ้านางน้อยผณินทรว่าหรือไม่” เจ้าหลวงบอกกล่าว นั่นจึงทำให้อัปสราเงียบสงบลง“ว่า

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 1/4

    ((“เจ้านางน้อย!”))“มีอะไรทำไมหน้าตาตื่นกันเชียว กาลัด กลีบบัว”“พระองค์ไปไหนมาเพคะ ในวังเกิดเรี่องใหญ่แล้วเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”เพียงเดินเข้ามาในเขตตำหนักได้ไม่กี่ก้าว หลังจากที่ตรีภพมาส่งหน้าเขตตำหนัก เขาก็จากไปทันที กาลัดและกลีบบัวก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที ด้วยสีหน้าตระหนกมีความกังวล จนฉันตั้งเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้“เจ้านางอัปสราน่ะสิเพคะ กล่าวหาว่าเจ้านางน้อยทรงขโมยบ่วงนาคบาศ และลอบหนีไปพบบุรุษคนรักบนเมืองมนุษย์” กลีบบัวพูดขึ้น“จะบ้าเหรอ! ข้าไม่ได้ขโมยไปนะ แล้วคนรักที่เมืองมนุษย์บ้าบออะไรกัน...ยัยนี่หาเรื่องตอนที่ฉันไม่อยู่” สิ่งที่ได้ยินทำฉันตะเบ็งเสียงดัง ก่อนจะสบถกับเบา ๆ กับตัวเองด้วยความคับแค้นใจ“พวกหม่

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร4/4

    ผ่านไปสักระยะหนึ่งฉันและตรีภพเดินทางมาได้ไกลจากจุดเดิมมากโข ในใจของฉันพะวงเหลือเกินทำไมอาศิรวิษถึงยังไม่มา ทั้งที่ท่านอาจารย์บอกเองว่าเขาจะตามหาฉัน“ตรีภพเราควรจะรออาศิรวิษอยู่ตรงนี้ดีไหม เผื่อว่าเขากำลังตามหาฉันข้า หนีห่างไปแบบนี้อาจจะคลาดกันได้”“หากรอตะวันคงจะหมดแสงเสียก่อน ยิ่งจะทำให้กลับลำบาก อาศิรวิษเก่งกาจเยี่ยงนั้น คงไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่านี่ก็นานมากแล้วนะ เขายังไม่โผล่มาเลย”“เยี่ยงนั้นเราลงเดินบนพื้นดินดีหรือไม่ เพื่อชะลอการเดินให้อาศิรวิษตามได้ทัน”“อืม”“ทรงระวังนะพ่ะย่ะค่ะ”“ค่ะ”เมื่อตกลงกับตรีภพได้ก็ทำตามอย่างว่า ฉันเดินตามหลังของผู้ชายตัวสูง พลางหันมองรอบ ๆ เผื่อจะเจอ

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร3/4

    ฉันเดินวนไปเวียนมาอยู่ในเขตแดนอาคมอยู่นาน แต่สายตาดันมองไกลเห็นบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว ระยะทางที่ห่างไกลสายตาเห็นเพียงเลือนรางไม่ชัดเจน แต่รับรู้รูปร่างได้ว่าคือสิ่งใด หัวใจดวงน้อยของฉันเต้นระทึกด้วยความดีใจ รอยยิ้มของฉันมีความหวังว่าผู้นั้นจะเป็นอาศิรวิษที่คงตามหาฉันอยู่เป็นแน่ แต่...“ไม่ใช่อาศิรวิษ แล้วคือใครกัน?” ฉันมองเห็นรูปร่างสูงโปรงล่ำสัน แต่ดันไม่ใช่คนในความคิด“เขามาทางฉันแล้ว ทำยังไงดี...มาดีหรือมาร้ายกันนะ?”ฉันมองทุกการเคลื่อนไหวของคนที่มาใหม่อย่างพินิจ คิดวิเคราะห์พฤติการณ์ตามสิ่งที่เห็น เริ่มมีความกังวลขึ้นมามากกว่าเดิม เพราะฉันไม่รู้เลยว่าคนมาใหม่เป็นมิตรหรือศัตรู แต่จากที่ฉันมองดูเขาเหมือนไร้พิษภัย แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้“เขาเป็นใครกันนะ? ... ดูไปดูมาทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง” ฉันจ้องคนที่กำลังเข้ามาใกล้ ๆ จนเห็นใบหน้าชัดขึ้นเหมือนกับว่าฉันเคยเห็นใบหน้าแบบ

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร2/4

    ฉันหนีเวนไตยมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายเพราะความกลัวว่าเขาจะตามมาทัน ผ่านไปนานจนฉันต้องหันหลังกลับไปมอง อาณาบริเวณโดยรอบที่ไม่คุ้นตา สถานที่อันไม่คุ้นชิน ทำให้ฉันเริ่มกังวลใจ“ที่ไหนอีกละเนี่ย ซวยจริง ๆ เลย...แล้วจะต้องกลับทางไหนล่ะ ฉันอยากจะร้องไห้ โอ๊ย!!!” ฉันมองโดยรอบแล้วบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย“ซวยหนักแล้วยัยณินเอ๊ย” ฉันไม่รู้จะหาทางกลับบ้านยังไง มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย“มโนมยิทธิ...ใช่แล้ว ต้องสื่อหาท่านอาจารย์”นึกได้ดังนั้นฉันจึงดิ่งลงสู่พื้นดิน แล้วอยู่ในฌานสมาธิด้วยความสงบ แล้วรวบรวมพลังจิตเพื่อสื่อถึงท่านอาจารย์ วิชาขั้นพื้นฐานที่ได้ฝึกฝนปฏิบัติมา จึงไม่ยากต่อการใช้วิชานี้ เพียงแต่บางครั้งสถานการฉุกเฉินทำให้ฉันคิดไม่ค่อยทัน ว่าต้องลำดับความสำคัญยังไง อันนี้ฉันยังต้องฝึกตัวเองให้มีสติมากกว่านี้ รับรู้ตัวเองดีว่ามันคือจุดบกพร่อง(“ท่านอาจารย์ช่วยศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ...ช่วยศิษย์ด้วย ท่านอาจารย์”)ฉันเพ่งกระแสจิตด้วยคำพูดเพื่อสื่อขอความช่วยเหลือ ท่านอาจารย์เป็นคนที่ผุดเข้ามาในหัวของฉันตอนนี้ ท่านมีวิชาแก่กล้าน่าจะช่วยเหลือฉันได้มากที่สุด((“ข้ารับรู้แล้ว”))(“ศิษย์ไม่รู้อยู่

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร1/4

    “เจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ” ฉันเอ่ยด้วยความเอือมระอา กับการที่พบเวนไตยด้วยความบังเอิญแบบนี้“เวรกรรมอะไรของเจ้านางน้อยที่ต้องมาเจอท่านอยู่ร่ำไป” อาศิรวิษพูดได้ตรงใจฉันมาก“ใช่เลยค่ะ น้องก็คิดแบบนั้นแหละ” ฉันกระซิบเขา พร้อมกับเงยหน้าแล้วส่งยิ้มให้ด้วยความพอใจ ส่วนเขาไม่ตอบอะไรก้มมองด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองทางเวนไตย ที่อยู่ในระยะห่างออกไปพอสมควร“สงสัยเราสองคนจักเป็นเนื้อคู่กันกระมังเจ้านางน้อยผณินทร” เวนไตยพูดออกมาด้วยสีหน้ายียวน ทำให้ฉันกรอกสายตามองบนทันทีด้วยความหมั่นไส้“ใครอยากเป็นเนื้อคู่ของคุณไม่ทราบ” ฉันที่ยืนหลบด้านหลัง โผล่หน้าออกมาแล้วตะเบ็งเสียงต่อต้าน“บางอย่างก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่าเพิ่งตรัสเยี่ยงนั้นสิเจ้านางน้อยของกระหม่อม” เวนไตยพูดออกมาอย่างไม่อายปาก“แหวะ”“หลีกไปเสียเถิด กระหม่อมไม่อยากจะประมือกับท่าน” อาศิรวิษพูดหลบเลี่ยง เขายังคงใช้ร่างกายบดบังปกป้องฉัน“กลัวหรืออย่างไร”“หาใช่เกรงกลัวไม่ เพียงแต่ไม่อยากออกแรงสู้รบอย่างอันธพาล”“สามหาวไปเถิด เพราะถ้าเกิดว่าข้าได้ตบแต่งกับเจ้านางน้อย องครักษ์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะไม่มีวันได้เข้าใกล้นางอีกต่อไป”“ใครจะแต่งกับนายไม่

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 4/4

    การฝึกฝนแสนหนักหน่วงสะสมมานานนับหลายเดือนทำให้ฉันเหนื่อยล้าและเปลืองแรงมหาศาลแทบทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันฉันฝึกวิชามาจนลึกล้ำถึงขั้นเปลี่ยนร่าง เหาะเหินเดินอากาศ และการใช้เวทย์ต่าง ๆ ตามที่ท่านอาจารย์สอนให้ ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่คิดเชื่อเลยว่า คนธรรมดาแบบฉันสามารถฝึกวิชาโบราณได้มากถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลย แม้กระทั่งความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปกับใครบางคน“ทำได้ดีมากทีเดียวเจ้านางน้อย” ท่านอาจารย์เอ่ยเมื่อสิ้นสุดการฝึกในวันนี้“ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันเจ้าค่ะ”“สิ่งที่ติดตัวมา ต่อให้ลืมเลือนก็ย่อมรื้อฟื้นได้ไม่ยาก”“แต่หนูไม่เคยรู้วิชาพวกนี้ก่อนนะเจ้าคะ”“.....”“ท่านอาจารย์มองหน้าแบบนั้น รู้สึกแปลก ๆ เจ้าค่ะ มีอะไรเหรือเปล่าเจ้าคะ?”ระหว่างการพูดคุยกับท่านอาจารย์อยู่ในถ้ำ คำพูดบางประโยคทำให้ฉันแปลกใจ แถมสายตาที่ท่านอาจารย์มองมาที่ฉันยิ่งทำให้มีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าท่านอาจารย์รับรู้อะไรบางอย่างในตัวของฉัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง“ไม่มีกระไรหรอก วันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เสด็จกลับตำหนักเถิดเจ้านางน้อย พรุ่งนี้ค่อยมาฝึกวิชาขั้นสูงสุด”“เจ้าค่ะ ศิษย์ของลา”แม้ท

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 2-3/4

    “เจอกันจริง ๆ เสียทีนะ”“คะ?”คำพูดของท่านอาจารย์ทำให้ฉันเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง อะไรคือคำว่าเจอกันจริง ๆ เสียที“ศิษย์ขอฝากบุตรสาวคนนี้เป็นศิษย์ของท่านด้วยเถิด นางเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขที่ศิษย์ไว้ใจให้ปกครองมคธนครในภายภาคหน้า และเชื่อว่านางจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี”เสด็จพ่อพูดขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุดหย่อน นี่ฉันต้องรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งจริงหรือ ปกครองชีวิตนับแสนนับล้านฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจะทำมันได้อย่างไร“อย่าได้กังวลใจไป แม้จะไม่ใช่ตัวตนแต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นแสนลึกล้ำยิ่งนัก”“แต่ว่า...”“ปล่อยให้ทุกอย่างเดินตามเส้นทางที่ลิขิตเถิด การฝืนยิ่งจะทำให้เจ็บไม่รู้จบ”“เจ้าค่ะ”ท่านอาจารย์กล่าวออกมาอย่างกับอ่านความคิดของฉันได้ คำพูดของท่านทำให้ฉันปรายสายตามอง ในหัวตอนนี้มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาเป็นวาจาถามไถ่ ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ และก้มหัวยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ฉันตั้งใจร่ำเรียนวิชาตามที่ท่านอาจารย์สอน มันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับฉันที่เป็นเพียงจิตวิญญาณธรรมดา วิชาเวทย์ที่ยากจะเข้าใจ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status