เกือบปีที่ไพลินมาอยู่ที่อเมริกาเธอเรียนรู้วิถีชีวิตต่างแดนและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตทุกด้านของอเมริกาจนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มีเพียงปัญหาเล็กน้อยที่เกิดจากผู้ให้ทุนเธอเท่านั้นที่ไพลินยังแก้ไม่ตก เพราะจนถึงวันนี้เมสันก็ยังไม่เคยให้เธอได้ลองใช้ขนส่งสาธารณะของอเมริกาเลยสักครั้ง
สมาชิกทุกคนของบ้านเดวาลอฟให้ความเป็นมิตรแก่เธอเป็นอย่างดีไม่เคยมีสักครั้งที่ใครจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้บางครั้งไมร่าเองจะมีกิจกรรมที่มหาลัยและไพลินเองก็มีกิจกรรมที่มหาลัย จนบางทีหลายวันกว่าจะเจอกันครั้งหนึ่งแม้จะอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อเจอกันไมร่าก็ยังคงใส่ใจและเป็นห่วงเธอไม่เปลี่ยน
“วันมะรืนนี้วันเกิดของลินใช่หรือเปล่า เราไปฉลองกันข้างนอกหรือฉลองที่บ้านกันดี” ไมร่าพูดขึ้นบนโต๊ะอาหารเช้า
“อย่าเลยไมร่าเปลืองเปล่า ๆ แค่นี้ลินก็เกรงใจจะแย่”
“เกรงใจอะไรกันวันเกิดมีแค่ปีละครั้งไม่ใช่มีทุกวันเสียหน่อย ที่นี่ไมร่าจะเลี้ยงฉลองกันทุกปีนะไม่ว่าจะวันเกิดไมร่าหรือวันเกิดพี่เมสัน แต่รายนั้นไม่ค่อยจัดที่บ้านหรอก ไมร่าห้ามไม่ให้พี่เมสันพาคู่ควงคนไหนมาบ้านเพราะงานวันเกิดพี่เมสันต้องมี ดารานางแบบที่หมายมั่นอยากจะเป็นคู่ควงหรือคุณนายของ เดวาลอฟมาร่วมงานจนลายตาไปหมด ส่วนมากก็เลยจัดที่โรงแรม”
“ไมร่า!!” เสียงเข้มที่ดังขึ้นเรียกให้ทั้งไมร่าและไพลินหันไปมอง เมสันที่พึ่งคุยงานสำคัญกับดีแลนเสร็จและกำลังเดินเข้ามายังห้องอาหารจึงทันได้ยินสิ่งที่น้องสาวพูด คงจะไม่เป็นไรหากคนที่นั่งฟังน้องสาวเขาจะไม่ใช่ไพลินผู้หญิงที่ตอนนี้เขาเริ่มจะแคร์ความรู้สึกเธอ
“ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยคะ ตกใจหมด” ไมร่าทำเสียงงอนใส่พี่ชายที่เสียงดังใส่เธอแบบไม่มีเหตุ
ไพลินรู้สึกเหมือนมีหินถ่วงอยู่ในอกเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ ไมร่าพูดจนไม่อยากจะมองหน้าใครในตอนนี้โดยเฉพาะเมสันที่เธอรู้สึกว่ากำลังมองมายังเธอ
“ทานอาหารไปพูดไปมันดูไม่ดี ถ้าจะพูดก็พูดให้เสร็จแล้วค่อยทาน”
“ไมร่ายังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ พึ่งคุยกันเรื่องงานวันเกิดลินและก็กำลังจะทานพี่เมสันก็มาพอดี” เมสันรู้ดีว่าน้องสาวเขายังไม่ทันได้ตักอะไรเข้าปาก แต่เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าหาทางปรามไมร่าให้หยุดพูดในสิ่งที่จะทำให้ไพลินเข้าใจเขาผิด เมสันจึงต้องเลือกที่จะส่งเสียงดุออกไป
“’งานวันเกิดลินงั้นเหรอ…เมื่อไหร่” ชายหนุ่มเลิกคิ้วหันไปถามเจ้าของวันเกิด แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบกลับมาจึงหันไปทางน้องสาวอีกครั้ง
“วันมะรืนค่ะ” ไมร่าตอบแทนเพื่อน
เมสันเริ่มรู้สึกถึงปฏิกิริยาบางอย่างจากไพลินที่ไม่เหมือนเดิมจนแทบอยากจะลุกแล้วลากเธอไปเคลียร์สองต่อสอง แต่ก็ทำได้แค่เพียงข่มอารมณ์ไว้ในใจ
“แล้วจะจัดที่ไหนที่บ้านหรือที่โรงแรม”
“ลินยังไม่ตอบไมร่าเลยค่ะ บอกแต่ว่าไม่ให้จัดเพราะสิ้นเปลือง” เมื่อเห็นว่าไพลินยังคงนั่งเงียบไมร่าก็ต้องตอบพี่ชายของเธอแทนเพื่อนสาว เมสันบดกรามเข้าหากันแน่นเริ่มจะหมดความอดทนกับท่าทีเฉยชาที่ไพลินแสดงออกมา
“ไปจัดการได้เลยไมร่า จะจัดที่บ้านหรือที่โรงแรมก็เลือกมาแล้วแจ้งให้พี่ทราบภายในวันนี้ สายแล้วรีบทานจะได้รีบไปเรียน” ชายหนุ่มตัดบทเพื่อจะได้มีเวลาจัดการคนที่กำลังดื้อกับเขา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงทัดทานขึ้นมา
“อย่าเลยค่ะมันไม่ได้สำคัญอะไรสิ้นเปลืองคุณเปล่า ๆ” ไพลินรีบห้ามหลังจากเงียบฟังสองพี่น้องอยู่นาน
“พูดได้แล้วเหรอ” เมสันหันมาถามเสียงกระด้าง
“เอาเป็นว่าไมร่าจะเป็นคนจัดการให้เองนะลิน แค่นี้พี่ เมสันขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ตั้งแต่ลินมาอยู่ที่นี่เราก็ยังไม่เคยมีปาร์ตี้กันเลย ไมร่าจะถือโอกาสชวนเพื่อนที่มหาลัยมาด้วยสักสองสามคน โอเคนะลินนะ” เมื่อขัดเจ้าของบ้านและคนจัดงานไม่ได้ไพลินจึงต้องพยักหน้าว่าตาม
หลังจากได้ข้อสรุปที่เจ้าของวันเกิดไม่ได้เป็นคนสรุป ทั้งหมดก็ต่างก้มหน้าจัดการอาหารตรงหน้าของตนเองแบบเงียบ ๆ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันออกจากบ้านเหมือนเช่นทุกวัน ไมร่าแยกตัวไปกับรถอีกคันที่คนขับรถยืนรออยู่ ส่วนไพลินก็ไปคันเดียวกันกับเมสันเหมือนเช่นเคย
บรรยากาศภายในรถดูอึมครึมผิดปกติ จากที่ทุกวันเมื่อขึ้นมาบนรถเมสันจะคว้าตัวเธอเข้าไปกอดเป็นอันดับแรกและจะคลอเคลียไม่ห่างจนกว่าจะถึงมหาลัย ชายหนุ่มทำแบบนี้ทุกวันตั้งแต่เริ่มขโมยหอมแก้มเธอครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน แต่มาวันนี้เขากลับไม่ทำเหมือนที่เคยทำ
“คุณดีแลนคะ ฝากบอกคุณเจเดนว่าวันนี้ไม่ต้องมารับหนูนะคะ เดี๋ยวหนูนั่งรถประจำทางกลับเองค่ะ” ไพลินชะโงกหน้าไปบอกดีแลนที่นั่งข้างคนขับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก
ดีแลนเอียงหน้ามามองคนเป็นนายที่มองมาที่ตนเองอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นเหมือนมีเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่ ดูจากสีหน้าและแววตาของเจ้านาย ดีแลนรู้ดีว่าควรจะตอบหญิงสาวว่าอย่างไร
“เอาไว้วันอื่นค่อยลองกลับเองแบบที่ว่านะครับ วันนี้ เจเดนรับคำสั่งไปแล้วหากต้องเปลี่ยนแปลงตารางงานกะทันหันอาจจะกระทบงานอื่นในหน้าที่ของเจเดนได้” แม้อารมณ์ภายในจะเดือดแค่ไหนกับท่าทีที่แปลกไปของผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาตอนนี้แต่เมสันก็ยังแอบชื่นชมในคำตอบของดีแลนที่สามารถเข้าใจคำสั่งทางสายตาจากเขา สมแล้วที่เป็นเลขามือขวา
ไพลินรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ เมสัน ความเงียบของชายหนุ่มตอกย้ำความรู้สึกที่ว่าเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เป็นคู่ควงของเขาเหมือนที่ไมร่าเล่าให้ฟัง สำคัญตัวผิดมันคงเป็นแบบนี้นี่เอง เธอคิดในใจ
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหากคุณเจเดนมารับตอนเลิกเรียนหนูให้เขาส่งลงที่ป้ายรถประจำทางได้ใช่ไหมคะ” ยังไม่ทันที่ดีแลนจะได้ตอบหญิงสาว คนที่พยายามควบคุมอารมณ์มาตั้งแต่ที่บ้านก็โพล่งขึ้นมาอย่างหงุดหงิดและเสียงดังลั่นรถ
“จะอะไรกันนักหนากับการนั่งรถกลับ!! มีอะไรไม่พอใจพูดมา!!”
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธอ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ