LOGINตอนที่12
ภาพที่แสนเจ็บปวด
เกือบปีแล้วที่เธอกับกวินแต่งงานกันมา เธอไม่เคยรู้สึกว่าสามีของเธอมีค่าเท่าวันนี้เลย ก้ามปูกำลังรู้สึกกลัวว่าจะเสียเขาไปจริงๆ
“พร้อมแล้วนะก้ามปู จำไว้นะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แกยังมีพวกฉันเสมอ”
ก้ามปูค่อยๆใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ไม่มีใครอยู่ในห้องรับแขก น้ำตาของหญิงสาวผู้รู้สึกพ่ายแพเริ่มไหลออกมา ถ้าสองคนไม่ได้นั่งกันอยู่กลางห้องก็เหลือแต่ในห้องนอน
ห้องนอนอยู่ห่างจากจุดที่ก้ามปูยืนอยู่เพียงไม่กี่ก้าว แต่เธอกลับค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆ และใช้มือค่อยๆขยับหมุนประตูด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ในห้องนั้นมีเพียงสาวชาวเกาหลีที่กำลังเตรียมจัดกระเป๋าจะเดินทางกลับ เธอหันมาหาทั้งสามคนด้วยความตกใจ ก่อนที่จะร้องโวยวาย
ทรายเป็นเพียงคนเดียวที่มีสติและพูดภาษาอังกฤษได้เก่งจึงพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
เสียงดังของลูกค้าต่างชาติ ทำให้กวินรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ข้างๆกับห้องครัวด้วยความตกใจ
เมื่อหันมาเห็นก้ามปู ชายหนุ่มยิ่งตกใจเป็นสองเท่า แต่เขาก็เลือกที่จะวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อดูแลลูกค้าของเขาก่อน
“เอาไงต่อวะแก”
ทรายเดินออกมาจากห้องนอนด้วยความรีบร้อน เพราะไม่อยากตอบคำถามกวิน
“กลับกันเถอะ”
ก้ามปูรีบสาวเท้าออกจากห้อง และลงมาชั้นล่างส่งคีย์การ์ดคืนและขับรถกลับบ้านทันที
“ขอบใจทุกคนมากนะ คืนนี้ฉันจะไปหาพี่กุ้งนาง แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
หญิงสาวหันมาบอกเพื่อนๆที่มาส่งเธอที่หน้าบ้าน ก่อนจะเปิดประตูลงจากรภด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย
ก้ามปูเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า คืนนี้เธอจะไปนอนที่บ้านของพี่สาว เพราะพี่เขยเดินทางไปต่างประเทศ และพรุ่งนี้เธอค่อยคิดต่อว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อ
หญิงสาวไม่สนใจแล้ว ว่าทั้งคู่จะมีอะไรกันไหม แต่สิ่งที่เขาทำมันแสดงให้เห็นว่ากวินเลือกที่จะรักษาน้ำใจลูกค้ามากกว่าภรรยาของตัวเอง
บ้านของกุ้งนางอยู่ไกลจากบ้านของกวินมาก แต่ดึกแล้วรถไม่ค่อยติดก้ามปูจึงขับรถไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบอะไร เธอไม่ได้โทรไปบอกพี่สาวก่อน เพราะกลัวกุ้งนางจะแอบบอกกวิน
ระหว่างทางก้ามปูพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ความจริงแล้วสิ่งที่เธอเห็นก็ไม่ได้แสดงว่าทั้งคู่กำลังมีอะไรเกินเลยกัน แต่ความหวาดระแวงทั้งหมดมันเกิดจากความรู้สึกลึกๆ ว่าเธอไม่เคยมั่นใจเลย ว่ากวินรักเธอต่างหากและเธอคงไม่สามารถทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ต่อไปได้
กวินรู้สึกทั้งโมโหและโกรธภรรยามากตั้งใจว่ากลับมาถึงบ้าน เธอกับเขาคงมีเรื่องต้องคุยกัน แต่พอขึ้นมาที่ห้องนอนเขากับพบว่าเสื้อผ้าของใช้บางส่วนถูกเก็บไปหมด ภรรยาของเขาไม่อยู่แล้ว จากอารมณ์ที่โมโหเปลี่ยนเป็นความเป็นห่วงทันที
ชายหนุ่มไม่กล้าโทรไปหาชลธีเพราะกลัวจะทำให้พ่อของภรรยาตกใจ เขาจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาทรายเพื่อถามว่าก้ามปูไปไหน
“ก้ามปูไม่ได้บอกว่าจะไปไหน แต่ไม่ได้กลับไปหาพ่อของเธอแน่นอน เธอคงอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก ทรายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของพี่ก่อนหน้านี้ ทำไมมันถึงทำให้เพื่อนของทรายรู้สึกไม่ไหวใจพี่ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าพอ ให้เวลาก้ามปูมันได้คิดทบทวนสักพักนะคะ ดีขึ้นมันคงกลับมาเอง พี่กวินก็จะได้มีเวลาคิดทบทวนด้วย พวกเราต้องขอโทษที่เข้าไปทำให้ลูกค้าของพี่ตกใจ แต่พวกเราทำไปเพราะรักและเป็นห่วงก้ามปูนะคะ”
กวินวางสายจากเพื่อนของภรรยา เขานอนลงบนเตียงนอนที่ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของหญิงสาวที่เคยนอนรอเขาเกือบทุกวันมือก่ายหน้าผาก เขายังคิดไม่ออกว่าเขาทำอะไรให้ภรรยาต้องรู้สึกแบบนั้น
เรื่องของขวัญวิภาเขาก็พาเธอไปดูด้วยตาตัวเองแล้ว ว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องคอยไปช่วยเหลือ และเรื่องวันนี้ก็คือลูกค้า เขาก็มีหน้าที่ต้องดูแลอยู่แล้ว
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทรายส่งภาพบางอย่างมาก กวินรีบเปิดดู ทรายอธิบายว่า มีคนส่งภาพพวกนี้มาให้ก้ามปูดู ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจสะกดรอยตามกวิน
ชายหนุ่มพอคาดเดาได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร เพราะคนที่จะรู้ว่าเขากับลูกค้าจะไปที่ไหนบ้างมีเพียงคนเดียวก็คือขวัญวิภา
กวินรู้สึกว่าการที่เขาตัดขวัญออกจากชีวิตไม่ได้แบบเด็ดขาดมันทำให้ตัวเขาเองที่ไม่มีความสุขและพลอยทำให้ก้ามปูต้องมาเสียใจอีก
ดึกแล้วกวินทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามโทรศัพท์หาภรรยา แต่ก้ามปูก็ไท้รับสาย สักพักเธอก็ปิดเครื่องไป กวินได้แต่ภาวนาขอให้ภรรยาของเขาอย่าตัดสินใจ ทำอะไรที่จะเป็นอันตรายเลย
ห้าทุ่มกว่าก้ามปูขับรถมาถึงบ้านของพี่สาว กุ้งนางลงมาเปิดประตูบ้านให้ เพราะเธอโทรมาบอกตอนที่ใกล้ถึงแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมมาหาพี่ดึกดื่นแบบนี้”
กุ้งนางถามน้องสาวด้วยความหวงใย และตกใจเพราก้ามปูร้องไห้มาตลอดทางจนดางตาแดงบวมไปหด
“เข้าบ้านก่อน มีอะไรไปคุยกันในบ้าน เข้มแข็งน้องสาวของพี่ไม่ใช่คนอ่อนแอ”
หญิงสาวเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กุ้งนางฟัง เธอไม่ได้พูดใส่ร้ายสามีเธอพูดทุกอย่างตามความจริงและเธอก็ยอมรับว่าบางเรื่องเธอก็ไม่เคยถามไม่เคยพูดกับกวินตรงๆ และมักจะคิดไปเองไปในทางที่ไม่ดี
“คืนนี้ไปพักก่อน พี่เข้าใจนะว่าก้ามปูกำลังรู้สึกอะไรเพราะพี่ก็ผ่านช่วงนั้นมาแล้ว”
กุ้งนางก็ไม่ต่างจากน้องสาวตอนที่แต่งงานแรกๆ เธอก็แอบคิดตลอดว่ากวีไม่รักเธอ และคงมีสักวันที่เขาจะต้องนอกใจ และในที่สุดก็ต้องเลิกกัน แต่พอยิ่งคิดยิ่งทุกข์ยิ่งไม่มีความสุข กุ้งนางจึงเปลี่ยนความคิดใหม่เขาเปิดใจคุยกับสามีตรงๆ จนเกิดความเข้าใจกัน และอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







