ร้านค้าภายในโรงเรียนช่วงเที่ยงแน่นขนัดไปด้วยนักเรียนที่เบียดเสียดกันเลือกซื้อของกิน
ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ สายตากลับไปสะดุดเข้ากับขนมปังครีมสตรอเบอร์รี่ในมุมวางขาย
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบมันเพิ่มใส่ถุงไปอีกชิ้น
ผมขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงเรียน
ผมนั่งลงบนพื้นคุ้นเคย หยิบขนมปังเมล่อนมากินพลางดื่มนมกล่องเงียบ ๆ
...เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“อยู่บนนี้จริง ๆ ด้วย”
เธอเดินมานั่งข้าง ๆ เว้นระยะพอสมควร กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ลอยมาแตะจมูก เป็นกลิ่นนมบลูเบอร์รี่ที่คนทั่วไปก็น่าจะใช้กัน แต่กับเธอ...มันกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด
“ชิซากิจังมาหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
เธอนั่งพิงกำแพงแล้วเอนตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังผ่อนคลาย
“แค่อยากมาหาเฉย ๆ น่ะ…เพราะเวลาอยู่กับนายแล้วมันรู้สึกสบายใจดี”
ผมหันหน้าหนีทันทีเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ขึ้นมาบนใบหน้า
มือข้างหนึ่งของผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ กำของบางอย่างแน่นราวกับเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง
“ชิซากิจัง...คือว่า ผมมีอะไรจะให้”
เธอหันมามองผมด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย ผมจึงค่อย ๆ หยิบขนมปังครีมสตรอเบอร์รี่ที่ซื้อมายื่นให้
“เธอชอบไหม?”
ผมเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ใบหูร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก
...เธอกลับยิ้มออกมา
ยิ้มที่สว่างไสวราวกับแสงแดดยามเช้า—อบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
“ฉันชอบมากเลย...ขอบคุณนะ คัตสึยะคุง”
เธอเอื้อมมือมาหยิบขนมปังที่ผมยื่นให้ ปลายนิ้วเราสัมผัสกันเบา ๆ
ผมนิ่งเงียบ รู้สึกแปลกดีที่ความเงียบในตอนนี้ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลย
เรานั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้น
“งั้น...ไว้เจอกันใหม่นะ ขอบคุณสำหรับขนมปังครีมสตรอเบอร์รี่นะ อร่อยมากเลย”
ผมพยักหน้า ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนที่เธอจะเดินจากไป
“อันตรายเกินไปแล้ว…ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ”
ผมเดินกลับห้องเรียน ก้มหน้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“ไปไหนมาฉันหานายทั่วเลย! ว่าจะชวนไปกินข้าวข้างสนามบอล!”
ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตอบเรียบ ๆ
“ไปนั่งกินข้าวบนดาดฟ้ามาน่ะ”
ใบหน้าผมแดงขึ้นเล็กน้อย หวังว่าเขาจะไม่ทันสังเกต…แต่ไม่เลย
คิยามะเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้ทัน
ผมตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วหันหน้าหนี พร้อมตอบเสียงเบาแทบไม่เป็นคำ
“…อืม”
คิยามะยิ้มกว้างทันที ก่อนดึงแขนผม
“ไปนั่งที่ได้แล้ว ไอ้คนคลั่งรัก”
ผมไม่ได้ปฏิเสธคำพูดนั้นของเขาเลยสักนิด
เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน ผมเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง
รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของผมอย่างไม่รู้ตัว
ช่วงบ่ายหลังเลิกเรียน ชิซากิไม่ได้เดินกลับพร้อมผมเหมือนทุกวัน
“วันนี้เธอบอกว่าจะไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนในห้อง”
ระหว่างที่กำลังจัดของใส่กระเป๋า เสียงของเพื่อนร่วมห้อง A คนหนึ่งดังขึ้นหน้าห้อง
“โคโมริคุง นายรอใครอยู่รึเปล่า?”
ผมหันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงประตูห้องเรียนตรงข้าม ร่างสูงผอม ผมยุ่ง ๆ แบบไม่ได้ตั้งใจแต่ดูดี
“รอชิซากิจังน่ะครับ”
หัวใจผมสะดุดเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“เห็นว่าเธอลืมสมุดงานน่ะเลยจะเอามาให้ แล้วว่าจะชวนไปเดินร้านขนมด้วย”
วันถัดมา
“เมื่อวานกลับบ้านคนเดียวเหรอ?”
“อืม...ได้ยินว่าเธอไปกับโคโมริคุง”
“อ๊ะ...ใช่ เขาเอาสมุดมาให้ แล้วก็แวะร้านขนมกันนิดหน่อยน่ะ”
ช่วงพักกลางวัน เรานั่งด้วยกันเหมือนเดิม
แม้เธอจะไม่ได้พูดแบบพิเศษ...แต่หัวใจของผมมันกลับรู้สึกว้าวุ่นแปลก ๆ
เย็นวันนั้น ผมเดินกลับบ้านคนเดียวอีกครั้ง
“เธอไม่ได้เป็นของเราอยู่แล้ว”
ผมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
แต่เมื่อหยิบมือถือขึ้นมา…
“วันนี้ขอบคุณที่ฟังฉันพูดเรื่องโคโมริคุงนะ”
“แต่...ยังไงฉันก็ชอบเวลาที่อยู่กับนายที่สุด :)”
ผมมองจอค้างไว้นานกว่าปกติ
แม้เรายังคงเป็นแค่ “เพื่อน”
ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอเลือกเดินกลับบ้านกับผม เราก็เริ่มใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นไม่ใช่แบบคนรัก... แต่ก็ไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่หัวใจเริ่มเต้นแรง โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดหลังจากวันนั้น กลุ่มของพวกเราก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น มีผม — คัตสึยะ, ชิซากิ, โคโมริ, คิยามะ และเพื่อนสนิทของชิซากิคนหนึ่งชื่อว่า ชิโนโมริ เร็นกะเร็นกะเป็นผู้หญิงที่ร่าเริง สดใส และพูดเก่งจนบางครั้งก็เอาชนะการเถียงของคิยามะได้อย่างง่ายดาย เธอมีผมยาวสีน้ำตาลทองอ่อนและดวงตาสีฟ้าใส ดูคล้ายตุ๊กตาที่มีชีวิตและทันทีที่เธอแนะนำตัวกับคิยามะในวันแรก... “ฉันชื่อเร็นกะ ชิโนโมริ เรียกเร็นก็ได้~” คิยามะก็ยืนค้างเหมือนโลกหยุดหมุนอยู่สามวินาที ก่อนจะหันมากระซิบผมว่า “ฉันว่าฉันชอบเธอแล้วว่ะ…”ผมกลั้นหัวเราะไม่ไหว ส่วนชิซากิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็แอบยิ้มบาง ๆ เหมือนจะรู้ทันว่าเกิดอะไรขึ้นสายตาของผมหันไปเห็นโคโมริที่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไปพักเที่ยงของแต่ละวัน กลายเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของพ
ช่วงสายของวันจันทร์ อากาศอบอ้าวเล็กน้อยราวกับเตือนให้หัวใจคนบางคนไม่อยู่ในจุดเดิมอีกต่อไปผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างประจำตำแหน่ง แต่อารมณ์วันนี้กลับไม่สงบเหมือนเคย ภาพในหัวมีแต่ใบหน้าของชิซากิ...กับแววตาเยือกเย็นของผู้ชายคนนั้นโคโมริ เซนช่วงพักกลางวัน ผมเดินผ่านโถงอาคารหลัก เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกฟากของทางเดินสายตาผมเผลอมองไป และต้องหยุดชะงักเธอ...ชิซากิ กำลังยืนคุยกับโคโมริอยู่ตรงมุมบอร์ดประชาสัมพันธ์ของนักเรียน ทั้งคู่ถือแฟ้มคนละเล่ม และดูเหมือนกำลังหารืออะไรบางอย่างอย่างตั้งใจเธอหัวเราะกับประโยคบางอย่างที่โคโมริพูด เขาหัวเราะตาม แต่ยังคงแววตาเฉียบคมและสงบนิ่งแบบคนที่มีความมั่นใจทั้งคู่เหมือนภาพที่ลงตัว…"เหมาะสมกันมากจริง ๆ" ผมคิดในใจโดยไม่รู้ตัวทันใดนั้น หัวใจของผมเหมือนโดนบีบ ไม่ใช่เพราะโกรธ ไม่ใช่เพราะหึง แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในเงามืดของความรักความรู้สึกว่า...เธออยู่ไกลเกินไปสำหรับคนอย่างผมผมเดินหลบออกจากตรงนั้น เงียบ ๆ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าตามลำพังอีกครั้ง"ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ" "ไม่ได้ฉลาด ไม่ได้เก่งอะไรเหมือนโคโมริคุง"ผมพึมพำกับต
วันหยุดสุดสัปดาห์มาถึงเร็วกว่าที่คิดแสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่น เสียงนกร้องจางๆ ข้างนอกเหมือนกล่อมให้บรรยากาศผ่อนคลายกว่าทุกวันผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เงียบๆ จู่ๆ ข้อความในมือถือก็ดังขึ้น"วันนี้ว่างไหม ไปเดินเล่นด้วยกันได้รึป่าว?" – ชิซากิจังหัวใจผมเต้นแรงโดยอัตโนมัติแม้จะตอบอย่างมีมาดว่า “ก็พอว่างอยู่นะ”แต่ในใจนั้นลิงโลดไปหมดสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองกลีบซากุระร่วงลงบนพื้นหญ้าราวกับสร้างพรมสีชมพูอ่อนเธอใส่เสื้อคลุมบางสีขาวและกระโปรงพริ้วสีพีช เดินตรงมาหาผมพร้อมรอยยิ้มที่คุ้นเคย“ขอโทษที่ให้รอนะ”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็เพิ่งมาเอง”เราสองคนเดินเคียงข้างกัน บางช่วงก็เงียบ แต่ไม่รู้ทำไมความเงียบแบบนี้ถึงไม่อึดอัดเลยระหว่างที่เดิน เธอหยุดมองร้านเค้กเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างทาง แล้วพูดขึ้นเบา ๆ“ตอนที่โคโมริคุงพามาที่นี่...ฉันนึกถึงนายขึ้นมาทันทีเลยล่ะ”เธอยิ้มให้ ผมหันไปมองเธออย่างช้าๆ“เพราะว่านายชอบดาร์กช็อกโกแลตไม่ใช่เหรอ?”ผมพยักหน้าช้า ๆใจหนึ่งดีใจ...แต่ก็อดรู้สึกตึงในอกไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเขาอีกครั้งเราแวะนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้เธอยื่นขนมเค้กที่ซื้อมาให้ผมชิ
ร้านค้าภายในโรงเรียนช่วงเที่ยงแน่นขนัดไปด้วยนักเรียนที่เบียดเสียดกันเลือกซื้อของกิน ผมฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็ได้ขนมปังเมล่อนกับนมกล่องมาจนได้ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ สายตากลับไปสะดุดเข้ากับขนมปังครีมสตรอเบอร์รี่ในมุมวางขาย ไม่รู้ทำไม...แต่ภาพของเธอก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบมันเพิ่มใส่ถุงไปอีกชิ้นผมขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงเรียน อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ราวกับฤดูใบไม้ผลิกำลังโอบกอดโลกทั้งใบผมนั่งลงบนพื้นคุ้นเคย หยิบขนมปังเมล่อนมากินพลางดื่มนมกล่องเงียบ ๆ จนเสียงเปิดประตูดาดฟ้าดังขึ้น ผมหันไปมอง...เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม“อยู่บนนี้จริง ๆ ด้วย” เสียงใสของเธอทำให้หัวใจผมกระตุกเล็กน้อยเธอเดินมานั่งข้าง ๆ เว้นระยะพอสมควร กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ลอยมาแตะจมูก เป็นกลิ่นนมบลูเบอร์รี่ที่คนทั่วไปก็น่าจะใช้กัน แต่กับเธอ...มันกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด“ชิซากิจังมาหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามขณะหันไปสบตากับเธอ ดวงตาสีม่วงคู่นั้นยังคงงดงามไม่เปลี่ยนเธอนั่งพิงกำแพงแล้วเอนตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังผ่อนคลาย“แค่อยากมาหาเฉย ๆ น่ะ…เพรา
ร้านเค้กเล็ก ๆ ตกแต่งด้วยโทนสีพาสเทล บรรยากาศสบาย ๆ รายล้อมด้วยกลิ่นหอมของเค้กที่ลอยอบอวลไปทั่วร้าน เธอเดินนำผมเข้าไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้านอย่างเงียบ ๆแม้จะไม่มีบทสนทนาในตอนแรก แต่ความเงียบกลับไม่ได้น่าอึดอัดเลย... มันกลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาด“นายน่ะ...ชื่ออะไรเหรอ?” คำถามนั้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ผมเงอะงะเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บอาการ“คัตสึยะ... ไฮตาโตะ ปี 1 ห้อง D”ผมเหลือบตามองเธอ หวังว่าเธอจะไม่กลัวหรือรู้สึกอึดอัดที่มานั่งกับคนแปลกหน้า แต่เธอกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มสดใส“ห้อง D ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นพูดกันเลยนะ”หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และท่าทีอ่อนโยนของเธอ... ทำให้ผมหลงรักเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกบนโต๊ะ มีเค้กสองชิ้นวางอยู่ ของเธอเป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก ส่วนของผมเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่เข้มข้นแม้จะมีของโปรดอยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับละสายตาไปจากเธอไม่ได้เธอมักจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อนเสมอ และผม...ก็เอาแต่ฟังเธออย่างเงียบ ๆ ด้วยหัวใจที่ค่อย ๆ เปิดรับ“คัตสึยะคุง เท่มากเลยนะ ทำยังไงถึงจะเท่แบบนั้นได้บ้างเหรอ?”เธอพูดพร้อมกับร
ความรักคืออะไร... ผมถามกับตัวเองอยู่ทุกวัน ไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน ไม่เคยรู้สึกว่าแค่สบตาก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ...จนกระทั่ง เย็นวันเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิวันแรกลมเย็นพัดผ่าน พร้อมกลีบดอกซากุระที่ปลิวล่องไปกับแสงอาทิตย์อ่อน บรรยากาศยามเย็นอบอุ่นอย่างประหลาด — อบอุ่นจนเหมือนฤดูใบไม้ผลิกำลังโอบกอดใจผมไว้ผมกำลังจะเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน แต่สายตากลับหยุดนิ่ง ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่ของโรงเรียน... เธอยืนอยู่ตรงนั้นผมสีชมพูหม่นของเธอสั่นไหวตามแรงลม ดวงตาสีม่วงเข้มดูสงบ เยือกเย็น และ...อบอุ่น มันช่างเข้ากันจนเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดผมหยุดยืน มองเธออยู่อย่างนั้น แล้วลมก็พัดมาอีกครั้ง—เบา ๆ พอจะปลุกหัวใจให้ตื่นขึ้นเธอหันมามองตรงมา เราสบตากัน...และเธอยิ้มรอยยิ้มบางเบาที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนในพริบตา ผมยืนนิ่ง ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำใด เธอก็หมุนตัวเดินจากไป กลีบดอกไม้ปลิวตามหลังเธอไปอย่างช้า ๆ ...นี่สินะ ความรู้สึกของการตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบวันที่สองของการเปิดภาคเรียนแสงแดดยามเช้าส่องลอดกระจกเข้ามาตามโถงทางเดิน ผมเดินไปตามทางอย่างง่วง ๆ ราวกับคนนอนไม่พอ ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบเบ