ช่วงสายของวันจันทร์
ผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างประจำตำแหน่ง
โคโมริ เซน
ช่วงพักกลางวัน ผมเดินผ่านโถงอาคารหลัก
สายตาผมเผลอมองไป และต้องหยุดชะงัก
เธอ...ชิซากิ กำลังยืนคุยกับโคโมริอยู่ตรงมุมบอร์ดประชาสัมพันธ์ของนักเรียน
เธอหัวเราะกับประโยคบางอย่างที่โคโมริพูด
ทั้งคู่เหมือนภาพที่ลงตัว…
"เหมาะสมกันมากจริง ๆ" ผมคิดในใจโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น หัวใจของผมเหมือนโดนบีบ
ความรู้สึกว่า...เธออยู่ไกลเกินไปสำหรับคนอย่างผม
ผมเดินหลบออกจากตรงนั้น เงียบ ๆ
"ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ"
"ไม่ได้ฉลาด ไม่ได้เก่งอะไรเหมือนโคโมริคุง"
ผมพึมพำกับตัวเอง
เสียงฝีเท้าคุ้นเคยดังขึ้น
เธอ...ชิซากิ เดินมานั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง
"คัตสึยะคุง! ฉันหาอยู่นานเลย..."
ผมหันไปสบตาเธอ ดวงตาสีม่วงที่ยังคงมีประกายเหมือนเดิม
"วันนี้...งานหัวหน้าห้องเยอะไหมครับ?" ผมถามเสียงเรียบ
หัวใจของผมกระตุกอีกครั้ง
“คัตสึยะคุง?”
เสียงของเธอเรียกผมกลับมา
“วันนี้ทำเค้กมาเองเลยนะ อยากให้นายลองเป็นคนแรก”
หัวใจของผมยังคงสั่น แต่ผมพยายามไม่แสดงออก
ช่วงบ่ายของวันจันทร์ แสงแดดตกกระทบกระจกห้องเรียนเป็นประกายอบอุ่น
ในระหว่างที่กำลังเดินไปยังห้องสมุดเพื่อเอาหนังสือ
รอยยิ้มแบบที่ผมเคยคิดว่าเป็นของผมเพียงคนเดียว
"นายชอบเธอสินะ"
เสียงทุ้มเรียบของโคโมริดังขึ้นจากด้านข้าง
"มันเห็นได้ชัดจากแววตาของนายทุกครั้งที่มองเธอ"
ผมนิ่งเงียบ หัวใจเต้นแรงแต่ไม่กล้าปฏิเสธ
"แล้วนายล่ะ..."
"แน่นอน ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน"
"เธอเป็นคนที่น่ารัก และอยู่ในจุดที่เหมาะกับฉันทั้งฐานะและความสมบูรณ์แบบ"
คำพูดของเขาชัดเจน ตรงไปตรงมา และไม่มีความลังเล
"บางที..." ผมพูดออกไปทั้งที่ไม่แน่ใจว่ากำลังถามหรือพูดกับตัวเอง
โคโมริมองผมอยู่นิ่ง ๆ สายตาไม่ได้เย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ปลอบใจ
"คำถามไม่ใช่ว่าใครเหมาะกับเธอมากกว่า"
"แต่ว่า...ใครที่กล้าเดินเข้าไปอยู่ข้างเธอโดยไม่หนี"
"ยังไงชิซากิก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีสำหรับตัวเธอด้วยตัวเองอยู่แล้ว"
เขาพูดเพียงเท่านั้น แล้วเดินจากไป ทิ้งผมไว้กับคำพูดที่ก้องอยู่ในหัว
ช่วงเย็น หลังเลิกเรียน
เธอกำลังพูดคุยกับใครบางคน
โคโมริ เซน
เขายิ้มบาง ๆ และเอ่ยปากบางอย่างที่ผมไม่ได้ยิน
หัวใจของผมกระตุกทันที
เธอชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และตอบเบา ๆ
"ขอโทษนะ ฉันมีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะ"
แล้วเธอก็หันมาทางผม
ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี
แต่ไม่ทันได้ก้าวไปไกลนัก
"คัตสึยะคุง! เดี๋ยวสิ!"
"ฉันไม่ได้ตอบตกลงเขานะ" เธอพูดขึ้นลอย ๆ
ผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบตาไปมองเธอเล็กน้อย
"เธอ...ไม่ได้คิดว่าเขาเหมาะกับเธอมากกว่าเหรอ"
เธอส่ายหัวเบา ๆ
เธอยิ้มกว้างขึ้น
หัวใจของผมอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
เราเดินกลับบ้านไปด้วยกันช้า ๆ
แม้ความรู้สึกลึก ๆ จะมากกว่านั้น
ทางด้านของโคโมริที่ยืนมองทั้งคู่เดินไปด้วยกัน
"รอบนี้เธอคงเลือกนายสินะ..."
โคโมริพูดกับตัวเองเบาๆ...แต่สายตาไม่ได้รู้สึกเสียใจ...แต่กลับเป็นสายตาที่มุ่งมั่น..
"คราวนี้ฉันแพ้...แต่คราวหน้าฉันต้องชนะ"
โคโมริพูดเบาๆคนเดียว...ก่อนจะเดินไปจากตรงนั้น...
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายของศึกตัดสินความรู้สึกที่ค่อยๆเริ่มขึ้น...
ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอเลือกเดินกลับบ้านกับผม เราก็เริ่มใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นไม่ใช่แบบคนรัก... แต่ก็ไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่หัวใจเริ่มเต้นแรง โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดหลังจากวันนั้น กลุ่มของพวกเราก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น มีผม — คัตสึยะ, ชิซากิ, โคโมริ, คิยามะ และเพื่อนสนิทของชิซากิคนหนึ่งชื่อว่า ชิโนโมริ เร็นกะเร็นกะเป็นผู้หญิงที่ร่าเริง สดใส และพูดเก่งจนบางครั้งก็เอาชนะการเถียงของคิยามะได้อย่างง่ายดาย เธอมีผมยาวสีน้ำตาลทองอ่อนและดวงตาสีฟ้าใส ดูคล้ายตุ๊กตาที่มีชีวิตและทันทีที่เธอแนะนำตัวกับคิยามะในวันแรก... “ฉันชื่อเร็นกะ ชิโนโมริ เรียกเร็นก็ได้~” คิยามะก็ยืนค้างเหมือนโลกหยุดหมุนอยู่สามวินาที ก่อนจะหันมากระซิบผมว่า “ฉันว่าฉันชอบเธอแล้วว่ะ…”ผมกลั้นหัวเราะไม่ไหว ส่วนชิซากิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็แอบยิ้มบาง ๆ เหมือนจะรู้ทันว่าเกิดอะไรขึ้นสายตาของผมหันไปเห็นโคโมริที่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไปพักเที่ยงของแต่ละวัน กลายเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของพ
ช่วงสายของวันจันทร์ อากาศอบอ้าวเล็กน้อยราวกับเตือนให้หัวใจคนบางคนไม่อยู่ในจุดเดิมอีกต่อไปผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างประจำตำแหน่ง แต่อารมณ์วันนี้กลับไม่สงบเหมือนเคย ภาพในหัวมีแต่ใบหน้าของชิซากิ...กับแววตาเยือกเย็นของผู้ชายคนนั้นโคโมริ เซนช่วงพักกลางวัน ผมเดินผ่านโถงอาคารหลัก เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกฟากของทางเดินสายตาผมเผลอมองไป และต้องหยุดชะงักเธอ...ชิซากิ กำลังยืนคุยกับโคโมริอยู่ตรงมุมบอร์ดประชาสัมพันธ์ของนักเรียน ทั้งคู่ถือแฟ้มคนละเล่ม และดูเหมือนกำลังหารืออะไรบางอย่างอย่างตั้งใจเธอหัวเราะกับประโยคบางอย่างที่โคโมริพูด เขาหัวเราะตาม แต่ยังคงแววตาเฉียบคมและสงบนิ่งแบบคนที่มีความมั่นใจทั้งคู่เหมือนภาพที่ลงตัว…"เหมาะสมกันมากจริง ๆ" ผมคิดในใจโดยไม่รู้ตัวทันใดนั้น หัวใจของผมเหมือนโดนบีบ ไม่ใช่เพราะโกรธ ไม่ใช่เพราะหึง แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในเงามืดของความรักความรู้สึกว่า...เธออยู่ไกลเกินไปสำหรับคนอย่างผมผมเดินหลบออกจากตรงนั้น เงียบ ๆ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าตามลำพังอีกครั้ง"ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ" "ไม่ได้ฉลาด ไม่ได้เก่งอะไรเหมือนโคโมริคุง"ผมพึมพำกับต
วันหยุดสุดสัปดาห์มาถึงเร็วกว่าที่คิดแสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่น เสียงนกร้องจางๆ ข้างนอกเหมือนกล่อมให้บรรยากาศผ่อนคลายกว่าทุกวันผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เงียบๆ จู่ๆ ข้อความในมือถือก็ดังขึ้น"วันนี้ว่างไหม ไปเดินเล่นด้วยกันได้รึป่าว?" – ชิซากิจังหัวใจผมเต้นแรงโดยอัตโนมัติแม้จะตอบอย่างมีมาดว่า “ก็พอว่างอยู่นะ”แต่ในใจนั้นลิงโลดไปหมดสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองกลีบซากุระร่วงลงบนพื้นหญ้าราวกับสร้างพรมสีชมพูอ่อนเธอใส่เสื้อคลุมบางสีขาวและกระโปรงพริ้วสีพีช เดินตรงมาหาผมพร้อมรอยยิ้มที่คุ้นเคย“ขอโทษที่ให้รอนะ”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็เพิ่งมาเอง”เราสองคนเดินเคียงข้างกัน บางช่วงก็เงียบ แต่ไม่รู้ทำไมความเงียบแบบนี้ถึงไม่อึดอัดเลยระหว่างที่เดิน เธอหยุดมองร้านเค้กเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างทาง แล้วพูดขึ้นเบา ๆ“ตอนที่โคโมริคุงพามาที่นี่...ฉันนึกถึงนายขึ้นมาทันทีเลยล่ะ”เธอยิ้มให้ ผมหันไปมองเธออย่างช้าๆ“เพราะว่านายชอบดาร์กช็อกโกแลตไม่ใช่เหรอ?”ผมพยักหน้าช้า ๆใจหนึ่งดีใจ...แต่ก็อดรู้สึกตึงในอกไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเขาอีกครั้งเราแวะนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้เธอยื่นขนมเค้กที่ซื้อมาให้ผมชิ
ร้านค้าภายในโรงเรียนช่วงเที่ยงแน่นขนัดไปด้วยนักเรียนที่เบียดเสียดกันเลือกซื้อของกิน ผมฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็ได้ขนมปังเมล่อนกับนมกล่องมาจนได้ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ สายตากลับไปสะดุดเข้ากับขนมปังครีมสตรอเบอร์รี่ในมุมวางขาย ไม่รู้ทำไม...แต่ภาพของเธอก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบมันเพิ่มใส่ถุงไปอีกชิ้นผมขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงเรียน อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ราวกับฤดูใบไม้ผลิกำลังโอบกอดโลกทั้งใบผมนั่งลงบนพื้นคุ้นเคย หยิบขนมปังเมล่อนมากินพลางดื่มนมกล่องเงียบ ๆ จนเสียงเปิดประตูดาดฟ้าดังขึ้น ผมหันไปมอง...เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม“อยู่บนนี้จริง ๆ ด้วย” เสียงใสของเธอทำให้หัวใจผมกระตุกเล็กน้อยเธอเดินมานั่งข้าง ๆ เว้นระยะพอสมควร กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ลอยมาแตะจมูก เป็นกลิ่นนมบลูเบอร์รี่ที่คนทั่วไปก็น่าจะใช้กัน แต่กับเธอ...มันกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด“ชิซากิจังมาหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามขณะหันไปสบตากับเธอ ดวงตาสีม่วงคู่นั้นยังคงงดงามไม่เปลี่ยนเธอนั่งพิงกำแพงแล้วเอนตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังผ่อนคลาย“แค่อยากมาหาเฉย ๆ น่ะ…เพรา
ร้านเค้กเล็ก ๆ ตกแต่งด้วยโทนสีพาสเทล บรรยากาศสบาย ๆ รายล้อมด้วยกลิ่นหอมของเค้กที่ลอยอบอวลไปทั่วร้าน เธอเดินนำผมเข้าไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้านอย่างเงียบ ๆแม้จะไม่มีบทสนทนาในตอนแรก แต่ความเงียบกลับไม่ได้น่าอึดอัดเลย... มันกลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาด“นายน่ะ...ชื่ออะไรเหรอ?” คำถามนั้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ผมเงอะงะเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บอาการ“คัตสึยะ... ไฮตาโตะ ปี 1 ห้อง D”ผมเหลือบตามองเธอ หวังว่าเธอจะไม่กลัวหรือรู้สึกอึดอัดที่มานั่งกับคนแปลกหน้า แต่เธอกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มสดใส“ห้อง D ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นพูดกันเลยนะ”หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และท่าทีอ่อนโยนของเธอ... ทำให้ผมหลงรักเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกบนโต๊ะ มีเค้กสองชิ้นวางอยู่ ของเธอเป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก ส่วนของผมเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่เข้มข้นแม้จะมีของโปรดอยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับละสายตาไปจากเธอไม่ได้เธอมักจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อนเสมอ และผม...ก็เอาแต่ฟังเธออย่างเงียบ ๆ ด้วยหัวใจที่ค่อย ๆ เปิดรับ“คัตสึยะคุง เท่มากเลยนะ ทำยังไงถึงจะเท่แบบนั้นได้บ้างเหรอ?”เธอพูดพร้อมกับร
ความรักคืออะไร... ผมถามกับตัวเองอยู่ทุกวัน ไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน ไม่เคยรู้สึกว่าแค่สบตาก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ...จนกระทั่ง เย็นวันเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิวันแรกลมเย็นพัดผ่าน พร้อมกลีบดอกซากุระที่ปลิวล่องไปกับแสงอาทิตย์อ่อน บรรยากาศยามเย็นอบอุ่นอย่างประหลาด — อบอุ่นจนเหมือนฤดูใบไม้ผลิกำลังโอบกอดใจผมไว้ผมกำลังจะเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน แต่สายตากลับหยุดนิ่ง ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่ของโรงเรียน... เธอยืนอยู่ตรงนั้นผมสีชมพูหม่นของเธอสั่นไหวตามแรงลม ดวงตาสีม่วงเข้มดูสงบ เยือกเย็น และ...อบอุ่น มันช่างเข้ากันจนเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดผมหยุดยืน มองเธออยู่อย่างนั้น แล้วลมก็พัดมาอีกครั้ง—เบา ๆ พอจะปลุกหัวใจให้ตื่นขึ้นเธอหันมามองตรงมา เราสบตากัน...และเธอยิ้มรอยยิ้มบางเบาที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนในพริบตา ผมยืนนิ่ง ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำใด เธอก็หมุนตัวเดินจากไป กลีบดอกไม้ปลิวตามหลังเธอไปอย่างช้า ๆ ...นี่สินะ ความรู้สึกของการตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบวันที่สองของการเปิดภาคเรียนแสงแดดยามเช้าส่องลอดกระจกเข้ามาตามโถงทางเดิน ผมเดินไปตามทางอย่างง่วง ๆ ราวกับคนนอนไม่พอ ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบเบ